ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 355 :สอนทีละขั้นตอน
ตอนที่ 355 :สอนทีละขั้นตอน
ที่จริงแล้วมันมีสูตรการเล่นรูบิค ถ้าทำตามสูตร ไม่ว่าใครก็สามารถเปลี่ยนด้านทั้งหกให้เป็นสีเดียวกันได้
แต่หากทำแบบนี้ จุดประสงค์ในการซื้อรูบิคมาให้ลูกของเขาเล่นก็จะสูญเปล่า
ดังนั้น เขาจึงไม่ได้คิดที่จะบอกสูตรให้เด็ก ๆ ฟังตั้งแต่ต้น และพูดว่า “ในการเล่นรูบิค เราต้องค่อย ๆ แก้ไปทีละขั้นตอน ก่อนอื่นต้องตั้งเป้าสีแรกที่เราจะทำให้มันเป็นสีเดียวกันก่อน จากนั้นก็เอาสีที่แยกจากกันให้มันมาอยู่ด้านเดียวกัน ใครทำเสร็จก่อนมีรางวัลให้”
การรวมสีรูบิคให้มาอยู่ด้านเดียวกันอาจเป็นเรื่องง่ายสำหรับผู้ใหญ่ เมื่อหลินเจียอินเข้ามาเล่นด้วย เธอจึงเปลี่ยนด้านหนึ่งให้เป็นสีขาวได้เป็นคนแรก
จากนั้นเด็ก ๆ ก็เริ่มหยิบรูบิคของตัวเองขึ้นมาและเริ่มหมุนมัน
เจียงชาน หวังกัง และเจียงถิงก็เริ่มหมุนไปมาเช่นกัน แต่สิ่งที่ง่าย ๆ ในมือของเจียงเสี่ยวไป๋นั้นกลับยากมากเมื่ออยู่ในมือของเด็กทั้งสามคน ไม่ว่าจะหมุนไปมาอย่างไร พวกเขาก็ไม่สามารถทำได้ จนเวลาผ่านไปเนิ่นนาน
“ป่าป๊า มันยากเกินไป ! ”
เจียงชานพูดด้วยสีหน้าหงุดหงิด
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างอ่อนโยน “หนูยังจำการสังเกตและคิดตามที่พ่อเคยสอนตอนเล่นหมากรุกได้ไหม ? เมื่อถึงตาเราเดินหมาก เราต้องมองเห็นเกมหมากรุกหลังจากนั้นว่ามันจะเป็นอย่างไร หากเคลื่อนรุกออกไปจากตำแหน่งเดิมของมัน”
เจียงชานเอียงหัวคิดตาม จากนั้น ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานว่า “ป่าป๊ากำลังพูดถึงการคำนวณและจินตนาการเชิงพื้นที่หรือเปล่า ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า
เจียงชานยิ้มรับ “ถ้าอย่างนั้นหนูพอรู้ค่ะ หนูจะลองคิดใหม่อีกครั้ง ! ”
“เอาเลย พ่อเชื่อว่าหนูทำได้ ! ” เจียงเสี่ยวไป๋พูดให้กำลังใจ
ในเวลานี้ หลินเจียอินก็ได้พลิกด้านสีแดงของรูบิคในมือของเธอให้มาอยู่ในด้านเดียวกันแล้วให้เจียงเสี่ยวไป๋ดู พร้อมทั้งพูดว่า “แล้วแบบนี้ฉันจะหมุนอย่างไรต่อดีล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่คาดคิดว่าหลินเจียอินจะสนใจรูบิคด้วย เขาจึงกล่าวชมออกมา “เมียจ๋า คุณทำได้เร็วมาก ! ”
หลินเจียอินเม้มริมฝีปากของเธอ “ไม่ใช่ว่าฉันจะทำส่วนที่เหลือไม่ได้ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม เขาดึงหลินเจียอินไปข้าง ๆ ห่างจากเด็กน้อยทั้งสามคน แล้วพูดว่า “ผมซื้อรูบิคมาเพื่อให้เด็กสามคนฝึกทักษะการคำนวณของพวกเขา โดยให้พวกเขาพยายามมันด้วยตัวเอง เมียจ๋า คุณไม่จำเป็นต้องทำหรอก เพราะผมจะสอนสูตรในการแก้ให้คุณเอง แล้วคุณจะสามารถเปลี่ยนทั้งหกด้านให้ไปอยู่สีเดียวกันได้ภายในหนึ่งนาที”
“มีสูตรด้วยหรือ ? ” หลินเจียอินถามด้วยความประหลาดใจ
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “มีสิ ผมจะสอนคุณเอง ! ”
เมื่อพูดอย่างนั้น เขาก็เดินไปที่ด้านหลังของหลินเจียอิน เข้าไปสวมกอดเธอจากด้านหลัง กุมมือและบังคับนิ้วของเธอให้ขยับไปมา เพื่อหมุนรูบิคพร้อมทั้งพูดกฎและเทคนิคไปด้วยขณะที่หมุน
การเล่นรูบิคสำหรับผู้เริ่มต้นนั้นจะเป็นแบบ 3×3 โดยจะเริ่มหมุนทีละชั้น การหมุนของชั้นแรกไม่เพียงแต่จะต้องรวมพื้นผิวสีเดียวด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นสีเดียวกันทั้งสี่ด้านด้วย ขอบแต่ละด้านจะมีสีเดียวกับสีที่อยู่ตรงกลางของหน้า ดังนั้นการหมุนชั้นที่ 2 ก็ง่ายขึ้นแล้ว เพียงใช้สูตรเดิม
เช่นเดียวกับชั้นที่สามถัดไป ก็ใช้สูตรเหมือนกันกับสองชั้นแรก
เจียงเสี่ยวไปสอนหลินเจียอินหมุนรูบิคทีละชั้น จนในที่สุดรูบิคในมือของหลินเจียอินก็มีสีเดียวกันในแต่ละด้าน
“ง่ายขนาดนี้เชียว ? ” หลินเจียอินกล่าวด้วยความไม่เชื่อ
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ใช่ คุณแค่ต้องจำสูตรที่ผมบอกไป ลองเล่นหลาย ๆ ครั้งก็จำได้แล้ว”
หลินเจียอินมีความจำที่ดี สูตรที่เจียงเสี่ยวไป๋สอนเธอไปนั้น เธอจำมันขึ้นใจ เธอหมุนรูบิคไปมาให้สีของมันผสมปนเปกันอีกครั้ง จากนั้นก็หมุนตามวิธีที่เจียงเสี่ยวไป๋สอนเธอ เธอใช้เวลากว่าสามนาทีถึงจะหมุนรูบิคให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
”มันได้ผลจริงด้วย สูตรนี้ง่ายมาก ! ”
หลินเจียอินพูดอย่างตื่นเต้น
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “เมียจ๋าของผมมีความจำที่ดี บางคนจำสูตรไม่ได้ด้วยซ้ำ แม้จะสอนไปหลายครั้งก็ตาม”
ในเวลานี้ เจียงชานก็สามารถหมุนรูบิคให้สีน้ำเงินมารวมกันได้ด้านหนึ่ง จากนั้นเธอก็ตะโกนอย่างตื่นเต้น “ป่าป๊า หนูทำได้สำเร็จหนึ่งด้านแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋เดินไปดูและกล่าวชื่นชมเธอออกมา “ชานชานฉลาดมาก หนูทำเสร็จเร็วมาก ! ”
“ป่าป๊า แล้วเราควรทำอย่างไรต่อคะ ? ” เจียงชานถามด้วยความกระตือรือร้น
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ก็เริ่มทำอีกด้านจนเป็นสีเดียวกันไปจนครบ แล้วจากนั้นก็พยายามฝึกให้เร็วขึ้น”
ขณะที่เขาพูด เขาก็หยิบรูบิคขึ้นมาหมุนด้านสีแดงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พลิกรูบิคแล้วหมุนด้านสีขาวต่ออย่างรวดเร็ว
สีของรูบิคยังคงยุ่งเหยิงปนเปกันซึ่งสร้างพื้นผิวที่มีสีสัน ซึ่งทำให้เจียงชานตื่นตาตื่นใจ
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ฝึกแบบนี้ซ้ำ ๆ แล้วหนูจะหมุนเร็วเหมือนกับพ่อ ! ”
“ค่ะ ! ” เจียงชานหยิบรูบิคมาจากมือของเจียงเสี่ยวไป๋แล้วพูดอย่างมั่นใจ “หนูจะหมุนมันให้เร็วกว่าป่าป๊าแน่นอน ! ”
“โอเค พ่อเชื่อว่าชานชานทำได้ ! ”
“อื้ม ! ” เจียงชานพยักหน้าและเล่นรูบิคอย่างมีความสุข
หลินเจียอินหมุนรูบิคในมืออย่างมีความสุขมาก เธอชี้ไปที่ของเล่นอื่น ๆ มากมายที่เจียงเสี่ยวไป๋ซื้อมาแล้วพูดว่า “นี่คืออะไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋หยิบของเล่นขึ้นมาทีละอัน
“มันคือโจโฉฝ่าด่าน ! ”
“ส่วนนี่คือปริศนาเสี้ยน ! ”
“นี่คือเกมเก้าห่วงปริศนา ! ”
“ส่วนนี่ตัวต่อแทนแกรม ! ”
“……”
เขาบอกชื่อของเล่นที่เขาซื้อมาให้เธอฟังทีละชิ้น ของเล่นเหล่านี้ไม่ได้ไร้สาระ แต่เป็นของเล่นที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กได้เป็นอย่างดี ซึ่งของเล่นแต่ละอย่างก็ไม่มีอะไรง่าย
หลังจากนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็เริ่มสอนหลินเจียอินเล่นเกมโจโฉฝ่าด่าน ซึ่งเป็นเกมที่ง่ายที่สุด
หลังจากเล่นไปสองสามครั้ง หลินเจียอินก็พูดอย่างมีความสุข “เกมนี้น่าสนใจมาก ดูเรียบง่าย แต่มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย มันแตกต่างกันทุกด่าน”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ถ้าเด็ก ๆ เล่นของเล่นพวกนี้บ่อย ๆ โตขึ้นพวกเขาจะฉลาดมาก ! ”
หลินเจียอินพยักหน้าซ้ำ ๆ เธอเองก็ค่อนข้างเห็นด้วย
ตลอดช่วงบ่าย เด็กทั้งสามคนรวมถึงหลินเจียอิน เฝิงเยี่ยนหง และเฉินซินก็เล่นของเล่นที่เจียงเสี่ยวไป๋ซื้อมา ซึ่งพวกเขาคิดว่าของเล่นที่เจียงเสี่ยวไป๋ซื้อมาในครั้งนี้น่าสนใจมาก
“ชานชาน ถิงถิง เราจะกลับบ้านกันแล้ว ! ”
จนเวลาล่วงเลยมาถึงห้าโมงเย็น เจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้เข้ามาเรียกเด็กทั้งสอง
“ป่าป๊า หนูขอเอารูบิคกลับไปเล่นที่บ้านได้ไหม ? ” เจียงชานพูดขณะที่เธอดูจะติดการเล่นรูบิคงอมแงม และดูจะทนไม่ไหวหากว่าต้องหยุดเล่นไปตอนนี้
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “หนูจะเอาติดตัวไปด้วยก็ได้ถ้าต้องการ แต่เรายังมีอยู่ที่บ้านอีกนะ”
เจียงชานพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นหนูก็จะเอาไปด้วย เพราะหนูจะเล่นในรถ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ในรถก็มี พ่อซื้อไว้ให้หนูหลายชุดเลย ! ”
เจียงชานวางรูบิคลงแล้วพูดอย่างมีความสุข “ขอบคุณนะคะป่าป๊า ป่าป๊าใจดีมากที่ซื้อของเล่นมากมายให้หนู ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้าน ในรถ หรือห้องทำงาน หนูก็สามารถเล่นได้ตลอด ! ”
เฝิงเยี่ยนหงมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋และถอนหายใจออกมา ลูกพี่ลูกน้องของเธอใจดีกับชานชานจริง ๆ ขนาดของเล่น ยังซื้อมาโดยที่ไม่ให้ลูกสาวต้องขาดแคลน
ถ้าเป็นเธอ แม้แต่ชุดเดียวเธอก็ไม่ซื้อให้ลูกชายของเธอ เพราะมันดูสิ้นเปลือง แต่เธอรู้ดีว่าของเล่นประเภทนี้ตราบใดที่เสี่ยวกังชอบเล่น คนอย่างเจียงเสี่ยวไป๋ก็เต็มใจที่จะซื้อให้เสี่ยวกังหลายชุด
ยิ่งไปกว่านั้น เจียงเสี่ยวไป๋ยังมอบนาฬิกาอันประณีตจากแบรนด์ต่างประเทศให้เธอและหวังผิงด้วย
แต่เมื่อเธอเห็นกระเป๋าใบใหม่ของหลินเจียอิน เธอก็รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
“มันสวยมาก ฉันต้องไปหาซื้อมาสักใบแล้ว ! ”
เพราะถึงอย่างไร ตอนนี้ฉันก็มีเงินแล้ว ฉันสามารถซื้ออะไรก็ได้ !
หลินเจียอิน เจียงชาน และเจียงถิงได้เดินตามเจียงเสี่ยวไป๋ไปที่รถเพื่อกลับบ้าน ระหว่างนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ถามเจียงถิงไปว่า “ถิงถิง ของเล่นพวกนี้สนุกไหม ? ”
”มันสนุก แต่หนูไม่รู้ว่าจะเล่นอย่างไร ! ”
เจียงชานฟังแล้วก็พูดด้วยรอยยิ้ม “น้องถิงถิง เดี๋ยวฉันสอนเล่นเอง ! ”
จากนั้น เธอก็หยิบรูบิคขึ้นมาและอธิบายให้เจียงถิงฟังว่าควรจะหมุนมันอย่างไร
เจียงเสี่ยวไป๋มองกระจกมองหลังและเห็นเด็กสองคนที่นั่งอยู่แถวหลังกำลังสอนกันอยู่ คนหนึ่งกำลังสอน ส่วนอีกคนก็ตั้งใจฟัง ทั้งคู่ดูจริงจังมากและมีรอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของพวกเธอทั้งสองด้วย
เมื่อมองไปที่ หลินเจียอินที่นั่งข้าง ๆ เขา เธอยังคงเล่นกับเกมโจโฉฝ่าด่าน ซึ่งดูเหมือนตอนนี้เธอจะหลงใหลกับเกมนี้มาก
เขายิ้มกว้างขึ้นมา
ตอนนี้ภรรยาของฉันกำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สอง เธอน่าจะเบื่อที่ต้องมานั่งอ่านหนังสือทุกวัน ซึ่งถ้าเธอเบื่อในการอ่านหนังสือ ให้เธอเล่นของเล่นแบบนี้ก็ไม่เลว !