ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 354 :รูบิค
ตอนที่ 354 :รูบิค
วันรุ่งขึ้น หลินต้ากั๋วก็ได้เดินทางกลับไปที่เจียงเฉิง
ครอบครัวของหลินต้าเหว่ยกลับไปที่เจี้ยนหยางเหมือนกัน ดังนั้นเจียงเสี่ยวไป๋จึงต้องไปส่งพวกเขา แต่ครอบครัวของหลินต้าเหว่ยมีกันเจ็ดคน รถของเจียงเสี่ยวไป๋ไม่เพียงพอที่จะรองรับได้ทั้งหมด รองนายกเทศมนตรีจางจึงสั่งให้คนขับรถของเขาขับไปส่งอีกคัน
พอตอนเที่ยง พวกเขาก็ถึงบ้านอย่างราบรื่น
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “พ่อครับ แม่ครับ ผมต้องกลับก่อนนะครับ”
“ได้สิ ! ” หลินต้าเหว่ยพยักหน้า “รีบกลับไปดูแลกิจการเถอะ ลูกมีอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ต้องไปจัดการดูแล ตั้งใจทำในสิ่งที่มุ่งหวัง ลุงรองกำลังรอดูผลงานอยู่ ! ”
“ได้เลยครับพ่อ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋เชื่อฟังด้วยความเต็มใจ ก่อนจะกล่าวลาพ่อตาและแม่ยายของเขา
หลังจากออกมาจากถนนกู่หยา เขาไม่ได้ตรงกลับไปที่ชิงโจวทันที เพราะต้องไปแวะที่โรงงานเมล็ดแตงโมจินเคอก่อน
เมื่อวานนี้ เจียงเสี่ยวเฟิงไม่ได้ส่งเจียงถิงไปที่บ้านพ่อตาของเขา และเขาเองก็ไม่ได้รับหลานสาวกลับชิงโจวไปด้วย จึงอยากจะมาถามเจียงเสี่ยวเฟิงว่าจะให้เจียงถิงกลับไปที่เจียงวานกับเขาไหม ?
ถ้าจะให้เธอกลับ เขาก็จะรับเธอกลับด้วยกันวันนี้
แต่ถ้าไม่กลับ เขาก็ไม่บังคับ
ท้ายที่สุด หลินเจียอินและเจียงชานก็ไม่ได้อยู่ที่เจี้ยนหยางอีกต่อไปแล้ว ส่วนแม่ยายของเขาก็ต้องไปทำงานทุกวัน ดังนั้นเจียงถิงจึงไม่สามารถไปเล่นที่บ้านแม่ยายของเขาได้อีกในช่วงนี้
ไม่นาน เขาก็ขับรถมาถึงโรงงานเมล็ดแตงโม
เจียงเสี่ยวเฟิงออกไปนอกเมืองเพื่อรับซื้อฟักทอง จึงมีเพียงหลัวเจาตี้เท่านั้นที่อยู่ในโรงงาน
เจียงเสี่ยวไป๋อธิบายจุดประสงค์ที่มาในวันนี้ หลัวเจาตี้ได้ฟังจึงพูดว่า “พี่รองพาถิงถิงกลับไปเถอะ เพราะไม่อย่างนั้นฉันต้องอยู่แต่ที่โรงงาน ปลีกตัวไปไหนไม่ได้เหมือนกัน ! ”
ถ้าเธอไม่ต้องดูแลเจียงถิง เธอคงไปรับซื้อฟักทองกับเจียงเสี่ยวเฟิงแล้ว
มีเพียงเธอและเจียงเสี่ยวเฟิงเท่านั้นที่สามารถขับรถได้ในโรงงานแห่งนี้ ถ้าเธอต้องดูแลเจียงถิงด้วย ก็คงไม่มีใครขับรถ ตอนนี้เธอต้องรับซื้อฟักทองและแตงโม ภายในสี่หรือห้าวัน เธอจะต้องรับซื้อถั่วลิสงอีก พอกลับมาที่โรงงาน เธอก็ต้องดูแลบัญชี…..
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า เนื่องจากหลัวเจาตี้ตัดสินใจแล้ว เขาจึงทำตามนั้น เจียงเสี่ยวไป๋มองไปที่เจียงถิงแล้วพูดว่า “ถิงถิง กลับไปที่เจียงวานกับลุงก่อน ตกลงไหม ? ”
จู่ ๆ น้ำตาของเจียงถิงก็ไหลพรากออกมา เธอกัดฟันและนิ่งเงียบ ทำได้เพียงส่ายหน้าด้วยความสิ้นหวัง
“ถิงถิง แม่บอกลูกว่าอย่างไร ลืมไปแล้วหรือ ? ”
แม้ว่าหลัวเจาตี้ไม่ได้อยากจะทิ้งลูกสาวของเธอ แต่เธอก็ยังคงถามอย่างเข้มงวดด้วยใบหน้าที่เย็นชา
“แต่หนูไม่อยากแยกจากแม่ ! ” เจียงถิงพูดด้วยท่าทีอ่อนแรง
“ลูกกำลังจะทำให้แม่โมโหนะ ! ” หลัวเจาตี้ระงับอารมณ์ภายในของเธอแล้วพูดว่า “ทำไมไม่ฟังที่แม่พูด ลูกอยากให้แม่ตีลูกก่อนหรือถึงจะฟัง ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินคำพูดนี้จึงรีบหยุดพวกเธอไว้ “เอาล่ะ หยุดพูดรุนแรงกับเธอได้แล้ว ! ”
เขาคิดว่าตลอดว่าการสอนลูกที่ดีไม่ใช่การข่มขู่ ทุบตีหรือดุด่า เพราะคำพูดพวกนั้นจะทำลายความมั่นใจในตนเองของเด็ก
เจียงเสี่ยวไป๋เดินไปที่เจียงถิงแล้วนั่งยอง ๆ เพื่อให้ระดับสายตาของเขาตรงกับเธอ เพราะมันจะทำให้สื่อสารกันได้ง่าย เขาพูดเบา ๆ ว่า “ถิงถิง ยังจำที่ลุงบอกหนูได้ไหม ? ”
เจียงถิงพยักหน้า “ลุงบอกหนูว่าถ้าหนูกลับไปเล่นของเล่นที่บ้านจนครบทั้งหมด หลังจากนั้นหนูก็จะได้อยู่กับพ่อแม่ตลอดไป ! ”
“ถิงถิงมีความจำที่ดีมาก ! ” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวชมด้วยรอยยิ้ม เขายกนิ้วให้เธอแล้วพูดต่อว่า “ครั้งที่แล้วหนูเห็นด้วยหรือเปล่า ? ”
“ค่ะ หนูเห็นด้วย ! ”
“ถิงถิง หนูจำคำพูดนี้ได้ไหม ? เป็นเด็กดี ซื่อสัตย์ และเชื่อฟังคำสอนของผู้ใหญ่ ! ”
“จำได้ค่ะ ! ” เจียงถิงพูดเสียงแผ่ว
เจียงเสี่ยวไป๋พูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ถิงถิงเป็นเด็กดีที่รักษาคำพูด ซื่อสัตย์และเชื่อฟังคำสอนของผู้ใหญ่ กลับบ้านกับลุง เราไปเล่นของเล่นใหม่กับพี่ชานชานกันเถอะ โอเคไหม ? ”
เจียงถิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองดูท่าทางโกรธเกรี้ยวของแม่เธอ และในที่สุดก็พยักหน้าอย่างเงียบ ๆ
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม เขายืนขึ้นจับมือของเจียงถิงแล้วพูดกับหลัวเจาตี้ว่า “ถ้าอย่างนั้น ฉันจะพาถิงถิงกลับเจียงวานก่อน ไม่ต้องกังวล พ่อกับแม่จะดูแลเธออย่างดี”
“ลำบากพี่อีกแล้ว ! ”
เมื่อเห็นว่าลูกสาวของเธอยอมตกลงในที่สุด หลัวเจาตี้ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วพูดออกมา
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือไม่พูดอะไร แล้วพาเจียงถิงขึ้นรถออกไป
เมื่อมองตามหลังรถจี๊ปที่ขับออกไปช้า ๆ ดวงตาของหลัวเจาตี้ก็มีน้ำตาไหลออกมา เธอกัดริมฝีปากของเธอและยืนมองดูอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งรถจี๊ปลับสายตาของเธอไป เธอจึงเช็ดน้ำตาแล้วหันหลังกลับเข้าไปในสำนักงาน
ในรถ เจียงถิงเองก็ไม่มีความสุข
ขณะขับรถ เจียงเสี่ยวไป๋พยายามดึงดูดความสนใจของเธอ โดยการเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับของเล่นใหม่มากมายที่เขาซื้อมาให้ เด็กน้อยจึงค่อย ๆ ฟื้นจากความโศกเศร้า
ประมาณสี่โมงเย็น พวกเขาก็มาถึงสำนักงานของโรงงานเครื่องปรุงรส
“น้องถิงถิงมาแล้ว ! ”
ทันทีที่เจียงเสี่ยวไป๋จับมือเจียงถิงเดินเข้าไป เจียงชานก็ส่งเสียงทักทาย “น้องถิงถิง มาเล่นของเล่นใหม่กับฉันนี่มา”
“ถิงถิง มาเล่นด้วยกัน ! ” หวังกังก็ตะโกนทักทายเช่นกัน
เจียงถิงเงยหน้าขึ้นมองเจียงเสี่ยวไป๋ เขายิ้มแล้วบอกเธอ “ไปเถอะ ! ”
เจียงถิงรีบวิ่งไปทันที “พี่ชานชาน ไหน มีของเล่นอะไรบ้าง ? ”
“ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นของเล่นอะไรบ้าง มีหลายอย่างเลย” เจียงชานพูดแล้วยื่นให้เจียงถิง แล้วพูดกับเจียงเสี่ยวไป๋ว่า “ป่าป๊าคะ ของเล่นพวกนี้เล่นอย่างไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นว่าสิ่งที่ลูกสาวยื่นให้เจียงถิงคือรูบิค เขาจึงพูดว่า “ของเล่นที่หนูยื่นให้ถิงถิงเรียกว่ารูบิค หนูต้องหมุนมันไปมาเพื่อให้ทั้งหกด้านเป็นสีเดียวกัน”
เจียงถิงมองดูรูบิคในมือของเธอ และเห็นว่าสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ บนนั้นแตกต่างกัน มันมีทั้งสีแดง เหลือง น้ำเงิน เขียว ขาว และส้ม พวกมันมีสีสันและสวยงามมาก ซึ่งสามารถบิดขึ้นลงซ้ายขวาได้ด้วย
เจียงชานหยิบรูบิคอีกอันออกมา แล้วพูดว่า “นี่เรียกว่ารูบิค ในตอนแรกทั้งหกด้านจะมีสีเดียวกัน แต่น้องเสี่ยวกังและหนูหมุนมันไปมาสักพักแล้ว ก็ยังไม่สามารถทำให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก”
“เอาให้แม่และคนอื่นลองช่วยกันเล่นแล้ว แต่ก็ไม่มีใครเอามันกลับมาเหมือนเดิมได้ ป่าป๊าทำได้ไหม”
เจียงเสี่ยวไป๋ซื้อของเล่นในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่มีของเล่นที่หลากหลาย แต่ยังซื้อของเล่นมาอย่างละ 10 ชิ้น เจียงชาน เจียงถิง และหวังกังต่างก็ของเล่นที่เหมือนกันคนละอัน รวมถึงลูกพี่ลูกน้องคนอื่นของพวกเขาด้วย
ตัวอย่างเช่น หลินจื้อเสียนและหลินจื้อหลิน ลูกชายลูกสาวของหลินเจียเหวยก็ได้ไปคนละชุด นอกจากนี้ เขายังเก็บไว้อีกชุดให้เฉินปิงและเฉินหง ลูกชายลูกสาวของเฉินหยวนเฉาและพี่สาวของเขา ส่วนที่เหลือก็อาจจะให้ลูกของญาติ ๆ ที่เขาพบเพื่อเป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ
“มาดูนี่ เดี๋ยวพ่อจะเล่นมายากลให้ดู มาดูวิธีแก้รูบิคกัน”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดขณะที่เขาหยิบรูบิคมาจากมือของเจียงชาน และขยับนิ้วไปมาอย่างรวดเร็ว
เจียงชานและหวังกังต่างก็จ้องมองการเคลื่อนไหวของเจียงเสี่ยวไป๋ และแม้แต่หลินเจียอิน เฝิงเยี่ยนหง และเฉินซินก็มองดูด้วยความสงสัยเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ไม่มีใครสามารถทำมันได้
ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋หยุด รูบิคในมือของเขาก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมทั้งหกด้าน ได้แก่ แดง เหลือง น้ำเงิน เขียว ขาว และส้ม แต่ละสีอยู่ด้านเดียวและแต่ละด้านประกอบด้วยสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ 9 ช่อง
“ป่าป๊า สุดยอดมากเลยค่ะ ! ”
“ลุงเจียงเก่งมากครับ ! ”
เจียงชานและหวังกังต่างตะโกนชื่นชมอย่างตื่นเต้น สิ่งที่พวกเขาไม่สามารถแก้ได้ กลับสำเร็จในมือของเจียงเสี่ยวไป๋ภายในไม่กี่นาที
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเบา ๆ “สนุกไหม ? ”
“สนุกครับ ! ” หวังกังพยักหน้า
“ป่าป๊าคะ หนูอยากเล่นเป็น ต้องสอนหนู และหนูก็อยากให้ทั้งหกด้านเป็นสีเดียวกันด้วย”
เจียงชานคว้ารูบิคมาจากมือของเจียงเสี่ยวไป๋มา แล้วพูดเสียงดัง
“ตกลง ตกลง พ่อจะสอนหนูเอง ! ” เจียงเสี่ยวไป๋ตอบตกลงด้วยรอยยิ้ม
หลินเจียอินเห็นเด็กหลายคนเรียกร้องที่จะเรียนรู้ของเล่นที่ใช้สมอง เธอก็เข้ามาร่วมกลุ่มด้วย
เพราะเธอก็อยากทำได้เหมือนกัน !