ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 348 :ไม่อนุญาตให้เข้า
ตอนที่ 348 :ไม่อนุญาตให้เข้า
เปิดโรงเรียนสอนขับรถหรือ ?
ดวงตาของหลินต้ากั๋วเป็นประกายขึ้นหลังจากได้ยินเรื่องนี้
เขารู้นโยบายในปัจจุบันดี ต้องบอกว่านี่เป็นข้อเสนอที่ชัดเจนและเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ตรงจุด สำหรับปัญหาที่บริษัทโลจิสติกส์กำลังประสบอยู่ในตอนนี้ได้
แต่ถ้าจะให้เมืองชิงโจวจัดการเรื่องนี้เพียงลำพัง ก็อาจเป็นเรื่องยากที่จะทำได้
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลินต้ากั๋วก็พูดขึ้นว่า “อี้เต๋อ ฉันอยากให้คุณเขียนรายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดแล้วส่งมาให้ฉันโดยตรง”
“ได้ครับ ผมจะเขียนมันคืนนี้เลย แล้วจะส่งไปรษณีไปให้ท่านพรุ่งนี้ ! ” รองนายกเทศมนตรีจางกล่าวทันที
หลินต้ากั๋วโบกมือ “ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขนาดนั้น คุณควรตรวจสอบความเรียบร้อยของรายงานให้ดีด้วย”
“ท่านผู้นำไม่ต้องกังวล ผมจะเขียนรายงานอย่างละเอียดและตรวจสอบให้ถี่ถ้วน”
หลินต้ากั๋วพยักหน้า
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่คาดคิดว่าหลินต้ากั๋วจะอยากให้ความช่วยเหลือในการเปิดโรงเรียนสอนขับรถ เขารู้สึกประหลาดใจและมีความสุขไปพร้อมกัน
หากบอกว่าก่อนหน้านี้เขามีความหวังริบหรี่ในการเปิดโรงเรียนสอนขับรถ ตอนนี้เขาก็มีความคาดหวังมากขึ้นแล้ว
ในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้สึกขอบคุณรองนายกเทศมนตรีจางเป็นอย่างมาก
ด้วยสถานะของรองนายกเทศมนตรี ต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมากในการบอกหลินต้ากั๋วเกี่ยวกับเรื่องนี้
คิดตามเหตุผล หากผู้ใต้บังคับบัญชาทิ้งความประทับใจที่ไม่ดีต่อผู้บังคับบัญชาของเขา อนาคตของเขาก็จะเป็นที่น่ากังวล
เจียงเสี่ยวไป๋จอดรถไว้ด้านนอกประตูโรงงานเครื่องปรุง จากนั้นทุกคนก็ลงจากรถ หลินต้ากั๋วมองไปที่ประตูอาคารโรงงานชั่วคราวด้านในด้วยสีหน้าแปลก ๆ
“นี่คือโรงงานเครื่องปรุงที่พูดถึงใช่ไหม ? ”
“ฉันว่ามันแย่กว่าโรงงานเมล็ดแตงโมเสียอีกนะ เหมือนไลน์ผลิตชั่วคราวเลย ! ”
“แต่ในทางกลับกัน ประตูโรงงานนี้… อืม สร้างเสียยิ่งใหญ่เชียว ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มบางและอธิบายว่า “กุ้งเครย์ฟิชเป็นสัตว์ที่มีตามฤดูกาล และจะหายากมากในเดือนตุลาคม แต่เพื่อที่เราจะได้มีเครื่องปรุงรสกุ้งอบสำเร็จรูปจัดส่งให้กับร้านค้าหลายร้อยแห่งโดยที่ของไม่ขาด เราจึงต้องมีการสร้างไลน์ผลิตของโรงงานชั่วคราว แต่หลังจากเดือนตุลาคมเป็นต้นไป โรงงานภายในทั้งหมดจะถูกรื้อถอน เพื่อสร้างโรงงานที่ได้มาตรฐานให้เสร็จก่อนเดือนเมษายนปีหน้า”
หลินต้ากั๋วพยักหน้ามองดูป้ายของ ‘โรงงานเครื่องปรุงรสกุ้งอบน้ำมันชิงเจียง’ แล้วถามว่า “โรงงานเครื่องปรุงรสของเธอผลิตเฉพาะเครื่องปรุงรสกุ้งอบน้ำมันเท่านั้นหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าว “กุ้งอบน้ำมันจะขยายไปยังเมืองอื่น ๆ ในปีหน้า ทำให้การผลิตเครื่องปรุงรสกุ้งอบน้ำมันจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม จะไม่มีการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน ดังนั้น โรงงานปรุงรสจะผลิตผลิตภัณฑ์ 5 รายการเพิ่มขึ้นภายใน 3 ปีหลังจากนี้ ได้แก่ ผงเครื่องเทศ 5 รส ผงเครื่องเทศ 13 หอม ผงพะโล้ ซอสพริก และน้ำมันพริกเหล่ากันมา”
เขาพูดแนะนำต่ออีกว่า “แต่เนื่องจากเราได้ที่ดินมาเพียง 100 หมู่เท่านั้น สุดท้ายแล้วขนาดของโรงงานก็มีจำกัด อีก 3 ปีข้างหน้า เมื่อแฟรนไชส์กุ้งอบน้ำขยายตัวไปทั่วประเทศ ความต้องการของตลาดต่อเครื่องปรุงรสกุ้งอบน้ำมันของเราก็จะมีจำนวนมากขึ้น ในตอนนั้นสายการผลิตของผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ก็จะถูกแยกออกไปจากโรงงาน เพื่อให้ที่นี่เป็นโรงงานเครื่องปรุงรสกุ้งอบน้ำมันโดยตรงไปเลยครับ”
หลินต้ากั๋วอุทานออกมาว่า “โอ้” และถามว่า “โอกาสทางการตลาดของกุ้งอบน้ำมันนั้นดีอย่างแน่นอน แล้วเธอคาดหวังกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อย่างไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “สำหรับผลิตภัณฑ์ทั้งห้าตัวที่ผมคาดหวังไว้ก็คือยอดขายจะต้องเกิน 100 ล้านภายในหนึ่งปีหลังจากที่ผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด และต้องมียอดขายเกิน 2 พันล้านภายในสิบปี เรามุ่งมั่นที่จะสร้างองค์กรชั้นนำที่มียอดขาย 1 หมื่นล้านต่อปีในอนาคตครับ”
ซี๊ด !
ทั้งหลินต้ากั๋ว รองนายกเทศมนตรีจาง ถังเสี่ยวโจวและติงจวิ้นเจี๋ยต่างก็อ้าปากค้างเมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกเขามองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ด้วยสายตาที่ตกตะลึง เขาจะทำให้บริษัทของเขาเป็นบริษัทชั้นนำที่มียอดขายต่อปีมากกว่า 1 หมื่นล้าน !
เขากล้าพูดแบบนี้ออกมาได้อย่างไร !
หลินต้ากั๋วมองเจียงเสี่ยวไป๋อย่างพินิจ แม้ว่าเขาจะไม่เชื่อในสิ่งที่เจียงเสี่ยวไป๋พูดก็ตาม
ไม่ต้องพูดถึง 1 หมื่นล้านหรอก แค่มียอดขายต่อปีอยู่ที่ 100 ล้านก็ไม่เป็นรองใครแล้วในภูมิภาคจีนตอนกลางนี้
“แน่ใจหรือว่าผลิตภัณฑ์ทั้งห้าตัวของเธอจะสามารถทำยอดขายทะลุ 100 ล้านได้ภายในหนึ่งปีหลังจากเปิดตัวสู่ตลาด ? ” หลินต้ากั๋วถาม
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าด้วยความมั่นใจ
ตอนนี้เพิ่งปี 1983 แต่ตอนนั้นเขาเริ่มธุรกิจในปี 1984 จนกระทั่งปี 1996 ได้มีการผลิตเป็นจำนวนมาก เข้าสู่ตลาดระดับประเทศและขายได้อย่างรวดเร็ว ต่อมาเขาได้พัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เช่น น้ำพริกเผา น้ำมันพริกเหล่ากันมา ผักดองรสเผ็ดพร้อมทาน เต้าเจี้ยวพร้อมทานและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ นับ 20 ตัว โดยมียอดขายประมาณ 5 พันล้านหยวนต่อปี
ชาตินี้ เขาเปิดตัวสินค้าได้ก่อนชาติที่แล้ว ซึ่งอาจไม่ต้องรอเป็นสิบปีกว่าจะสามารถผลิตได้เป็นจำนวนมาก และด้วยการเกิดขึ้นของกระแสงานพาร์ทไทม์ และด้วยกระแสงานพาร์ทไทม์ที่กำลังมาแรง ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับน้ำมันพริกเหล่ากันมาจะต้องกลายเป็นที่นิยมอย่างแน่นอน
“หากเธอสามารถทำยอดขายได้ 100 ล้านต่อปีจริง ๆ ฉันจะมอบรางวัลให้เธอด้วยตนเองเลย ! ” หลินต้ากั๋วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มรับ “ขอบคุณครับลุงรอง ! ”
ที่จริงแล้วเขาไม่ได้จะตื่นเต้นอะไรกับรางวัล มีแต่เด็ก ๆ เท่านั้นที่ต้องการรางวัล ส่วนผู้ใหญ่อย่างเขาสนใจแค่ผลกำไรเท่านั้น
รองนายกเทศมนตรีจางตกตะลึงไม่น้อย ตอนแรกที่เขามอบที่ดิน 100 หมู่ให้กับเจียงเสี่ยวไป๋ก็เพื่อให้เขาสร้างโรงงานผลิตเครื่องปรุงรสมาเพิ่มมูลค่าของกุ้งเครย์ฟิช แต่ใครจะไปคิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะวางแผนการที่ใหญ่ขนาดนี้ไว้
ยิ่งเขามองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งพอใจชายคนนี้มากขึ้นเท่านั้น มันเหมือนกับว่าเขาได้พบสมบัติแล้ว !
เจียงเสี่ยวไป๋ชี้ไปที่ประตูหรูหราที่สร้างขึ้นแล้วพูดว่า “ผมสร้างสำนักงานให้ตัวเองทางด้านซ้าย เมื่อโรงงานเสร็จ ผมจะเป็นยามเฝ้าประตูโรงงานเอง”
ทุกคนหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำพูดนี้นี้
ไม่มีใครเอาจริงเอาจังเลย
เจียงเสี่ยวไป๋ชี้ไปทางขวาอีกครั้ง แล้วพูดว่า “หลังจากที่พื้นที่นี้กลายเป็นนิคมอุตสาหกรรมในอนาคต การจัดการด้านความปลอดภัยจะมีความเข้มงวดมากขึ้น ผมจึงวางแผนที่จะร่วมมือกับสำนักงานตำรวจจัดตั้งสถานีป้องกันร่วมระหว่างตำรวจและวิสาหกิจ เพื่อดูแลความปลอดภัยของพื้นที่บริเวณนี้”
ดวงตาของหลินต้ากั๋วเป็นประกายขึ้นอีกครั้งหลังจากได้ยินประโยคนี้
เมื่อเศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง อาชญากรในประเทศก็จะเริ่มมีมากขึ้น แต่หากขอให้สำนักงานตำรวจมาดูแลความปลอดภัย ปัญหานี้ก็จะเบาบางลง เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่การเคลื่อนไหวที่เกินเหตุ หากใช้วิธีการป้องกันร่วมระหว่างตำรวจและองค์กร ทรัพย์สินของวิสาหกิจและประชาชนก็จะได้รับการคุ้มครองมากกว่าเดิม
“อี้เต๋อ ความคิดของเสี่ยวไป๋นั้นดี คุณต้องสนับสนุนมันอย่างเต็มที่ เข้าใจไหม ? ” หลินต้ากั๋วกล่าว
“เอาล่ะ ท่านผู้นำ เมืองของเราสนับสนุนมาตรการที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กรและประชาชนอย่างแข็งขันอยู่แล้วครับ” รองนายกเทศมนตรีจางกล่าวเสียงดัง
หลังจากนั้น คนกลุ่มนี้ก็เข้าไปในโรงงานเครื่องปรุงรส
นี่เป็นเพียงโรงงานชั่วคราว ไม่มีอะไรให้ดูนอกจากอุปกรณ์เพียงไม่กี่อย่าง
อย่างไรก็ตาม เมื่อหลินต้ากั๋วและคนอื่นต้องการไปเดินดูไลน์ผลิต เจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้หยุดพวกเขาเอาไว้
หลินต้ากั๋วหัวเราะและพูดว่า “อะไรกัน ? กลัวว่าเราจะได้เห็นมันหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ไม่ใช่แบบนั้นครับ ! ” เขาชี้ไปที่ป้ายหน้าประตูแล้วพูดว่า “เพราะที่นี่คือห้องผลิต การจัดการด้านสุขอนามัยจึงต้องมีความเข้มงวดมาก ก่อนเข้าไปในไลน์ผลิต คนงานจะต้องสวมชุดทำงานแบบพิเศษที่ผ่านการฆ่าเชื้อมาแล้ว ถ้าเราไม่ทำแบบนี้ เราจะเป็นตัวพาแบคทีเรียเข้าไปในห้องผลิตครับ”
ทุกคนมองดูป้ายที่เจียงเสี่ยวไป๋ชี้และเห็นข้อความทางด้านขวา: ‘พื้นที่การผลิต สงวนเฉพาะพนักงานที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ! ’
ส่วนด้านซ้ายเขียนว่า: ‘พนักงานต้องเปลี่ยนชุดทำงานและต้องฆ่าเชื้อก่อนเข้า ! ’
หลินต้ากั๋วสังเกตเห็นว่าการออกแบบโรงงานชั่วคราวนี้มีห้องฆ่าเชื้อแบบพิเศษและห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ด้านนอกห้องผลิต
รายละเอียดเหล่านี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเจียงเสี่ยวไป๋ให้ความสำคัญกับความสะอาดและความปลอดภัยของอาหารมาก ถึงได้นำมาตรการที่เข็มงวดแบบนี้มาใช้
หลินต้ากั๋วพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ สิ่งนี้ทำให้เขามองเจียงเสี่ยวไป๋สูงขึ้นไปอีก
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ปริมาณการผลิตของที่นี่ในตอนนี้ไม่มากนัก เราจึงมีเพียงชุดทำงานสำหรับพนักงานแล้วก็มีอีกชุดของผมเท่านั้น แต่พวกเรามากันเยอะ ชุดคงไม่เพียงพอ ผมจึงอยากแนะนำให้ไปดูไลน์ผลิตไปที่โรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลืองดีกว่าครับ ! ”
“เอาล่ะ ! งั้นเราไปดูห้องผลิตของโรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลืองกันดีกว่า ! ” หลินต้ากั๋วกล่าว