ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 356 :งานยุ่ง
ตอนที่ 356 :งานยุ่ง
ไม่กี่วันต่อมา เจียงเสี่ยวไป๋เริ่มงานยุ่งแล้ว
ขั้นแรก เขาทดลองผลิตเต้าเจี้ยว เต้าหู้แห้ง เต้าหู้แผ่น และล่าเถียวที่โรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลือง เรียกเฉินหยวนเฉาและหัวหน้าสายผลิตหลายคนมาเริ่มทดสอบสายการผลิตทั้ง 4 สาย เพื่อทดลองผลิตและคำนวณกำลังการผลิตและต้นทุนผลิตภัณฑ์
จากนั้น ทางฝั่งบริษัทโลจิสติกส์ ตอนนี้พนักงานขับรถทั้งหมด 80 คนที่มาจากหน่วยงานต่าง ๆ ตามคำสั่งของรองนายกเทศมนตรีจางก็ได้มาประจำที่บริษัทแล้ว รวมทั้งทหารผ่านศึก 30 คนจากฝ่ายผู้บัญชาการกองร้อยเก่าที่ทยอยมาถึงแล้วด้วย ปัจจุบัน บริษัทโลจิสติกส์มีพนักงานขับรถทั้งหมด 139 คน ในจำนวนนี้มีรถบรรทุกขนาดใหญ่ 110 คัน ทำหน้าที่ในการขนส่งให้กับบริษัทโลจิสติกส์เป็นหลัก ซึ่งตอนนี้พวกเขาได้เริ่มส่งสินค้าให้กับโรงงานผลิตฟิล์มพลาสติกแล้ว
ส่วนรถที่เหลืออีกห้าคันได้เอามาเป็นรถที่ใช้ในการฝึกขับภายใต้การจัดการของเย่กวงโต้วแล้ว
ซึ่งครั้งนี้เจียงเสี่ยวไป๋หายไปนานเกินไป หลังจากที่เย่กวงโต้วเขียนโฆษณารับสมัครพนักงานขับรถผ่านหน้าหนังสือพิมพ์ ตอนนี้ก็มีคนมาสมัครกว่า 300 คนแล้ว แน่นอนว่าจำนวนคนสมัครเต็มภายในไม่กี่วัน เขาเข้าใจความตั้งใจของเจียงเสี่ยวไป๋ดี ดังนั้นเขาจึงไปหาเฉินซินเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเริ่มจัดฝึกอบรมพนักงานขับรถเอง
เพื่อเป็นการขอบคุณ เจียงเสี่ยวไป๋ชื่นชมเย่กวงโต้วและให้โบนัสตอบแทนเขา 100 หยวน
เย่กวงโต้วตื่นเต้นมาก
เพราะตอนที่เขาทำงานในแผนกบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ เขาได้เงินเดือนเพียง 20 หยวนต่อเดือนรวมค่าต้นฉบับเท่านั้น แต่พอมาทำงานกับเจียงเสี่ยวไป๋ เขาได้รับเงินเดือน 60 หยวนและโบนัส 100 หยวน ซึ่งเท่ากับเงินเดือนที่ทำงานในกองบรรณาธิการครึ่งปีเลย
ดูเหมือนเขาจะพบเป้าหมายในชีวิตแล้ว
น่าเสียดายที่เขารู้สึกเศร้าเมื่อนึกถึงเจียงเสี่ยวชิง เธอจากไปอย่างเงียบ ๆ ไม่มีแม้แต่ข้อมูลติดต่อ
เขาไปที่โรงเรียนมัธยมต้นชิงโจวหมายเลข 1 เพื่อพูดคุยกับเจียงเสี่ยวเหลย แต่ปัญหาก็คือไม่เพียงแต่เจียงเสี่ยวเหลยจะปากแข็งเท่านั้น แต่เขายังไม่ทราบข้อมูลติดต่อของพี่รองของเขาอีกด้วย
เย่กวงโต้วไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้ความกล้า บากหน้าไปขอจากเจียงเสี่ยวไป๋
แต่เมื่อเขาอยู่ต่อหน้าเจียงเสี่ยวไป๋ เขาก็ไม่กล้าพูด แม้ว่าเขาอยากหาทางติดต่อเจียงเสี่ยวชิง แต่เจ้านายของเขาก็เหมือนภูเขาลูกใหญ่ที่ขวางหน้าเขาเอาไว้
เจียงเสี่ยวชิงมีพี่ชายที่ร่ำรวยขนาดนี้ เขาเป็นเด็กยากจน เธอจะหันมาสนใจเขาได้อย่างไร ?
เย่กวงโต้วรู้สึกหมดความมั่นใจ
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่มีเวลาไปสนใจความคิดของชายหนุ่ม หลังจากพบกับเย่กวงโต้ว เขาก็ไปที่ร้านโยวผิ่นต่อ
ก่อนอื่น เขาต้องไปคิดบัญชีรายได้ในช่วงที่ผ่านมากับหลี่ลี่ ยอดรวมอยู่ที่ 13,726 หยวน ตกประมาณ 800 หยวนต่อวัน ซึ่งหมายความว่าในแต่ละวันสามารถขายเมล็ดแตงโมได้วันละ 650 กิโลกรัม
เมื่อเทียบกับปริมาณการผลิตรายวันของโรงงานเมล็ดแตงโม ปริมาณการขายนี้น้อยกว่าหนึ่งในห้า ร้านโยวผิ่นจึงมีเมล็ดแตงโมสะสมเป็นจำนวนมาก คงถึงเวลาที่จะต้องขยายสาขาเปิดร้านใหม่แล้ว
“พี่เจียง ครั้งนี้ลูกค้าชื่อเหวินมาขอซื้อเมล็ดแตงโม 5 รสอีกแล้ว ฉันจึงขอที่อยู่ของเขามา บ้านของเขาอยู่ข้างโรงหนัง เขาชื่อเหวินเสวียเหว่ย” หลี่ลี่กล่าว
เจียงเสี่ยวไป๋ยกมือขึ้นดูนาฬิกาของเขา แล้วพูดว่า “เอาล่ะ เธอไปหาเขาแล้วบอกว่าฉันจะรอเขาอยู่ที่ห้องทำงานในโรงงานเครื่องปรุงรสตอนบ่ายสามโมงครึ่ง”
หลี่ลี่รับคำสั่งทันที
เจียงเสี่ยวไป๋ออกมาจากร้านโยวผิ่น คิดอยู่พักหนึ่งแล้วไปที่ตลาดผักเพื่อซื้อเมล็ดบัว ไข่ แป้ง และหมูสามชิ้น จากนั้นก็กลับไปที่โรงงานเครื่องปรุงรสกุ้งอบน้ำมัน
“ป่าป๊าคะ หนูทำได้สองด้านแล้ว ! ”
ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป เจียงชานก็วิ่งมาหาเขา ถือรูบิคแล้วพูดอย่างภาคภูมิใจ
เจียงเสี่ยวไป๋หยิบรูบิคของเธอขึ้นมาดูอย่างระมัดระวัง อันดับแรกเขาก็ได้กล่าวชมเชยเธอ จากนั้นก็หมุนรูบิคให้มีสีเดียวกันเพิ่มมาอีกด้าน สม่ำเสมอด้านหนึ่ง แล้วหมุนให้ชั้นที่สองเป็นสีเดียวกันทุกด้าน ก่อนจะยื่นให้เจียงชาน และพูดว่า “จำสีแบบนี้ไว้ หนูจะต้องหมุนให้ได้แบบนี้”
เจียงชานมองดูมันอยู่ครู่หนึ่ง เอียงศีรษะของเธอแล้วพูดว่า “ป่าป๊า เราต้องหมุนแก้ไปทีละชั้นใช่ไหมคะ ? ”
“ชานชานฉลาดมาก รูบิคมีสามชั้น เราสามารถแก้ไปทีละชั้นได้” เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ลูกสาวของเขาสังเกตการแก้รูบิคของเขาและรู้เทคนิคที่เขาใช้อย่างรวดเร็ว
เจียงชานพูดอย่างมีความสุข “ถ้าอย่างนั้นหนูก็พอเข้าใจแล้ว หนูจะแก้ชั้นที่สองให้เสร็จก่อน จากนั้นก็จะแก้ชั้นที่สามต่อ”
“ได้สิ ! พ่อเชื่อว่าหนูต้องทำได้เร็ว ๆ นี้แน่นอน ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและให้กำลังใจลูกสาวของเขา
เจียงชานแยกตัวออกไปเล่นรูบิคต่อ เจียงเสี่ยวไป๋เห็นหลินเจียอินอ่านหนังสือ เขาจึงไม่ได้เข้าไปรบกวนเธอ เขาเดินไปที่โต๊ะแล้วนั่งลงจิบชา และเริ่มคิดที่จะรวมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่เขามีในปัจจุบันให้เป็นเครือเดียวกัน
เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนที่จะไปเจียงเฉิงแล้ว แต่ก่อนหน้านี้เขายุ่งมาก จึงไม่ได้เอาเรื่องนี้ขึ้นมาคิดต่อ
ขณะที่เขากำลังคิด เขาก็เขียนโครงสร้างลงในสมุดบันทึกด้วย
เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว
“ตึง ตึง ตึง ! ”
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นหลายครั้ง เจียงเสี่ยวไป๋เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นชายคนหนึ่งในวัยสามสิบปียืนอยู่ที่หน้าประตูแล้วถามว่า “ไม่ทราบว่าเถ้าแก่เจียง อยู่ที่นี่หรือเปล่า ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋วางปากกาในมือลง ยืนขึ้นและทักทายอีกฝ่ายว่า “สวัสดีครับ ผมเจียงเสี่ยวไป๋ คุณคือคุณเหวินใช่ไหม ? ”
ชายคนนั้นพูดว่า “สวัสดีครับเถ้าแก่เจียง ผมคือเหวินเสวียเหว่ย”
“คุณเหวิน เชิญเข้ามาก่อนครับ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋เชิญเหวินเสวียเหว่ยเข้ามาในสำนักงาน หลังจากที่ทั้งสองนั่งลง เฉินซินก็ชงชามาเสิร์ฟพวกเขา
หลังจากทักทายกันเสร็จ เหวินเสวียเหว่ยก็พูดความตั้งใจของเขาออกมาตามตรง
“เถ้าแก่เจียง ผมสนใจเมล็ดแตงโม 5 รสของคุณมาก เลยอยากรู้ว่าถ้าผมซื้อไปขายต่อได้ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ก่อนอื่นเลย ผมต้องขอบคุณคุณเหวินมากที่ชอบผลิตภัณฑ์ของเรา แต่น่าเสียดายที่ผมยังไม่ได้คิดเรื่องการขายส่งในตอนนี้”
เหวินเสวียเหว่ยแสดงสีหน้าผิดหวังออกมา และพูดอย่างสงสัยว่า “ในเมื่อเถ้าแก่เจียงยังไม่ได้วางแผนที่จะขายส่ง แล้วทำไมถึงให้เสี่ยวหลี่ไปบอกให้ผมมาพบที่นี่ล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “ผมไม่คิดที่จะขายเมล็ดแตงโมให้ที่อื่นก็จริง แต่ผมวางแผนที่จะเปิดร้านโยวผิ่นอีกสาขา หากคุณเหวินสนใจเปิดสาขาของร้านโยวผิ่น คุณก็จะสามารถขายเมล็ดแตงโม 5 รสได้”
เหวินเสวียเหว่ยดีใจมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้ จึงถามไปทันทีว่า “มันเหมือนร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเหอของเถ้าแก่เจียงหรือเปล่า ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือแล้วพูดว่า “มันเหมือนกัน แต่ก็แตกต่างเช่นกัน”
เหวินเสวียเหว่ยตกตะลึงกับคำพูดนี้ของเจียงเสี่ยวไป๋ และถามอย่างละเอียด
เจียงเสี่ยวไป๋จึงอธิบายให้เขาฟัง
ปรากฎว่าแม้ร้านโยวผิ่นและร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเหอจะเป็นโมเดลแฟรนไชส์ในเครือทั้งคู่ แต่ก็มีความแตกต่างกันในแง่ของผลผลิต
ร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเหอมุ่งเน้นไปที่การสร้างภาพลักษณ์ร้านค้าแบบครบวงจรเป็นหลัก ทางโรงงานของสำนักงานใหญ่จะขายแพ็คเกจเครื่องปรุงรสกุ้งอบน้ำมันและกุ้งเครย์ฟิชให้ให้กับแฟรนไชส์ในเครือ
การซื้อแฟรนไชส์ร้านโยวผิ่นไม่เพียงแต่ต้องมีรูปลักษณ์ของร้านค้าที่เป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น แต่ต้องมีความพิเศษเฉพาะของผลิตภัณฑ์ด้วย หากคุณซื้อแฟรนไชส์ไป คุณจะขายได้เฉพาะผลิตภัณฑ์จากสำนักงานใหญ่เท่านั้นและราคาขายจะต้องเท่ากันทุกสาขา
เมื่อได้ยินแบบนี้ เหวินเสวียเหว่ยก็เกิดความลังเลขึ้นมา
“เถ้าแก่เจียง ฉันว่าธุรกิจร้านของคุณดีมาก มีรายได้ประมาณเจ็ดถึงแปดร้อยหยวนต่อวัน แต่นั่นเป็นเพราะคุณเลือกทำเลที่ตั้งร้านค้าของคุณได้ดี มันอยู่ตรงทางเข้าสถานี เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีลูกค้า แต่ที่อื่นคงขายไม่ได้เหมือนที่นี่หรอก”
เจียงเสี่ยวไป๋เหลือบมองเหวินเสวียเหว่ยด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ผู้ชายคนนี้ช่างเป็นคนที่สังเกตและคงจะแอบเก็บข้อมูลของร้านโยวผิ่นมาบ้างแล้ว
เขาไม่พูดอะไรและส่งสัญญาณให้เหวินเสวียเหว่ยพูดต่อ
“ตอนนี้ร้านโยวผิ่นขายแต่สินค้าของโรงงานเมล็ดแตงโม ส่วนตัวผมคิดว่าสินค้ามันมีให้เลือกน้อยเกินไป ผมอยากจะวางสินค้าอื่น ๆ ในร้านบ้าง”
“ไม่อย่างนั้นมันจะเปลืองพื้นที่เอาเปล่า ๆ ”