ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 350 :คิดถูกแล้วที่มา
ตอนที่ 350 :คิดถูกแล้วที่มา
หลินต้ากั๋ว หลินต้าเหว่ย รองนายกเทศมนตรีจางและคนอื่นต่างก็ไปเดินเล่นที่ริมแม่น้ำ เจียงเสี่ยวไป๋ยังเอากล้องให้กับถังเสี่ยวโจวอีกด้วย เพื่อให้เขาเอาไปถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศที่ริมแม่น้ำ
“คุณถ่ายรูปให้พวกเขาด้วยนะ ! ”
ถังเสี่ยวโจวหยิบกล้องขึ้นมาดู โอ้พระเจ้า มันเป็นกล้องรุ่น Seagull DF ซึ่งมีราคามากกว่า 500 หยวน เขาก็มีกล้องเป็นของตัวเองเหมือนกัน แต่เป็น Seagull 4A ที่มีราคาเพียง 200 หยวนเท่านั้น
“โอ้ นี่เป็นกล้องราคาสูงนี่ ! ” ถังเสี่ยวโจวพูด “ขอม้วนฟิล์มให้ผมอีกสักสองสามม้วนสิ”
ในยุคนี้ คนส่วนใหญ่ยังคงใช้กล้องหงเหมย 2 ซึ่งมีราคาตัวละ 40-50 หยวน ถังเสี่ยวโจวเองก็เป็นคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพมาก ดังนั้นเขาจึงมีความสุขที่ได้เล่นกล้อง Seagull DF ไม่ต้องพูดถึงการถ่ายภาพให้กับท่านผู้นำเลย
เจียงเสี่ยวไป๋ส่งฟิล์มสามม้วนให้กับถังเสี่ยวโจว จากนั้นก็กลับมาที่บ้านพร้อมกับหลินเจียอิน
เมื่อเจียงไห่หยางและหวังซิ่วจวี๋เห็นหลินเจียอินกลับมา พร้อมทั้งได้ยินว่าพ่อและลุงของเธอก็มาด้วย เจียงไห่หยางจึงพูดว่า “ญาติผู้ใหญ่มาทั้งที ปล่อยให้พวกเขาไปเดินเล่นกันตามลำพังได้อย่างไร ? ”
ขณะที่เขาพูด เขาก็ส่ายหัวไปด้วย ดูเหมือนคนในวัยเจียงเสี่ยวไป๋จะยังไม่รู้ความสำคัญของเรื่องนี้ เขาเลยรีบออกไปที่แม่น้ำ
พ่อตาของเสี่ยวไป๋ไม่ใช่คนธรรมดา จะเฉยเมยต่อพวกเขาได้อย่างไร
ดังนั้นฉันต้องไปต้อนรับพวกเขาด้วยตัวเอง !
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มเจื่อน พ่อของเขายังคงใจร้อนเหมือนเดิม แม้จะรู้ว่าพ่อตาของเขาเป็นนายอำเภอ แต่หากพ่อของเขารู้ว่าพี่รองของพ่อตาเป็นผู้นำอันดับต้น ๆ ของมณฑล พ่อจะยังรีบออกไปข้างนอกขนาดนี้ไหมนะ ?
ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่บอกก่อนล่วงหน้า แต่พ่อดันใจร้อนรีบออกไปก่อนเอง !
หวังซิ่วจวี๋ก็จะตามสามีออกไปเช่นกัน แต่เจียงเสี่ยวไป๋หยุดเธอไว้ทันแล้วพูดว่า “แม่ครับ ไม่จำเป็นต้องออกไปหรอก วันนี้พ่อตาของผมพาคนมาเยอะ หนึ่งในนั้นเป็นถึงผู้นำระดับสูงของมณฑล แม่มาช่วยผมเตรียมชาเถอะ ผมจะทำอาหาร”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดพร้อมถือผักแล้วเดินเข้าไปในห้องครัว
หวังซิ่วจวี๋ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และรีบถามหลินเจียอินไปว่า “เจียอิน ผู้นำคนไหนมาที่นี่ ? ไม่ใช่รองนายกเทศมนตรีจางใช่ไหม ! ”
ในใจของเธอ รองนายกเทศมนตรีจางถือเป็นผู้นำระดับสูงมากแล้ว
หลินเจียอินยิ้ม “แม่ อย่าฟังเรื่องไร้สาระจากเสี่ยวไป๋เลยค่ะ ไม่มีผู้นำระดับสูงอะไรทั้งนั้น ลุงรองของฉันมาที่นี่กับพ่อ”
หวังซิ่วจวี๋ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเธอได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นแค่ลุงรองของหลินเจียอิน
แต่เธอก็ยังถามว่า “ลุงรองของลูกเป็นข้าราชการด้วยหรือ ? ”
หลินเจียอินพยักหน้า
หวังซิ่วจวี๋ถามอีกครั้งว่า “เขาดำรงตำแหน่งอะไร ? สูงกว่ารองนายกเทศมนตรีจางหรือเปล่า ? ”
หลินเจียอินยิ้มเจื่อนและพูดได้เพียงว่า “ก็……เขามีตำแหน่งที่สูงกว่ารองนายกเทศมนตรีจาง ลุงรองของฉันเป็นผู้นำสูงสุดของมณฑลเราค่ะ ! ”
เปรี้ยง !
หวังซิ่วจวี๋รู้สึกเวียนหัว ลูกสะใภ้ของเธอเชื่อใจไม่ได้จริง ๆ เธอบอกว่าผู้นำสูงสุดของมณฑล แบบนั้นก็คือผู้นำระดับสูงไม่ใช่หรือ ?
เธอสูดหายใจเข้าอย่างแรง และตบหน้าอกตัวเองสองสามครั้ง
ลูกชายของฉันเชื่อถือได้ !
โชคดีนะที่ลูกชายเตือนฉันก่อน !
ทันใดนั้น เธอก็อุทานว่า “โอ้ ไม่นะ ! ” ซึ่งทำให้หลินเจียอินตกใจและถามทันทีว่า “แม่คะ เป็นอะไร ? ”
หวังซิ่วจวี๋ทำหน้าขมขื่นและพูดว่า “พ่อของลูกไม่รู้เกี่ยวกับตำแหน่งลุงรองของลูกน่ะสิ……โอ้ ทำไมเขาถึงใจร้อนวิ่งออกไปแบบนั้นล่ะ ? ”
หลินเจียอินที่ตกใจนึกว่าแม่สามีเป็นอะไรไปก็ยิ้มออกมาด้วยความประหลาดใจ “แม่ ไม่เป็นไรหรอก เขาคือลุงรองของฉัน ไม่ต้องกังวลเรื่องตำแหน่งของเขาหรอกค่ะ ! ”
“อ้อ อืม ! ”
หวังซิ่วจวี๋เห็นด้วย แต่เธอก็ไม่กล้าคิดเช่นนั้นในใจ
เจียงไห่หยางรีบวิ่งไปที่สนามนอกบ้านอย่างกระตือรือร้น เมื่อมองไปรอบ ๆ เขาก็เห็นผู้คนมากกว่าหนึ่งโหลบนระเบียง ไม่เพียงแต่มีพ่อตาและแม่ยายของเจียงเสี่ยวไป๋เท่านั้น แต่ยังมีรองนายกเทศมนตรีจางและคนอื่นด้วย
ตอนแรกเขานึกว่าจะมีแค่พ่อตาและแม่ยายที่มาที่นี่เสียอีก ไม่คิดเลยว่าจะมีคนเยอะขนาดนี้
นี่……แตกต่างจากที่ฉันคิดไว้เล็กน้อย !
เจียงไห่หยางเดินไปที่ระเบียงริมน้ำอย่างกล้าหาญ
“รองนายกเทศมนตรีจาง พ่อตา แม่ยายเสี่ยวไป๋ ยินดีต้อนรับ ! ”
ไม่นาน เขาก็เดินมาถึงที่พวกเขาอยู่ เจียงไห่หยางทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้มและหยิบบุหรี่ยื่นให้ทุกคน
“สวัสดีพี่เจียง ฉันรบกวนคุณอีกแล้ว ! ”
รองนายกเทศมนตรีจางหยิบบุหรี่แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“นายกเทศมนตรีจางมาที่นี่ เรายินดีเสมอ เพราะคุณคือแขกผู้มีเกียรติ” เจียงไห่หยางกล่าวอย่างระมัดระวัง
หลินต้าเหว่ยและหลิวอี้ถิงต่างก็ทักทายและแลกเปลี่ยนสารทุกข์สุกดิบกับเจียงไห่หยาง พร้อมทั้งแนะนำหลินต้ากั๋วให้เขารู้จัก “นี่คือพ่อของลูกเขยผม เจียงไห่หยาง”
จากนั้น เขาก็พูดกับเจียงไห่หยางว่า “นี่คือพี่รองของฉัน วันนี้เรามาที่บ้านของคุณโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า ต้องขออภัยด้วยที่รบกวนคุณ ! ”
เจียงไห่หยางถูกกดดันจากรองนายกเทศมนตรีจาง เขาได้ยินพ่อตาของเสี่ยวไป๋บอกว่าหลินต้ากั๋วเป็นพี่รองของเขา เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “พี่รองของพ่อตาเสี่ยวไป๋ก็ไม่ต่างจากเป็นพี่รองของฉัน เราทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน จะพูดว่ารบกวนฉันได้อย่างไร ! ”
ถึงกระนั้น เขาก็ยังรู้สึกอยู่เสมอว่าพี่รองของพ่อตาเสี่ยวไป๋ดูแตกต่างออกไป แม้ว่าเขาจะยิ้มอย่างใจดี แต่ก็มีความสง่าผ่าเผย การเคลื่อนไหวของเขาทำให้ผู้คนหวาดกลัวไม่กล้าจะเข้าใกล้
หลินต้ากั๋วยื่นมือออกไปจับมือกับเจียงไห่หยางและพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าคุณเรียกฉันว่าพี่รอง ฉันจะเรียกคุณว่าน้องไห่หยาง บ้านของคุณสวยจริง ๆ ”
เจียงไห่หยางส่ายหัวและถอนหายใจ “ถ้ามาสองสามวัน ทิวทัศน์ที่นี่สวยจริง แต่ถ้าอยู่ที่นี่ทุกวันเหมือนพวกเรา มันก็ไม่มีอะไรให้ดูแล้ว ไม่มีที่ให้เที่ยวเล่น พูดคุยกับเพื่อนบ้านด้วยซ้ำ”
เขาบอกความจริงว่าช่วงนี้เขาและหวังซิ่วจวี๋อยู่ด้วยกันเพียงสองคนในบ้าน ซึ่งมันน่าเบื่อและว่างเปล่ามาก ดีแค่ไหนแล้วที่มีแขกมาที่บ้านแบบนี้ จะได้มีชีวิตชีวาบ้าง
หลินต้ากั๋ว หลินต้าเหว่ย รองนายกเทศมนตรีจาง และคนอื่นต่างก็อยู่ในตำแหน่งที่สูงมาโดยตลอด พวกเขาถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนเหมือนดาวล้อมเดือน จึงไม่เข้าใจปัญหาที่เจียงไห่หยางประสบพบเจอ พอฟังสิ่งที่เขาพูด ก็คิดว่าเขาพูดด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนเท่านั้น
หลินต้ากั๋วกล่าวว่า “น้องชาย อย่าพูดอย่างนั้น ถ้าฉันเกษียณในอนาคต มันคงเป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหากว่าได้อยู่ในสถานที่อันเงียบสงบและงดงามเช่นนี้”
ที่นี่เหมือนถูกปิดล้อมด้วยธรรมชาติจริง ๆ สถานที่แบบนี้เป็นที่ที่คนในเมืองใหญ่ต่างใฝ่ฝันหา
ชีวิตที่แตกต่างกันสร้างความคิดที่แตกต่างกันในผู้คน
ทุกคนได้พูดคุยและหัวเราะกันอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเดินขึ้นมาข้างบนเพื่อเข้าไปข้างในบ้าน
คนที่ไม่เคยมาที่นี่มาก่อน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือหลินต้ากั๋ว ต่างก็ตกใจกับบ้านที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขา
นี่ไม่ใช่บ้านใหม่ แต่เป็นเหมือนคฤหาสน์โบราณที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีจนไม่มีการทรุดโทรมมากกว่า !
“น้องไห่หยาง บรรพบุรุษของคุณร่ำรวยใช่ไหม สิ่งที่หายากยิ่งกว่านั้นคือบ้านของบรรพบุรุษยังได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีด้วย ! ” หลินต้ากั๋วพูดกับเจียงไห่หยางพร้อมกับถอนหายใจ
เจียงไห่หยางส่ายหัวแล้วพูดว่า “พี่รอง บรรพบุรุษของฉันล้วนเป็นชาวนาชาวไร่ทั่วไป นี่ไม่ใช่บ้านของบรรพบุรุษ แต่เจ้ารองลูกชายของฉันไปรื้อถอนบ้านและโถงบูชาบรรพบุรุษคนอื่นมา แล้วให้พวกฉันย้ายมาอยู่บ้านใหม่หลังนี้กับเขา บ้านหลังนี้เพิ่งสร้างในเดือนกรกฎาคมปีนี้เอง”
“ตอนนั้น เขายังเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมโบราณมาจากในเมือง เพื่อมาออกแบบบ้านหลังนี้นานกว่าหนึ่งเดือนก่อนจะเริ่มก่อสร้าง”
“พูดแล้วฉันก็โมโหลูกรองของฉัน ! พี่รองคิดดูสิ ถ้าเขาอยากสร้างบ้านหลังใหญ่ ที่จริงเขาไปสร้างในที่ดินของครอบครัวก็ได้ไม่ใช่หรือ ? ทำไมถึงต้องมาสร้างบนพื้นที่ห่างไกลขนาดนี้ด้วย ? แถมยังต้องไปรื้อถอนบ้านและโถงบูชาบรรพบุรุษของครอบครัวอื่นเอาวัสดุมาสร้างบ้านอีก ! ”
เมื่อหลินต้ากั๋วได้ยินเช่นนี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจ
ประการแรก บ้านของเจียงเสี่ยวไป๋ถูกสร้างขึ้นด้วยวัสดุที่รื้อถอนมาจากอาคารโบราณ ไม่น่าแปลกใจที่บ้านหลังนี้ยังคงมีความเป็นคฤหาสน์โบราณ
ประการที่สอง เจียงไห่หยางดูเหมือนไม่พอใจกับการใช้ชีวิตที่นี่ตอนนี้
เขายิ้ม เจียงไห่หยางเป็นเพียงชาวนา เป็นเรื่องปกติสำหรับเขาที่จะไม่เข้าใจคุณค่าของบ้านหลังนี้ เขาจึงพูดว่า “น้องไห่หยาง บ้านของคุณถือเป็นสมบัติที่ล้ำค่า ในบรรดาชาวบ้านในเจียงวาน เกรงว่าครอบครัวของพวกคุณคงมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีที่สุดแล้วใช่ไหม ? ”
เจียงไห่หยางกล่าวว่า “เมื่อพูดถึงเรื่องบ้าน ครอบครัวของเราถือว่ามีบ้านหลังใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านแล้ว แต่ถ้าเทียบกับเรื่องการมีชีวิตที่ดี ทุกครัวเรือนในอ่าวแห่งนี้ล้วนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีไม่ต่างกัน”
หลินต้ากั๋วตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยความสนใจ “งั้นบอกฉันทีว่าคนในเจียงวานมีชีวิตความเป็นอยู่แบบไหนกัน ? ”
เจียงไห่หยางกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “หมู่บ้านของเรามีมากกว่า 100 ครัวเรือน และตอนนี้พวกเขาส่วนใหญ่ก็มีโทรทัศน์ดูกันแล้ว พวกเขามีเงินเพียงพอที่จะซื้อเนื้อสัตว์กินในแต่ละมื้อ และแต่ละครอบครัวยังมีเงินเก็บหลายพันไปจนถึงหลักหมื่นหยวน……”
หลินต้ากั๋วเอามือปิดปากด้วยความตกใจ
แม้แต่คนในเจียงเฉิงก็ยังไม่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีเช่นนี้ นับประสาอะไรกับคนในพื้นที่ชนบท !
คนเจียงวานร่ำรวยขนาดนี้เลยหรือ ?
ทันใดนั้น หลินต้ากั๋วก็ตระหนักได้ว่าเขาตัดสินใจถูกแล้วที่เขาได้มาเจียงวานในวันนี้ ดังนั้นเขาต้องรู้ข้อมูลของที่นี่ให้ละเอียด