ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 359 :แล้วพบกันใหม่ครับคุณหลิน
ตอนที่ 359 :แล้วพบกันใหม่ครับคุณหลิน
เจียงเสี่ยวไป๋และถานชิงซานยกกล่องถั่วลิสง 5 รสและเค้กที่รักออกจากรถสองกล่อง
เค้กที่รักมีสองไส้ คือไส้หวานและไส้เค็ม
เขาเปิดถุงถั่วลิสง 5 รสและเค้กที่รักอย่างละถุง แล้วเรียกให้หลินเจียอินและเจียงชานมาชิมดู ซึ่งผลตอบรับค่อนข้างดี
เจียงเสี่ยวไป๋ก็ค่อนข้างพอใจเช่นกัน
จากนั้น เฉินซินก็ไปนับจำนวนพนักงานในอุตสาหกรรมทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ โรงงานผลิตฟิล์มพลาสติก โรงงานเครื่องปรุงรส โรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลือง ร้านโยวผิ่น และร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียง
ไม่นาน เฉินซินก็กลับมารายงานจำนวนคนอย่างรวดเร็ว ซึ่งอยู่ที่ 985 คน เมื่อรวมพนักงานขับรถ 139 คนจากบริษัทโลจิสติกส์ และพนักงานฝึกหัด 300 คนที่กำลังอบรมฝึกขับรถก็รวมเป็น 1,424 คน
เจียงเสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เขาเกิดใหม่ได้เพียง 5 เดือนเท่านั้น แต่จำนวนพนักงานในบริษัทของเขามีมากถึงนับพันชีวิตแล้ว
ในชาติที่แล้ว เขาทำงานหนักเกือบสิบปีกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้
หลังจากถอนหายใจสักพัก เขาก็พูดว่า “พี่ชิงซาน พี่ให้คนมาขนถั่วลิสง 5 รส 1,500 ถุงและเค้กที่รักทั้งสองรสชาติในออฟฟิศออกไป แล้วนำที่เหลือไปส่งที่ร้านโยวผิ่นพร้อมเมล็ดแตงโม 5 รสอีก 1,500 ถุง”
ถานชิงซานรับคำ ก่อนจะเดินออกไป
เจียงเสี่ยวไป๋ยังคงห่อเค้กที่รักด้วยกระดาษสีแดงต่อไป โดยมีทั้งแบบเค็มและหวานอย่างละ 1 ถุง หลังจากห่อเสร็จ เขาก็เขียนข้อความว่า “ชีวิตคนเรามีครบทุกรสชาติ ผมจะขอเก็บรสเปรี้ยวและขมเอาไว้เอง ส่วนความหวานและเค็มขอนำมาแบ่งปันให้พวกคุณ ส่วนหากอยากได้รสเผ็ด ขอเชิญมาชิมกุ้งอบน้ำมันของเรา” เจียงเสี่ยวไป๋เขียนข้อความลงไปด้วยรอยยิ้ม
หลังจากง่วนอยู่กับการห่อเค้กที่รักและเขียนข้อความไปพักใหญ่ เค้กที่รักจำนวน 30 ห่อก็ถูกห่อจนเสร็จแล้ว
เมื่อถานชิงซานกลับมา เขาก็ได้เอาขนมไหว้พระจันทร์ เค้กที่รัก เมล็ดแตงโม 5 รสและถั่วลิสง 5 รส ใส่ลงไปในถุงพลาสติกที่มีข้อความบนถุงพิมพ์ไว้ว่า ‘ร้านโยวผิ่น’ อย่างละหนึ่งชิ้น แล้วขนถุงขนมขึ้นไปวางไว้บนรถ 27 ชุด
ส่วนอีก 3 ชุดที่เหลือ เขาได้มอบให้กับเฝิงเยี่ยนหง ถานชิงซานคนละชุด และฝากถานชิงซานเอาไปมอบให้กับเฉินหยวนเฉาอีกชุดด้วย
ถานชิงซานปฏิเสธ “ไม่จำเป็นต้องให้ฉันหรอก ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “เอาไปเถอะ ฉันตั้งใจมอบให้พี่ นอกจากนี้ฉันไม่ได้ให้พี่ฟรี ๆ เสียหน่อย เพราะวันนี้พี่ต้องทำงานหนักอีกแล้ว”
ถานชิงซานกล่าวว่า “แค่พูดมาก็พอแล้ว จะให้ฉันทำอะไรล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ตอนนี้ถึงวันไหว้พระจันทร์แล้ว เราจะให้สวัสดิการพนักงาน โดยใช้ถุงพลาสติกสะดวกซื้อมาทำแพคเกจจิ้ง ในแต่ละถุงจะมีเมล็ดแตงโม 5 รส ถั่วลิสง 5 รส เค้กที่รักไส้เค็มและไส้หวานอย่างละห่อ ซึ่งเราต้องทำทั้งหมด 1,424 ชุด เมื่อทำเสร็จแล้ว ให้พี่กับเฉินซินนำขึ้นรถไปส่งให้ถึงมือผู้รับผิดชอบของแต่ละที่ แล้วให้พวกเขาแจกจ่ายให้กับพนักงานทุกตำแหน่ง”
“อืม ได้สิ ! ฉันอยากจะขอบคุณในนามของคนงานในโรงงานเครื่องปรุงรสด้วย ขอบคุณเถ้าแก่เจียงมาก ! ” ถานชิงซานรับคำแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลินเจียอินที่ยืนอยู่ข้างกันได้ยินแบบนั้น จึงถามว่า “คุณได้มอบของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับพนักงานทุกคนในชิงโจว แล้วพนักงานโรงงานเมล็ดแตงโมจินเคอที่เจี้ยนหยางล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “เค้กที่รัก เมล็ดแตงโม 5 รสและถั่วลิสง 5 รสต่างก็ผลิตในโรงงานเมล็ดแตงโมจินเคอ แค่เราโทรหาเจียงเสี่ยวเฟิงแล้วบอกให้เขาเอาแจกให้พนักงานในโรงงานตามนี้ก็จบแล้ว”
หลินเจียอินพยักหน้าและถามว่า “หลังจากแจกของขวัญแล้ว คุณยังจะแจกอั่งเปาเนื่องในเทศกาลด้วยหรือเปล่า ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋คิดอยู่พักหนึ่ง เมื่อช่วงเทศกาลที่ผ่านมา เขาเคยแจกให้พนักงานทุกคนคนละ 10 หยวน แต่มูลค่ารวมของขวัญที่แจกให้พนักงานในครั้งนี้มีราคารวมน้อยกว่า 2 หยวน ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “แจกไปเลยคนละ 10 หยวนแล้วกัน”
คนละ 10 หยวน ถ้าพนักงาน 1,000 คนก็เป็นเงินประมาณ 10,000 หยวน
หลินเจียอินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “เมื่อมีพนักงานมากขึ้น ก็ต้องใช้เงินมากขึ้นแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม ผู้คนยิ่งมากก็ยิ่งสร้างมูลค่าให้กับโรงงานและอุตสาหกรรมมากขึ้น
เขาไม่ได้ติดใจประเด็นนี้อีกแล้วพูดว่า “เมียจ๋า อั่งเปาพนักงานทั้งหมดกี่หยวนก็ให้มาแจ้งกับผม ตอนนี้เราส่งของขวัญให้พวกเขาไปก่อน”
“ได้ ฉันจะโทรหาผู้จัดการร้านและผู้จัดการโรงงานทุกคนให้ไปที่บริษัทโลจิสติกส์ เยี่ยนหงและฉันจะให้อั่งเปากับพวกเขาไปแจกพนักงาน”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าและออกไป
รถจี๊ปขับไปทางเหนือของเมือง แล้วหยุดที่ประตูของบ้านเลขที่ 19 บนถนนซานเซิ่ง
บ้านหลังนี้คือบ้านเก่าที่สร้างด้วยดินและกระเบื้อง
เป็นเวลากว่าสองเดือนแล้วที่เจียงเสี่ยวไป๋มาที่นี่ เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋เดินเข้าไปในลานเล็ก ๆ เขาก็เห็นแผงองุ่นสีเขียวชอุ่มพร้อมองุ่นจำนวนนับไม่ถ้วนห้อยอยู่ใต้ต้นองุ่น
“คุณหลิน คุณหลิน ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตะโกนสองสามครั้ง จากนั้นไม่นาน ชายชราที่มีรูปร่างผอมเพรียวใบหน้าซีดเซียวก็เดินออกจากห้อง
“โอ้ เสี่ยวไป๋นี่เอง ! ”
“ทำไมคุณถึงจำผมได้แม่นขนาดนี้ ? ”
หลินฉางเกิงเห็นชัดเจนว่าคนที่มาคือเจียงเสี่ยวไป๋ จึงทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม
“พรุ่งนี้เป็นวันไหว้พระจันทร์ ผมเอาขนมไหว้พระจันทร์มาให้คุณ ขอให้มีความสุขในวันไหว้พระจันทร์และมีสุขภาพแข็งแรงนะครับ ! ” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวด้วยความเคารพ
หลินฉางเกิงหัวเราะเสียงดัง “หายากที่คนหนุ่มอย่างคุณจะมีจิตใจเช่นนี้ มาเถอะ มา เข้ามานั่งข้างในบ้านก่อน”
เจียงเสี่ยวไป๋เดินเข้าไปในห้องโถง วางถุงของขวัญไว้บนโต๊ะไม้ในห้องโถงกลาง จากนั้นนั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ
หลินฉางเกิงพูดว่า “จะดื่มชาหรือน้ำ ? ฉันจะรินให้ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือ “คุณหลิน ไม่เป็นไร ผมเข้ามานั่งสักพักเองครับ”
“ไม่เป็นไร ! ” หลินฉางเกิงนั่งลงด้วยท่าทางสบาย ๆ และเริ่มพูดคุยกับเจียงเสี่ยวไป๋
หลังจากพูดคุยกันประมาณ 20 นาที เจียงเสี่ยวไป๋ก็ลุกขึ้นขอตัวกลับ
หลินฉางเกิงกล่าวว่า “คุณเอาขนมไหว้พระจันทร์มาฝากฉัน ฉันจะไม่ให้ของขวัญตอบแทนไม่ได้ องุ่นในโครงองุ่นสุกแล้ว คุณเลือกเอาเองได้เลย ! ”
“พวงที่มันสุกคุณเอาไปหมดเลย เลือกเลย ! ไม่งั้นมันจะเน่าเสียเปล่า ๆ ” หลินฉางเกิงโบกมือแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
เจียงเสี่ยวไป๋หยิบถุงสะดวกซื้อสองใบแล้วไปเก็บองุ่นอย่างไม่ตั้งใจ เขาหยิบถุงใหญ่ติดตัวไปด้วย และทิ้งถุงเล็กไว้กับหลินฉางเกิง
หลินฉางเกิงเอามือจับเคราของเขาแล้วจ้องมอง “เอาพวงนั้นไปด้วย ! พวกนั้นอีก เอาไปให้หมด ! จะเหลือไว้ทำไมตั้งหนึ่งถุงล่ะ ในเมื่อต้นมันอยู่นี่ ฉันอยากกินก็ไปเด็ดกินเองได้”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “คุณอายุมากแล้ว อย่าปีนสูงเลยครับ เลือกกินที่อยู่ด้านล่างก็พอ ! ”
หลินฉางเกิงชะงักไปเล็กน้อย เขาพูดออกมาด้วยท่าทางหดหู่ “ฉันรู้ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นดังนั้น จึงพูดว่า “หลังจากผ่านสองวันที่ยุ่งวุ่นวายนี้ไป ผมจะมารับคุณไปทานอาหารเย็น ผมเพิ่งคิดเมนูใหม่เมื่อไม่นานมานี้ อยากให้คุณไปชิมดู ! ”
“ได้สิ ฉันต้องไปชิมอยู่แล้ว ! ” หลินฉางเกิงพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา เขาคิดในใจว่าเจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้ตั้งใจจะให้เขาไปชิมอะไรหรอก มันคือข้อแก้ตัวที่เจียงเสี่ยวไป๋อยากดูแลเขามากกว่า
ฉันจะจำชายหนุ่มคนนี้ไว้ในใจ และจะไม่ปฏิเสธน้ำใจของเขา
ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็คิดถึงอาหารฝีมือของเจียงเสี่ยวไป๋จริง ๆ
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋ออกมาจากบ้านของหลินฉางเกิง เขาก็ตรงไปที่ศาลากลางก่อนเพื่อพบกับรองนายกเทศมนตรีจาง รองผู้อำนวยการเหลียงจื้อเฉิงและติงจวิ้นเจี๋ย จากนั้น เขาก็ไปที่สำนักงานอุตสาหกรรมเพื่อพบกับหวังเต๋อคุนและเฉินเหมย ไปกรมการคลังเพื่อพบเฉียนฟางอี้และหลี่หงจวิน ต่อด้วยสำนักงานความมั่นคงสาธารณะเพื่อพบเหรินฉางเซี่ยและเฉิงเจิ้งหมิง ไปที่โรงงานผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรเพื่อพบโจวฉางซงและหวังเหล่ย ตามด้วยชิงโจว โรด แอนด์ บริดจ์ คอมพานีเพื่อพบชิวเสี่ยวหยุนและเหลียงซือฮุย ไปที่สำนักงานการไฟฟ้าเพื่อพบเหล่ยหลี่และชางเจี้ยนเฉิง ไปหน่วยดับเพลิงเพื่อพบโจวเต๋อฟู่ ไปที่สำนักข่าวรายวันชิงโจวเพื่อพบฟู่เต๋อเจิ้งและเซี่ยงเฉียนจิ้น ไปที่ธนาคารเกษตรแห่งประเทศจีนเพื่อพบจูกั๋วฟู่ จนที่สุดท้ายคือธนาคารเพื่อการก่อสร้างแห่งประเทศจีนเพื่อพบเจียงชิงชิง……
ไม่ว่าคนเหล่านี้จะติดต่อกับเขาบ่อยหรือน้อยแค่ไหน แต่ในช่วงวันไหว้พระจันทร์ เขาก็ไปทักทายทุกคนและมอบของขวัญให้
ของขวัญพวกนี้แม้จะตีเป็นเงินได้เพียงไม่กี่หยวนเท่านั้น
แต่การไปทักทายด้วยตัวเองถึงที่นั้นเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่า
ยิ่งไปกว่านั้น ของขวัญทั้งหมดยังเป็นผลิตภัณฑ์จากโรงงานของเขาเอง ทำให้เขาได้โฆษณาสินค้าไปในตัวอีกด้วย