ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 352 :หม้อไฟเสฉวน
ตอนที่ 352 :หม้อไฟเสฉวน
หลังจากที่หลินต้ากั๋วและคนอื่นเดินชมรอบบ้านของเจียงเสี่ยวไป๋ พวกเขาต่างก็ชอบสภาพแวดล้อมในสวนหลังบ้านที่มีต้นหนานใหญ่ มีศาลารับลม สระน้ำ ทางเดินเล็ก ๆ แปลงดอกไม้ และต้นไผ่เป็นแนวสวย ภูมิทัศน์ธรรมชาติผสมผสานกับกำแพงอิฐและอาคารทาสีของบ้านยุคเก่า ทำให้ผู้คนรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย และสบายใจ
ผู้ใหญ่คุยกันในศาลารับลม เด็กน้อยเล่นกันริมสระน้ำ ลมภูเขาที่พัดผ่านมาเบา ๆ ช่างน่ารื่นรมย์ยิ่งนัก
หลินต้ากั๋วยิ่งมีความสุขมากไปอีกเมื่อรู้ว่าจะได้นั่งกินอาหารที่นี่ เขาจึงช่วยเจียงไห่หยางยกโต๊ะและย้ายม้านั่งโดยไม่ปล่อยให้หลินต้าเหว่ย ถังเสี่ยวโจว และคนอื่นเข้ามายุ่ง
หายากที่จะมีโอกาสเช่นนี้ เขาจึงอยากมีส่วนร่วมกับมัน !
ถังเสี่ยวโจวหยิบกล้องขึ้นมาและถ่ายภาพความทรงจำอันล้ำค่านี้เก็บไว้
ไม่นานหลังจากที่จัดโต๊ะและม้านั่งเสร็จ กลิ่นหอมฉุยก็โชยเข้ามาในสวนหลังบ้าน
“หอมมาก ! ”
“นี่กลิ่นอะไรหรือ ? ”
“ตอนแรกฉันไม่ได้กลิ่นเลย จู่ ๆ ก็มีกลิ่นหอมลอยออกมา นี่มันเมนูอะไรกัน ? ”
“……”
ทันใดนั้น กลิ่นหอมก็ทำให้ทุกคนพูดคุยกันอย่างเงียบ ๆ
“ไปช่วยเสิร์ฟอาหารกันเถอะ ! ”
ถังเสี่ยวโจวชวนติงจวิ้นเจี๋ย เพราะเขาแทบรอไม่ไหวที่จะเข้าไปดมกลิ่นหอมนี้ใกล้ ๆ
เมื่อถังเสี่ยวโจวเริ่มเคลื่อนไหว หลินเจียเหว่ยและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสี่คนตามมาทันที พวกเขาเดินตามกลิ่นนั้นไปถึงในครัวข้างในบ้าน
“น้องเจียง วันนี้คุณทำเมนูอะไร ทำไมกลิ่นมันหอมขนาดนี้ ? ”
ทันทีที่เดินเข้าไปในประตูห้องครัว ถังเสี่ยวโจวก็ถามอย่างกระตือรือร้น
“วันนี้เราจะกินหม้อไฟกัน ผมเตรียมของพร้อมหมดแล้ว ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋กำลังตักน้ำซุปหม้อไฟลงในหม้อทองเหลือง เขาจึงตอบโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง
“หม้อไฟ ? ”
ถังเสี่ยวโจวไม่เคยกินมาก่อน เขาเห็นเพียงว่าในหม้อทองเหลืองเต็มไปด้วยพริก พริกไทยเสฉวน และน้ำซุปสีแดงสด ไม่มีผักอยู่ในนั้น ซึ่งกลิ่นหอมเข้มข้นนี้มาจากน้ำซุปนั่นเอง
จากนั้น เขาก็เห็นจานอาหารต่าง ๆ วางอยู่เต็มโต๊ะ ซึ่งมันเป็นวัตถุดิบที่ยังดิบและมีหลากหลายชนิดละลานตาไปหมด
“คุณจะให้เราเอาของทั้งหมดนี้ไปเสิร์ฟหรือ ? ”
ถังเสี่ยวโจวมองดูของที่ยังดิบ แล้วถามออกมาด้วยความงุนงง
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “เอาหม้อไฟออกมาก่อน จากนั้นก็เสิร์ฟวัตถุดิบแต่ละอย่างเท่าที่กินพอ ถ้าหมดค่อยเอาออกไปเพิ่มอีก”
“ได้ เข้าใจแล้ว ! ”
ถังเสี่ยวโจวรีบตอบตกลง เมื่อเห็นว่ามีถ่านร้อน ๆ อยู่ใต้หม้อไฟ เขาจึงเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสามคนมา “พวกคุณแต่ละคนถือหม้อออกไปก่อน ระวังด้วย มันร้อนนะ”
“เลขาถังไม่ต้องกังวล ! ”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
พวกเขาทั้งหมดเป็นหน่วยรบพิเศษมาก่อน แต่ละคนมีความแข็งแกร่งมาก
เมื่อเห็นว่ามีคนมาช่วย เจียงเสี่ยวไป๋ก็ดีใจมาก เขาจึงเอาผ้าให้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสามคน เพื่อที่พวกเขาจะได้มีผ้ารองมือกันไม่ให้โดนความร้อน
จากนั้น ถังเสี่ยวโจวและคนอื่นก็เริ่มยกจานที่ใส่กระเทียมสับ ขิงสับ ต้นหอมผักชีซอย พริกเสฉวนสับ ถั่วลิสงสับ และน้ำจิ้มงาสูตรลับไปวางบนโต๊ะ
เจียงเสี่ยวไปหยิบชาม จาน ตะเกียบและน้ำมันงาขวดใหญ่ที่เขาทำไว้ออกมา ใส่ในตะกร้า แล้วเดินไปที่สวนหลังบ้าน
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสามคนนำหม้อไฟไปตั้งที่โต๊ะใหญ่ในสวนหลังบ้านโต๊ะละหม้อ กลิ่นของน้ำซุปหอมเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ จนหลินต้ากั๋ว หลินต้าเหว่ย และคนอื่นหันมามองที่หม้อไฟทันที
ด้านบนมีพริกสีแดงลอยอยู่บนผิวของน้ำซุปเกือบครอบคลุมหม้อทองเหลืองทั้งหมด มีพริกไทยเสฉวนลอยอยู่ระหว่างพริกแดง และด้านบนของน้ำซุปยังมีน้ำมันสีแดงลอยอยู่ด้วย
แม้ว่าหลินต้าเหว่ยจะชอบอาหารรสเผ็ดจัดจ้าน แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยวาให้กินแค่พริกงั้นหรือ ?
หลินต้ากั๋วก็แอบตกใจเช่นกัน: เผ็ดขนาดนี้เลยหรือ ?
หลังจากวางหม้อไฟลงบนโต๊ะแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็เดินตามมา เขาวางตะกร้าลงก่อนแล้วจึงเปิดช่องลมของเตาถ่านทั้งสามเตาตามลำดับ ถ่านข้างในเริ่มไฟลุกแรงขึ้น จนน้ำซุปที่อยู่ในหม้อไฟเริ่มเดือดขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้เกิดกลิ่นหอมของน้ำซุปเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ
“นี่คือหม้อไฟเสฉวน ต้นตำรับของหม้อไฟเนื้อของเทียนจิง ! ”
หลินต้ากั๋วได้ยินแบบนั้นก็บอกว่าเขาเคยอยู่ที่เทียนจิงมาหลายปี และเคยกินหม้อไฟเนื้อแกะมาแล้วด้วย
เจียงเสี่ยวไป๋แจกจานชามให้ทุกคนและพูดว่า “ลุงรองพูดถูก หม้อทองเหลืองนี้เหมือนกับหม้อทองเหลืองที่ใช้ทำหม้อไฟเนื้อแกะ วันนี้เรากำลังจะกินหม้อไฟกัน”
“หม้อไฟเสฉวน ? ”
ทุกคนมองดูเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความประหลาดใจ พวกเขาไม่รู้ว่ารสชาติของมันจะเป็นอย่างไร
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “เดี๋ยวผมจะสอนทุกคนกินเอง”
“ตกลง วันนี้เรามาเรียนรู้วิธีการกินแบบใหม่กันเถอะ”
“มันคงอร่อยมาก ! ”
“แล้วจะได้กินมันเมื่อไหร่ ? ”
“……”
ทุกคนกลืนน้ำลายและตั้งตารอ
ในเวลานี้ ถังเสี่ยวโจวและคนอื่นก็วางจานวัตถุดิบต่าง ๆ ไว้บนโต๊ะ ในไม่ช้าบนโต๊ะก็ไม่เหลือที่ว่างเลย
เจียงเสี่ยวไป๋ใส่หัวปลาลงในหม้อก่อน จากนั้นจึงเดินไปที่โต๊ะใหญ่ที่วางกระเทียมบดและเครื่องปรุงรสอื่น ๆ แล้วพูดว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุดในการกินหม้อไฟคือการปรุงน้ำจิ้ม ผมจะช่วยทุกคนปรุงก่อน”
ขณะที่เขาพูด เขาก็ใส่กระเทียมสับ ขิงสับ ต้นหอมสับ ผักชี พริกเสฉวนสับ ถั่วลิสงสับ และน้ำจิ้มลงในถ้วยเปล่าตามสัดส่วน ก่อนที่สุดท้าย จะเทน้ำมันงาลงไป คนให้เข้ากัน แล้วส่งให้หลินต้ากั๋วเป็นคนแรก
หลินต้ากั๋วพูดว่า “เครื่องปรุงที่เธอเตรียมมามันมีหลากหลายมาก ดูน่าอร่อยไปหมด”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “นี่คือสูตรน้ำมันงาครับ เดี๋ยวเครื่องปรุงที่เหลือ ผมจะทำสูตรอื่นให้ชิม ถ้าน้ำจิ้มถ้วยนี้หมด เพราะแต่ละสูตรปรุงไม่เหมือนกัน จะมีรสชาติที่แตกต่างกันออกไป”
หลินต้ากั๋วหัวเราะเบา ๆ “เจ้าเด็กคนนี้แอบซุ่มเหมือนกัน ฉันคงจะรู้สึกไม่สบายใจหากว่าไม่ได้ลองน้ำจิ้มอีกสูตรของนาย”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและช่วยปรุงน้ำจิ้มให้หลินต้ากั๋วต่อ
เมื่อคนที่อยู่ด้านหลังเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ปรุงน้ำจิ้ม พวกเขาก็หยิบชามเดินไปที่โต๊ะเครื่องปรุง แล้วต่อแถว เพื่อขอให้เจียงเสี่ยวไป๋ปรุงน้ำจิ้มหม้อไฟให้ทีละคน
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋ปรุงน้ำจิ้มให้ทุกคนแล้ว หัวปลาในหม้อไฟก็สุกพอดี
ขั้นแรก เขาตักหัวปลาให้หลินต้ากั๋ว จากนั้นก็บอกโต๊ะอื่น ๆ ว่าให้ตักหัวปลาออกมากินก่อน แล้วก็ใส่วัตถุดิบอย่างอื่นลงไปต้มต่อ ทุกคนก็ทำตาม
“อร่อย ! ”
“รสชาติเผ็ดร้อนและอร่อยมาก ปลาก็อร่อย สุกกำลังดี ! ”
หลินต้ากั๋วกล่าวชมออกมาหลังจากได้ชิมหัวปลา
ถังเสี่ยวโจวและคนอื่นๆ ก็ชื่นชมเหมือนกันหลังจากกินมันเข้าไป
เจียงเสี่ยวไป๋ก็กินหัวปลาในชามของเขาจนหมด นี่เป็นการกินหม้อไฟครั้งแรกหลังจากที่เขาเกิดใหม่ อาหารอันโอชะแบบนี้คือของโปรดที่เขากินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ
เขายืนขึ้นและพูดออกมาเสียงดังว่า “หัวปลาเป็นเพียงวัตถุดิบเรียกน้ำย่อยเท่านั้น ต่อไปเราจะกินเนื้อสไลด์พร้อมกับดื่มไปด้วย”
เขามัวแต่ดูคนอื่นกินหม้อไฟอย่างสนุกสนาน จนลืมเปิดเหล้าที่เตรียมไว้ด้วยซ้ำ
“ฉันจะเปิดเหล้าให้เองเสี่ยวไป๋ บอกวิธีต้มหม้อไฟให้ฉันหน่อย ! ” รองนายกเทศมนตรีจางคว้าขวดเหล้า คลายเกลียวฝาออกแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มแล้วปล่อยให้รองนายกเทศมนตรีจางเทเหล้า จากนั้นเขาก็พูดออกมาว่า “เคล็ดลับของหม้อไฟคือการจุ่ม ยกเว้นหัวปลา เต้าหู้ และมันฝรั่งที่ต้องใช้เวลาต้มนานหน่อย แต่ของที่สุกง่ายอย่างอื่นให้ใช้ตะเกียบคีบแล้วเอาลงลวกในน้ำซุปที่กำลังเดือดนี้ เช่น ไส้เป็ด ผ้าขี้ริ้ว เราจะลวกขึ้นลงประมาณ 15 วินาทีซึ่งเป็นเวลาที่สุกกำลังดี และให้รสชาติดีที่สุด”
หลังจากนั้น เขาก็ได้สอนวิธีลวกวัตถุดิบอื่น ๆ ที่เหลือโดยประมาณ และทุกคนก็ได้จำมัน
ทุกคนจึงเริ่มกินอาหาร แต่ละคนหยิบวัตถุดิบโปรดของตนมา เอาตะเกียบคีบแล้วจุ่มลงในหม้อไฟ ก่อนจะเริ่มนับ “หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด…” อย่างเงียบ ๆ ในใจ โดยที่ตะเกียบในมือต่างสั่นระริกเล็กน้อย
เจ็ดขึ้น แปดลง ทำแบบนี้ประมาณ 15 วินาที !
จากนั้น ก็เอามาจุ่มน้ำจิ้มน้ำมันงาที่ปรุงไว้ แล้วคีบเข้าปาก
“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้กินของแบบนี้ ! ”
“ใช่ ดูภรรยาฉันสิ เธอกินได้อร่อยมาก ! ”
“เนื้อบางมาก ลวกพอดีแล้วเอาเข้าปากเหมือนมันจะละลายในปากเลย ! ”
“แตงกวาอันนี้ ฉันเคยกินแต่ที่มันดิบ ไม่คิดว่าเมื่อหั่นเป็นชิ้นบาง แล้วลวกในหม้อไฟจะอร่อยขนาดนี้”
“……”