ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 360 :หลักการใช้คน
ตอนที่ 360 :หลักการใช้คน
หลังจากเดินทางไปนุ่นมานี่ไม่หยุดหย่อน เจียงเสี่ยวไป๋ก็มีของขวัญเหลืออยู่ในรถเพียง 4 ชุดเท่านั้น
ซึ่งเขาตั้งใจจะมอบให้จวงปี้เฉิง ช่างไม้ถาน หลี่กวงหรง และชุดสุดท้าย เขากำลังขับรถตรงไปโรงงานผลิตฟิล์มพลาสติก
เฉินหยวนเฉาผู้จัดการโรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลือง ถานชิงชานผู้จัดการโรงงานเครื่องปรุงรส และเมิ่งเสี่ยวเป่ยผู้จัดการโรงงานผลิตฟิล์มพลาสติก ต้องได้รับของขวัญชิ้นนี้ครบทุกคน
เมิ่งเสี่ยวเป่ยได้รับของขวัญจากเจียงเสี่ยวไป๋และพูดด้วยรอยยิ้ม “ผู้จัดการหลินเพิ่งโทรมาบอกว่าเธอได้จัดสวัสดิการให้กับทุกคนแล้ว ทำไมคุณถึงยังส่งขนมไหว้พระจันทร์มาให้ฉันอีกล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “บริษัทเป็นผู้มอบผลประโยชน์ ส่วนนี่ผมมอบให้เป็นการส่วนตัว ! ผมขอให้คุณมีความสุขในเทศกาลไหว้พระจันทร์ ! ”
เมิ่งเสี่ยวเป่ยมีความสุขมาก เธอพูดว่า “เพื่อนของฉันบังเอิญส่งชาหลงจิ่งมาให้สองห่อพอดี ฉันจะให้คุณหนึ่งห่อก็แล้วกันค่ะ ถือว่าเป็นของขวัญกลับไป ฉันขอให้คุณมีความสุขในเทศกาลไหว้พระจันทร์นะคะ ! ”
เมื่อพูดอย่างนั้น เธอก็หยิบชาหลงจิ่งออกมาจากลิ้นชักโต๊ะ แล้วมอบให้เจียงเสี่ยวไป๋
เจียงเสี่ยวไป๋ขอบคุณเธอและรับมันมา
“ผู้ช่วยเจียง คุณจะนั่งดื่มชาสักแก้วไหม หรือจะออกไปเลย ? ” เมิ่งเสี่ยวเป่ยถามด้วยรอยยิ้ม
เจียงเสี่ยวไป๋ถามกลับไปว่า “คุณจะรีบไล่ผมออกไปหรือจะชวนผมไปดื่มชาล่ะ ? ”
เมิ่งเสี่ยวเป่ยเม้มริมฝีปากและหัวเราะเบา ๆ “ดูเหมือนว่าฉันจะมีเวลาดื่มชากับคุณสักแก้ว งั้นเชิญคุณนั่งก่อน ฉันจะต้มให้คุณค่ะ ! ”
ขณะที่พูด เธอก็หยิบชาหลงจิ่งไปด้วย
เมื่อเธอนั่งลง เจียงเสี่ยวไป๋ก็ถามว่า “ผู้จัดการเมิ่ง คุณได้วางแผนสำหรับอาชีพในอนาคตของคุณไว้อย่างไรบ้าง ? ”
เมิ่งเสี่ยวเป่ยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะพบกับเจียงเสี่ยวไป๋ เธอวางแผนที่จะทำงานในชิงโจวไปตลอดชีวิต อย่างไรก็ตาม สิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามแผนที่เธอวางไว้ เพราะโรงงานผลิตฟิล์มพลาสติกกำลังจะปิดตัวลง ในเวลานั้นเธอรู้สึกสับสนและรู้สึกว่าสูญเสียทิศทางในชีวิต
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋ทำสัญญากับโรงงานฟิล์มพลาสติก โรงงานก็ได้รับการปรับโครงสร้างใหม่ ทำให้เธอสามารถย้ายจากตำแหน่งหัวหน้าไลน์ผลิตมาเป็นรองผู้จัดการและได้จัดการบริหารโรงงาน ไม่นานมานี้ เธอเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการโณงงานเต็มตัว สิ่งเดียวที่เธอต้องการก็คือทำให้โรงงานผลิตฟิล์มพลาสติกใหญ่ขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น เพื่อตอบแทนความเมตตาของเจียงเสี่ยวไป๋ที่ช่วยให้เธอหยั่งรากในชิงโจวได้ตามความฝันที่เธอได้ตั้งใจเอาไว้
ที่จริงแล้วเธอไม่อยากกลับไปที่เทียนจิง
แม้จะเป็นสถานที่ที่เธอเกิดและเติบโตมา แต่เธอไม่อยากกลับไปอีกเลยตั้งแต่เธอออกมาจากที่นั่น
เมื่อถูกเจียงเสี่ยวไป๋ถามกะทันหันแบบนี้ เธอก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ถามว่า “ผู้ช่วยเจียง คุณมีแผนอะไรใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมวางแผนที่จะรวมทรัพยากรมนุษย์ของโรงงานหลายแห่ง ผมอยากจะถามความคิดเห็นของคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“จะรวมอย่างไรคะ ? ” เมิ่งเสี่ยวเป่ยถาม
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวความคิดของเขาออกมาตามตรง และในที่สุดก็พูดว่า “ตอนนี้คุณยังอยู่ในแผนกธุรกิจ หากคุณตั้งใจที่จะติดตามผมและไม่สนใจองค์กรนี้ ผมจะให้ตำแหน่งที่สูงขึ้นแก่คุณหลังจากที่รวมอุตสาหกรรมทั้งหมดเข้าเป็นเครือบริษัทเดียวกัน”
“ฉันทำค่ะ ! ” เมิ่งเสี่ยวเป่ยพูดโดยไม่ลังเล “ฉันไม่ได้สนใจองค์กร”
เจียงเสี่ยวไป๋สะดุ้งเล็กน้อย “คุณไม่เก็บเรื่องนี้ไปคิดก่อนหรือ ? ”
เมิ่งเสี่ยวเป่ยส่ายหัว “จะต้องพิจารณาอะไรอีกล่ะคะ หากคุณไม่เข้าควบคุมโรงงานผลิตฟิล์มพลาสติก พวกเขาทุกคนอาจไม่ได้รับเงินค่าจ้าง ต่อให้มีสถานประกอบการก็เถอะ การทำงานร่วมกับคุณ ฉันคิดว่ามันปลอดภัยกว่าการมีสถานประกอบการเสียอีก”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “คุณจะไม่ผิดหวังแน่นอน ! ”
เขาค่อนข้างประเมินเมิ่งเสี่ยวเป่ยคนนี้ไว้สูง แต่ถ้าเมิ่งเสี่ยวเป่ยไม่เต็มใจที่จะสละอาชีพของเธอ เขาก็จะไม่บังคับ ในเมื่อไม่สามารถเป็นคนของเขาได้ เขาก็จะไม่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
เมื่อพูดถึงการจ้างพนักงาน ความภักดีต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนความสามารถเป็นเรื่องรอง
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋ได้รับคำตอบที่น่าพอใจ เขาก็ออกจากห้องทำงานของเมิ่งเสี่ยวเป่ยและไปที่ห้องทำงานของโหยวโหย่วหยู
“ผู้ช่วยเจียง ลมอะไรหอบคุณมาหาผมครับ เชิญนั่งลงก่อน ! ”
โหยวโหย่วหยูเชิญเจียงเสี่ยวไป๋นั่งลงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และรีบไปชงชา
เขาหยิบชาหลงจิ่งลงไปในแก้ว แล้วกดน้ำร้อนใส่ !
ไม่รู้ว่าเขาได้มาจากไหน !
เจียงเสี่ยวไป๋มองเขาอย่างลึกซึ้ง ชายคนนี้น่าจะเป็นคนที่ฉลาดและรู้ว่าควรภัคดีกับใคร เขามีสายตาที่แหลมคม และมีบุคลิกที่ดีที่สุดในโรงงาน
หลังจากส่งบุหรี่ให้กับโหยวโหย่วหยูแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็ตรงเข้าประเด็นทันที เขาบอกอีกฝ่ายเกี่ยวกับความตั้งใจของเขาที่จะรวมบริษัทเข้าด้วยกัน และยังถามว่าโหยวโหย่วหยูคิดอย่างไรกับเรื่องนี้
โหยวโหย่วหยูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ผู้ช่วยเจียงให้เกียรติผมมาก ผมไม่ได้ยึดติดกับสถานประกอบการนี้ ! ”
พูดกันจบ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ขอตัวกลับไปด้วยความพึงพอใจ
สำหรับคนอื่นในโรงงานผลิตฟิล์มพลาสติก อย่างหวังชิ่งซีและเฉินอันผิง เขาก็ตั้งใจที่จะชักชวนเหมือนกัน แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้
แต่เขาไม่คิดชวนข่งชิงเซี๋ยงอยู่
ปัจจุบัน เขามีหลายอุตสาหกรรม แต่ยังขาดบุคลากรทางการเงินมืออาชีพ
ตามความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์ และการตัดสินใจหลังจากที่ได้ติดต่อกับข่งชิงเซี๋ยง ตอนนี้เขาไม่แน่ใจว่าจะสามารถโน้มน้าวข่งชิงเซี๋ยงได้ เพราะผู้ที่เป็นบุคลากรทางการเงิน มักจะเป็นคนที่มีความคิดอนุรักษ์นิยมและคงไม่คิดที่จะออกจากงานที่ตัวเองทำมาหลายปี
ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ไปหาข่งชิงเซี๋ยงในขณะนี้
พูดถึงการจ้างคน อย่างน้อยขาดก็ดีกว่าเกิน
บางสิ่งบางอย่างไม่จำเป็นต้องเร่งรีบกับมัน
เจียงเสี่ยวไป๋ระงับความคิดของเขาและขับรถไปที่แผงขายของของหลี่กวงหรงบนถนนชิงชาน
ถัดจากแผงขายของริมถนน มีรถสามล้อดัดแปลงคันหนึ่งจอดอยู่ โดยมีป้ายกระดาษแข็งเขียนว่า “รับปะยาง เติมลม เปลี่ยนยาง ร้านซ่อมรถรุ่งโรจน์” พิงกับรถสามล้ออยู่
หลี่กวงหรงยังคงสวมชุดทหารเก่า ๆ เขามีรูปร่างผอมเพรียว เมื่อเขาเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ เขาก็เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้ม “วันนี้ลมอะไรหอบคุณมาที่นี่ ? ”
ขณะที่พูด เขาก็ถอดถุงมือที่เลอะคราบน้ำมันเครื่องออก หยิบถุงมืออันใหญ่ออกมาส่งไปให้เจียงเสี่ยวไป๋
เจียงเสี่ยวไป๋รับมันด้วยรอยยิ้มและยื่นถุงของขวัญให้ “พรุ่งนี้เป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์ ฉันเลยเอาขนมไหว้พระจันทร์มาให้”
หลี่กวงหรงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาหยิบถุงขึ้นมาดูของที่อยู่ข้างในแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณเป็นคนช่างคิดจริง ๆ ไม่คิดว่าจะนึกถึงสหายที่เป็นช่างอย่างฉัน แสดงว่าคุณเอาไปให้เพื่อนที่เป็นข้าราชการมาหมดแล้วใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและตอบว่า “แน่นอน ผมแจกมาเกือบครบแล้ว แต่คุณคิดว่าผมจะสนใจแต่เพื่อนที่เป็นเจ้าหน้าที่อย่างเดียวหรือ ? ”
หลี่กวงหรงหัวเราะเบา ๆ “คุณซื้อขนมไหว้พระจันทร์เหล่านี้มาจากไหน ฉันจะซื้อด้วย เลียนแบบคุณนี่แหละ จะเอาไปเป็นของขวัญให้เพื่อนฝูงบ้าง”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ฉันทำขนมไหว้พระจันทร์เอง ไม่มีขายที่ไหน ทำไมไม่ลองไปหาซื้อขนมในร้านโยวผิ่นดูก่อนล่ะ อย่างน้อยก็ได้เลือกเองนะ”
หลี่กวงหรงพยักหน้าอย่างจริงจัง “ได้ ๆ ฉันไปซื้อแน่นอน ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ล้อเลียนออกมา “คุณซื้อมันจริง ๆ หรือ ? ”
หลี่กวงหรงยิ้มและพูดว่า “คุณเป็นนักธุรกิจที่ดี เพราะคุณไม่ลืมที่จะผูกมิตรด้วยการให้ของขวัญแก่ผู้อื่นในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่านี่เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ฉันต้องเรียนรู้มันจากคุณบ้างแล้ว ! ”
เขายังคร่ำครวญอีกว่า “ไม่เรียนรู้ ก็ไม่มีทางทำให้ธุรกิจรุ่งเรืองได้ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋มีความสุขมาก เขาจึงหยอกล้อออกไปว่า “ผมไม่คิดว่าคุณจะมีอารมณ์พวกนี้ด้วย โอเค งั้นผมขอตัวก่อน ! ”
หลี่กวงหรงเหลือบมองเขาด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็ยกถุงสะดวกซื้อที่มีคำว่า “ร้านโยวผิ่น” ขึ้นมา แล้วพูดว่า “คุณใช้ถุงสะดวกซื้อของร้านโยวผิ่นโดยเฉพาะในการแพ็คของขวัญ นี่คุณกำลังโฆษณาร้านโยวผิ่นแก่ผู้ที่คุณให้ของขวัญอยู่ใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึง เขาไม่มีความคิดนี้จริง ๆ
เขาถามออกมาด้วยความประหลาดใจว่า “ทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้น ? ”
หลี่กวงหรงหัวเราะเบา ๆ “อย่าไปจริงจังเลย ฉันแค่ล้อเล่นน่า”
เจียงเสี่ยวไป๋มองหลี่กวงหรงอย่างลึกซึ้ง และไม่คิดว่าชายคนนี้จะพูดล้อเล่นจริง ๆ
ถ้าหลี่กวงหรงคิดแบบนี้ แล้วหวังเต๋อคุน เฉียนฟางอี้ จูกั๋วฟู่และคนอื่นล่ะ ?
จะคิดแบบนี้ด้วยไหม ?
ทันใดนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกว่าเขาทำผิดพลาดไปแล้ว จึงรีบออกจากร้านซ่อมรถของหลี่กวงหรงและตรงไปที่ร้านโยวผิ่นทันที