ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 347 :จำได้แล้ว
ตอนที่ 347 :จำได้แล้ว
“ต่อไปนี้ถ้าคุณจะมาชิงโจว คุณสามารถโทรหาผมก่อนได้นะ ! ”
รองนายกเทศมนตรีจางยิ้มและพูดต่ออีกว่า “งั้นวันนี้ผมขอเลี้ยงเอง ! ”
หลินต้าเหว่ยไม่อยากชักช้าอยู่ตรงนี้และกำลังจะตอบตกลง แต่ทันใดนั้น รองนายกเทศมนตรีจางก็เห็นหลินต้ากั๋ว เขาตกใจมาก ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าชายคนนี้จะมาปรากฏตัวในชิงโจวโดยที่ผู้นำท้องถิ่นในชิงโจวจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้มาก่อน เห็นแบบนั้นแล้ว เขาก็อุทานออกมาอย่างติด ๆ ขัด ๆ ว่า “ละ ละ หลิน…”
หลินต้ากั๋วยกมือขึ้นทันทีเพื่อหยุดเขา “ฉันมาที่นี่เป็นการส่วนตัว จึงไม่ได้บอกให้ใครทราบ ในเมื่อคุณเห็นฉันแล้ว ก็อย่าเอาไปเปิดเผยต่อสาธารณะเข้าล่ะ”
“ผมรู้ ผมรู้ ! ”
รองนายกเทศมนตรีจางพูดอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งมีเม็ดเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาบนหน้าผากของเขา
“ในเมื่อเจอกันแล้ว งั้นก็มานั่งด้วยกันดีกว่า ! ”
หลินต้ากั๋วพูดอย่างสบาย ๆ
เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะพบกับจางอี้เต๋อที่นี่ แต่รองนายกเทศมนตรีของชิงโจวคนนี้ก็ยังเป็นคนที่น่าชื่นชมในความคิดของเขา
“ขอบคุณมากครับท่าน…”
เขาไม่รู้ว่าทำไมหลินต้ากั๋วถึงมาที่ชิงโจว เขารู้แค่ว่าเขาจะต้องสานสัมพันธ์กับหลินต้าเหว่ยให้มากกว่านี้ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม เจียงเสี่ยวไป๋ก็เช่นกัน
ห้องส่วนตัวในร้านอาหารกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงมีขนาดใหญ่ แต่ในกลุ่มของหลินต้ากั๋วมีคนจำนวนมาก ดังนั้นพวกเขาจึงแบ่งออกเป็นสามโต๊ะ
หลินต้ากั๋ว หลินต้าเหว่ย รองนายกเทศมนตรีจาง เจียงเสี่ยวไป๋ ถังเสี่ยวโจว และติงจวิ้นเจี๋ยอยู่ในห้องเดียวกัน หลิวอี้ถิง หลินเจียอิน หลินเจียเหว่ย และคนอื่นอยู่ที่อีกโต๊ะหนึ่ง และมีคนขับรถสองคนและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสี่คนอยู่อีกโต๊ะหนึ่ง
พนักงานเสิร์ฟเมนูกุ้งหลากหลายเมนูอย่างรวดเร็ว เช่น กุ้งอบน้ำมัน กุ้งผัดกระเทียม กุ้งนึ่ง กุ้งอบน้ำมันรสเผ็ด ฯลฯ ทุกเมนูล้วนเป็นเมนูแนะนำของทางร้าน นอกจากนี้ยังมีพะโล้ผักอีกหลากหลายประเภท อาหารพวกนี้ถือเป็นการเป็นการเปิดหูเปิดตาสำหรับหลินต้ากั๋วและถังเสี่ยวโจวไม่น้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถังเสี่ยวโจว เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่ากุ้งเครย์ฟิชจะทำเมนูได้มากมายขนาดนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าถ้าเป็นปู จะทำอะไรได้บ้าง
เขาแทบรอไม่ไหวที่จะพาเจียงเสี่ยวไป๋ไปที่ทะเลสาบเหลียงจือตามที่ได้รับปากไว้
ตอนเที่ยง เดิมทีหลินต้ากั๋วบอกว่าเขาจะไม่ดื่ม แต่เจียงเสี่ยวไป๋บอกว่าการทานอาหารที่นี่ไม่ต่างไปกว่าการทานอาหารที่บ้าน โดยเน้นที่การกินกุ้งเป็นหลัก ไม่มีเมนูอื่นใด กุ้งเข้ากันกับเบียร์ได้อย่างลงตัว เขาจึงแนะนำให้หลินต้ากั๋วลองดื่มดู
เนื่องจากเจียงเสี่ยวไป๋แนะนำ หลินต้ากั๋วจึงไม่คิดจะปฏิเสธ
และเมื่อได้ชิมก็เป็นแบบนั้นจริง !
เจียงเสี่ยวไป๋เองก็ไม่ได้ดื่ม เขาพูดว่า “ผมต้องขับรถ จึงดื่มกับลุงรองไม่ได้ รองนายกเทศมนตรีจางดื่มกับลุงรองสักแก้วสองแก้วเถอะครับ”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ รองนายกเทศมนตรีจางก็รู้สึกขอบคุณเจียงเสี่ยวไป๋อย่างสุดซึ้ง
เจียงเสี่ยวไป๋แนะนำติงจวิ้นเจี๋ยให้รู้จักกับถังเสี่ยวโจว “คุณสองคนเป็นเลขาเหมือนกัน ควรจะทำความรู้จักกันเข้าไว้นะครับ”
ติงจวิ้นเจี๋ยรู้สึกขอบคุณเจียงเสี่ยวไป๋มาก แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นเลขา แต่ถังเสี่ยวโจวก็เป็นเลขาของคนที่มีตำแหน่งสูงกว่าเจ้านายของเขา
จะไม่คว้าโอกาสดังกล่าวได้อย่างไร ?
หลังจากทานอาหารเสร็จ หลินต้ากั๋วก็ได้รู้สาเหตุที่เจียงเสี่ยวไป๋สามารถเติบโตได้ในชิงโจว นั่นเป็นเพราะมีรองนายกเทศมนตรีจางให้การสนับสนุนเขานี่เอง หลินต้ากั๋วจึงกล่าวว่า “ฉันมาเยี่ยมชมโรงงานของเสี่ยวไป๋ และในเมื่อเป็นองค์กรที่คุณสนับสนุนอยู่เหมือนกัน คุณก็มากับฉันสิ ! ”
“ครับท่านผู้นำ ! ”
รองนายกเทศมนตรีจางมีความสุขมากจนไม่คิดจะเข้าออฟฟิศในช่วงบ่าย เพราะการติดตามท่านผู้นำนั้นถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่า
แต่เพื่อไม่ให้ที่อยู่ของท่านผู้นำถูกเปิดเผยออกไป เขาจึงส่งคนขับรถกลับไปก่อน โดยไม่แม้แต่จะนั่งในรถของเขาเอง แต่เข้าไปนั่งในรถของถังเสี่ยวโจวแทน
เจียงเสี่ยวไป๋ขับรถนำไปที่โรงงานผลิตฟิล์มพลาสติกชิงโจวก่อน
ระหว่างทาง ทุกครั้งที่เขาผ่านร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงทั้งสาขาหลักและแฟรนไชส์ เจียงเสี่ยวไป๋จะชะลอความเร็วลงแล้วให้หลินต้ากั๋วได้เห็นสถานการณ์ในร้าน
ทุกร้านจะมีสถานการณ์ที่คล้ายกัน จึงไม่ต้องลงจากรถเข้าไปในร้าน
ในปี 1983 ประเทศจีนไม่เคยมีธุรกิจแบบขยายเครือข่ายร้านค้าแฟรนไชส์แบบนี้มาก่อน ซึ่งจะมีแต่สหกรณ์เท่านั้นที่จะเปิดร้านค้าหลายแห่งในเมืองหนึ่งได้
แต่ก็ยังไม่มากเท่าแฟรนไชส์กุ้งอบน้ำมันของเจียงเสี่ยวไป๋
นอกจากนี้ หลินต้ากั๋วยังเห็นว่าทุกร้านเต็มไปด้วยลูกค้าที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าออกไม่ขาดสาย เห็นได้ชัดว่าธุรกิจนี้ไปได้ดีมาก
ก่อนหน้านี้เขาได้ยินเจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า จะเปิดร้านกุ้งอบน้ำมันในเจียงเฉิง และแม้แต่ในเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศ ในตอนแรกเขาค่อนข้างสงสัยเล็กน้อย แต่ตอนนี้เขาเริ่มมั่นใจแล้ว
ไม่นาน พวกเขาก็ขับมาถึงโรงงานผลิตฟิล์มพลาสติก
เมื่อเมิ่งเสี่ยวเป่ยเห็นเจียงเสี่ยวไป๋พารองนายกเทศมนตรีจางมาที่นี่ เธอก็คิดว่าเขาคงพาผู้นำของเมืองมาตรวจสอบงาน แต่ก็พบว่ารองนายกเทศมนตรีจางกำลังเดินตามหลังหลินต้ากั๋วอีกที
เธอไม่รู้จักหลินต้ากั๋ว แต่ด้วยพฤติกรรมของรองนายกเทศมนตรีจางก็พอจะเดาออกได้ว่าชายคนนี้จะต้องเป็นผู้นำระดับมณฑล เธอจึงรายงานสถานการณ์การผลิต การจัดการ และการขายของบรรจุภัณฑ์ในโรงงานให้หลินต้ากั๋วฟัง
หลังจากได้ยิน หลินต้ากั๋วก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋เล่าสถานการณ์ในโรงงานผลิตฟิล์มพลาสติกชิงโจวให้หลินต้ากั๋วฟัง ตอนนั้นเขาไม่ได้รายงานว่าสามารถขายถุงสะดวกซื้อได้ 4 ล้านใบในเดือนสิงหาคม ไม่ต้องพูดถึงเดือนกันยายนเพียงครึ่งเดือนที่ผ่านมา ซึ่งยอดขายก็ใกล้จะถึง 3 ล้านแล้ว
ในเวลาเพียงสองเดือน ด้วยเงินลงทุนเพียงไม่กี่แสนหยวนก็สามารถทำยอดขายทะลุเป้าเช่นนี้ได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงในเมืองชิงโจวเลย เพราะต่อให้เป็นในเจียงเฉิง เรื่องแบบนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก
คนส่วนใหญ่จะยกย่องความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ แต่เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้พูดถึงมันเลย
การประเมินของหลินต้ากั๋วต่อเจียงเสี่ยวไป๋นั้นสูงขึ้นไปอีกระดับ
เขากล่าวกับรองนายกเทศมนตรีจางว่า “อี้เต๋อ คุณทำหน้าที่ได้ดีมากในการทำสัญญาจ้างเหมาโรงงานผลิตฟิล์มพลาสติกที่กำลังจะปิดตัวลงนี้ให้กลายเป็นรัฐวิสาหกิจ ดังนั้นคุณต้องสรุปงานของคุณอย่างรอบคอบและส่งเสริมแนวคิดที่ดี เพื่อให้รัฐวิสาหกิจที่ประสบปัญหาสามารถหาทางออกได้มากขึ้น”
“ได้ครับ เราจะสรุปผลการดำเนินงานออกมา แล้วจะส่งรายงานไปให้คุณทราบอีกที” รองนายกเทศมนตรีจางกล่าวด้วยความเคารพ
หลังจากออกมาจากโรงงานผลิตฟิล์มพลาสติก ทั้งคณะก็ตรงไปทางทิศใต้ของเมืองถึงถนนเชื่อมด้านนอกประตูโรงงานผลิตเครื่องปรุงรสกุ้งอบน้ำมันสำเร็จรูป
มีถนนเชื่อมต่อกันเป็นเส้นตรง 2 สาย เกาะกลางถนนปลูกดอกไม้ไว้ มีรถบรรทุกขนาดใหญ่ใหม่เอี่ยมจำนวน 50-60 คันจอดอยู่บนลานจอดรถทั้งสองด้านของถนนที่เชื่อมต่อกัน
เมื่อหลินต้ากั๋วเห็นแบบนี้ เขาก็ถามเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความสงสัยว่า “เธอบอกว่าต้องการก่อตั้งบริษัทโลจิสติกส์ใช่ไหม แล้วทำไมรถจำนวนมากพวกนี้ถึงจอดอยู่ริมถนนที่เต็มไปด้วยฝุ่นแบบนี้ล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดออกมาด้วยท่าทางสิ้นหวัง “ลุงรอง ผมมีรถก็จริง แต่ยังไม่มีคนขับครับ ! ”
หลินต้ากั๋วตกตะลึงและถามด้วยความสับสน “ทำไมถึงไม่มีคนขับล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ได้อธิบายเหตุผลออกมา หลินต้ากั๋วจึงได้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดกับรองนายกเทศมนตรีจางไปว่า “อี้เต๋อ สำหรับบริษัทโลจิสติกส์ที่เป็นองค์กรนวัตกรรมที่กำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนพนักงานขับรถแบบนี้ คุณที่เป็นผู้นำท้องถิ่นจะต้องหาวิธีช่วยพวกเขาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ด้วยวิธีต่าง ๆ เพราะเมื่อองค์กรแก้ไขปัญหาได้แล้ว จึงจะสามารถส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของเมืองได้”
รองนายกเทศมนตรีจางรู้สึกตื่นเต้นและพูดขึ้นมาทันทีว่า “ท่านผู้นำ ปัญหาที่บริษัทโลจิสติกส์เจอ ผมได้คุยกับ….” เดิมที่เขาต้องการจะเรียกเจียงเสี่ยวไป๋ว่าเถ้าแก่เจียง แต่เขาก็เปลี่ยนไปเรียกเสี่ยวไป๋แทน “หลังจากคุยกับเสี่ยวไป๋ ผมได้เรียกหน่วยงานทุกระดับมาประชุม และส่งพนักงานขับรถหลายร้อยคนจากแต่ละหน่วยงานไปสนับสนุนบริษัทโลจิสติกส์เป็นการชั่วคราวก่อน……”
หลินต้ากั๋วพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและเอ่ยชมออกมาว่า “คุณจัดการปัญหาได้ดีมาก ! ”
หลังจากได้รับคำชมจากหลินต้ากั๋ว รองนายกเทศมนตรีจางก็รู้สึกมีความสุข เขาเหลือบมองเจียงเสี่ยวไป๋และพูดต่อ “แต่เสี่ยวไป๋บอกว่าการให้คนขับรถของหน่วยงานอื่นมาช่วยขับชั่วคราว เป็นเพียงการแก้ปัญหาเร่งด่วนเท่านั้น ไม่สามารถทำได้ตลอดไป เขาจึงเสนอให้จัดตั้งโรงเรียนฝึกอบรมคนขับรถ เพื่อที่จะได้มีคนขับรถเป็นและมีใบประกอบการขับขี่ที่ถูกกฎหมาย ปัจจุบัน เทศบาลได้จัดการประชุมหลายครั้งเพื่อศึกษาเรื่องนี้ แต่เนื่องจากข้อกังวลด้านนโยบายในปัจจุบันจึงยังไม่ได้ดำเนินการครับ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่รองนายกเทศมนตรีจางพูด เขาไม่ได้คาดหวังว่ารองนายกเทศมนตรีจางจะบอกหลินต้ากั๋วเกี่ยวกับเรื่องนี้