ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 362 :ถูกปฏิเสธ
ตอนที่ 362 :ถูกปฏิเสธ
เขากดโทรออกไปอย่างรวดเร็ว
“ท่านรองนายกเทศมนตรีจาง ผมเจียงเสี่ยวไป๋ คุณมีธุระกับผมหรือเปล่าครับ ? ” เจียงเสี่ยวไป๋ถามด้วยรอยยิ้ม
ที่ปลายสายโทรศัพท์ รองนายกเทศมนตรีจางกล่าวว่า “เสี่ยวไป๋ จะมีการเรียกประชุมหัวหน้าองค์กรต่าง ๆ ในเมืองเพื่อจัดงานเลี้ยงน้ำชาเทศกาลไหว้พระจันทร์วันพรุ่งนี้ ในฐานะตัวแทนขององค์กรเอกชน ถึงตอนนั้นคุณก็กล่าวสุนทรพจน์และแนะนำประสบการณ์การบริหารจัดการของคุณได้นะ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึง เขาบอกภรรยาแล้วว่าพรุ่งนี้เขาจะฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่บ้านและจะมีงานเลี้ยงน้ำชาในเมือง นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ได้ฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่บ้านหรือ ?
“ท่านรองนายกครับ ผมต้องขออภัยด้วย ผมไม่ใช่คนรับผิดชอบบริษัท หากคุณต้องการจัดงานเลี้ยงน้ำชาให้กับบุคคลที่รับผิดชอบบริหารบริษัทก็ต้องเป็นภรรยาผม ! ”
“ตามนั้นนะครับ สุขสันต์วันไหว้พระจันทร์ครับท่านรองนายกเทศมนตรีจาง ! ผมมีธุระอื่นต้องทำ ดังนั้นต้องวางสายโทรศัพท์ก่อนนะครับ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดจบในอึดใจเดียว เขารีบวางสายโทรศัพท์ทันทีและพูดกับหลินเจียอินว่า “เมียจ๋า กลับบ้านกันกันเถอะ ! ”
หลินเจียอินพูดด้วยความประหลาดใจว่า “มีอะไรหรือเปล่า ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือแล้วพูดกับเฝิงเยี่ยนหงว่า “เยี่ยนหง พรุ่งนี้เธอก็หยุดพักเช่นกันนะ หากใครมาตามหาหลังจากที่เราออกไปแล้ว เธอแค่บอกว่าเราออกไปทำธุระแล้ว”
เมื่อพูดอย่างนั้น เขาจึงพาหลินเจียอินและเจียงชานออกไปอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่ไปถึงหน้าประตู โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เจียงเสี่ยวไป๋หันกลับมาและโบกมือให้เฝิงเยี่ยนหงรับโทรศัพท์ จากนั้นจึงรีบเดินปรี่ออกไป
ล้อกันเล่นหรือไร ฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์กับครอบครัวไม่ดีกว่าหรือ ? เขาจะไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชากับผู้นำทางธุรกิจเด็ดขาด !
ในห้องทำงาน เฝิงเยี่ยนหงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและได้ยินเสียงรองนายกเทศมนตรีจางเอ่ยว่า “เจียงเสี่ยวไป๋ คุณนี่มันเจ้าเล่ห์จริง ๆ ฉันจะบอกอะไรให้นะ……”
“ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะ ? ต้องการคุยกับพี่เสี่ยวไป๋หรือ ? เขาเพิ่งออกไปค่ะ ! ”
เฝิงเยี่ยนหงรู้ว่าเป็นรองนายกเทศมนตรีจาง แต่เธอแสร้งทำเป็นไม่รู้ขณะตอบกลับไป
ปลายสายโทรศัพท์เงียบกริบ เห็นได้ชัดว่าคนรับสายไม่ใช่เจียงเสี่ยวไป๋ เขาจึงพูดว่า “ฉันชื่อจางอี้เต๋อ งั้นฉันขอสายหลินเจียอินหน่อย”
“โอ้ คุณต้องการจะคุยกับเธอหรือคะ เธอไม่อยู่ที่นี่ค่ะ ! ” เฝิงเยี่ยนหงกัดฟันพูดต่อ
รองนายกเทศมนตรีจางโกรธมากจนเกือบจะโยนโทรศัพท์ลงพื้น
หลินเจียอินรับสายก่อนหน้านี้ และตอนนี้เธอก็ไม่อยู่แล้ว เจ้าเด็กเจียงเสี่ยวไป๋คนนั้นคงพาตัวเธอออกไปแล้ว
เขาวางสายด้วยความโกรธแล้วพูดกับติงจวิ้นเจี๋ยว่า “นายคิดว่าเด็กคนนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ เขาส่งขนมไหว้พระจันทร์มาให้ฉัน ฉันแค่อยากจัดงานเลี้ยงน้ำชาและเชิญเขามา จะได้แนะนำให้เขารู้จักกับผู้รับผิดชอบอุตสาหกรรมบางแห่ง เขาเป็นคนดีมีความสามารถด้านบริหาร หากผู้รับผิดชอบอุตสาหกรรมเหล่านั้นได้เจอเขา คงอยากร่วมธุรกิจกับเราด้วยอย่างแน่นอน ! ”
ติงจวิ้นเจี๋ยพูดเสียงแผ่วว่า “เขา……บางทีเขาอาจอยากใช้เวลาช่วงวันหยุดกับครอบครัวก็ได้ครับ ! ”
รองนายกเทศมนตรีจางตกตะลึงและหมดหนทาง
“แล้ว……พรุ่งนี้งานเลี้ยงน้ำชาจะยังจัดอยู่หรือเปล่าครับท่าน ? ” ติงจวิ้นเจี๋ยกระซิบถามเสียงเบา
รองนายกเทศมนตรีจางโบกมือปัดแล้วพูดว่า “นายได้แจ้งคนอื่นไว้แล้ว จะยกเลิกงานเลี้ยงได้อย่างไร นายแค่ยกเลิกส่วนที่เป็นการกล่าวสุนทรพจน์ของเจียงเสี่ยวไป๋ออก ฉันไม่เชื่อว่าเราจะจัดงานเลี้ยงน้ำชาไม่ได้หากไม่มีเขา แล้วอย่าลืมไปแจ้งกับสำนักข่าวและสถานีโทรทัศน์ด้วย พรุ่งนี้เราจะจัดงานเลี้ยงน้ำชาให้คึกครื้นไปเลย ! ”
“เอาล่ะ ผมจะรีบไปดำเนินการทันทีครับ ! ” ติงจวิ้นเจี๋ยเห็นด้วย เขาก้าวถอยหลังและหันหลังออกไป
เจียงเสี่ยวไป๋พาหลินเจียอินและเจียงชานขึ้นรถจี๊ปแล้วตรงไปที่ตลาดสด
“ป่าป๊าคะ ตรงนี้มีองุ่นเยอะมากเลยค่ะ ! ”
เจียงชานนั่งอยู่เบาะหลังและพูดอย่างมีความสุขเมื่อเห็นถุงองุ่นใบใหญ่
เจียงเสี่ยวไป๋จำได้ว่ามีองุ่นอยู่ในรถ เขาจึงให้หลินเจียอินและเจียงชานลองชิมมัน
หลินเจียอินลองชิมแล้วพบว่ามีรสเปรี้ยวเล็กน้อย แต่ก็พอทานได้ แต่เจียงชานนั้นแตกต่างออกไป เธอคายมันออกมาทันทีหลังจากชิมแล้วมีรสเปรี้ยว
“องุ่นเปรี้ยวเกินไป หนูไม่กิน ! ”
หลังจากนั้น เธอก็หยิบรูบิคมาเล่น
หลินเจียอินพูดขณะกินองุ่น “รองนายกเทศมนตรีจางมีธุระกับคุณ แต่คุณหลบเขาแบบนี้มันจะดีหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเบา ๆ “เขาขอให้ผมเข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชาในเทศกาลไหว้พระจันทร์ร่วมกับผู้นำทางธุรกิจจากทั่วทั้งเมือง มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ทำไมผมต้องไป ผมอยากอยู่บ้านกับคุณและครอบครัวมากกว่า”
หลินเจียอินยิ้มอย่างอ่อนหวาน เจียงเสี่ยวไป๋ให้ความสำคัญกับเธอและครอบครัวมาเป็นอันดับแรกเสมอ
เธอมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความดีใจและเห็นว่าไม่ใช่ทางกลับบ้าน จึงถามว่า “จะกลับบ้านไม่ใช่หรือ ? เรากำลังจะไปไหน ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “เมื่อวานคุณบอกว่าอยากกินหม้อไฟไม่ใช่หรือ ? งั้นเราไปซื้อของกัน ! ”
หลินเจียอินรู้สึกมีความสุขมากขึ้น แต่เธอก็ยังทำเป็นพูดด้วยความโกรธว่า “เห็นได้ชัดว่าลูกสาวของคุณอยากกิน แล้วคุณพูดได้อย่างไรว่าฉันอยากกินมันน่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างเชื่อฟัง “เอาล่ะ โอเค เป็นชานชานที่อยากกิน ! ”
“หนูอยากกินหม้อไฟก็จริง แต่หม่าม๊าก็อยากกินเหมือนกัน แต่ก็ยังโกหกอยู่ ! ” เจ้าตัวเล็กที่นั่งเบาะหลังกำลังยุ่งอยู่กับการเล่นรูบิคพูดลอย ๆ ออกมา
หลินเจียอินหันกลับมาถลึงตาใส่ลูกสาว “มองออกได้อย่างไรว่าแม่เป็นคนอยากกิน ? ”
“หนูไม่ได้มอง ! ” เจ้าตัวเล็กยังคงหมุนรูบิคในมือต่อไป โดยไม่เงยหน้าขึ้น “แต่หนูก็รู้แล้วกัน ! ”
หลินเจียอินไม่รู้จะพูดอะไร สุดท้ายเธอก็เลิกสนใจเจียงชานไป
ตอนนี้เธอไม่สามารถทำอะไรกับลูกสาวของเธอได้
ในไม่ช้า รถจี๊ปก็มาถึงตลาดสดและสามคนพ่อแม่ลูกก็ลงจากรถเพื่อซื้อของ เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “เมียจ๋า คุณอยากกินอะไรเพิ่มอีกไหม ซื้อเพิ่มกันเถอะ”
“โอเค ฉันอยากกินเนื้อวัวสไลด์ เนื้อแกะสไลด์ ผ้าขี้ริ้ว แตงกวา……”
หลินเจียอินเลือกสิ่งที่เธอชอบกิน เจียงเสี่ยวไป๋จึงหันไปถามเจียงชานว่าเธอชอบกินอะไร เจ้าตัวเล็กไม่จู้จี้จุกจิกขนาดนั้น เธอพูดเพียงว่า “หนูชอบทุกอย่างที่ป่าป๊าทำ ! ”
จากนั้น เจ้าตัวเล็กกล่าวเสริมว่า “ป่าป๊าซื้อเพิ่มได้ไหม หนูอยากกินสองมื้อ ! ไม่สิ หนูอยากกินหม้อไฟคืนนี้และพรุ่งนี้ ! ”
“ตกลง ป่าป๊าจะซื้อเพิ่มให้หนูกินอย่างเพียงพอเลย ! ” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลังจากซื้อของที่ตลาดสดเสร็จ พวกเขาก็ไปซื้อผักต่าง ๆ มากมายทั้งถุงใหญ่และถุงเล็ก
หลินเจียอินไม่ได้มาตลาดสดนานแล้ว เธอมาคราวนี้จึงพูดด้วยรู้สึกที่เปลี่ยนไป “ตอนนี้ซื้อผักสะดวกกว่ามาก แม่ค้าขายผักต่างใช้ถุงพลาสติกสะดวกซื้อกันทั้งนั้น”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างภาคภูมิใจว่า “แน่นอน สินค้าที่สามีของคุณทำนั้นขายง่าย ! ”
หลินเจียอินเชิดหน้าใส่ ผู้ชายคนนี้ไม่สามารถสรรเสริญได้เลย เขาจะกลายเป็นคนเย่อหยิ่งเมื่อเธอพูดสรรเสริญ เธอจึงพูดด้วยความโกรธว่า “โรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลืองก็ผลิตสินค้าเช่นกัน แต่ทำไมถึงยังขายได้ไม่ดี ! ”
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินสิ่งนี้ เขาก็ปรบมือทันที “ใช่แล้ว หากพูดถึงโรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลือง ก็มีหม้อไฟอร่อย ๆ ด้วย ผมเกือบลืมมันไปแล้ว เอาล่ะ กลับไปหาอะไรกินกันเถอะ”
หลินเจียอินได้ยินแบบนั้นจึงถามอย่างสงสัยว่า “วัตถุดิบอะไรของโรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลืองที่ทำให้หม้อไฟอร่อย ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ก็นำฟองเต้าหู้แผ่นและเต้าหู้แท่งมาใส่ในหม้อไฟ หรือไม่ก็นำไปผัดกับหมูสามชั้นก็อร่อย คุณยังไม่ได้ลองชิม งั้นเราจะเอากลับไปสักหน่อย คุณจะได้ลองชิมดูก่อน”
“ตกลง ! ”
หลังจากได้ยินสิ่งที่เจียงเสี่ยวไป๋พูด หลินเจียอินก็เริ่มสนใจและตอบตกลงทันที
ดังนั้น เจียงเสี่ยวไป๋จึงกลับไปที่โรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลืองและขอนมถั่วเหลืองจากเฉินหยวนเฉามาสองกล่อง ฟองเต้าหู้แผ่นหนึ่งกล่องและเต้าหู้แท่งหนึ่งกล่อง นอกจากนี้เขายังฝากของขวัญไปมอบให้จวงปี้เฉิงแล้ว จึงขับรถกลับไปที่เจียงวาน
วันนี้เขากลับบ้านเร็วกว่าปกติเกือบชั่วโมง เมื่อกลับถึงบ้าน หวังซิ่วจวี๋ยังไม่ได้เริ่มทำอาหารเลย
หลินเจียอินถอนหายใจด้วยความโล่งอกและเร่งเร้าทันที “สามี รีบไปทำอาหารกันเถอะ ไม่อย่างนั้นแม่คุณเห็นพวกเรากลับมาก็คงไปทำอาหารอีกแน่ ๆ ”
เจียงชานพยักหน้าเห็นด้วยเหมือนไก่จิกข้าว “ใช่ ป่าป๊ารีบไปทำอาหารเลยค่ะ”
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหัวแล้วเดินไปที่ครัว พร้อมกับถือผักที่เขาซื้อมาไปด้วย
เมื่อหวังซิ่วจวี๋เห็นเช่นนั้น เธอก็พึมพำว่า “ทำไมถึงซื้อผักมากมายอีกแล้ว ? ใช่ว่าที่บ้านของเราจะไม่มีเสียหน่อย ! ”
วันนี้เธอไม่ได้ทำอาหารไว้รอเจียงเสี่ยวไป๋และลูกเมีย ในใจของหญิงชราจึงรู้สึกหดหู่
สองชั่วโมงต่อมา ขณะที่อยู่ในสวนหลังบ้าน ในที่สุดหลินเจียอินและเจียงชานก็ได้ชิมหม้อไฟที่พวกเธอเฝ้าปรารถนาในที่สุด
เนื่องจากวันนี้มีคนกินหม้อไฟน้อย เจียงเสี่ยวไป๋จึงมีเวลาในการปรุงอาหารหม้อไฟให้ภรรยาและลูกสาวของเขาอย่างพิถีพิถัน เขาสามารถปรุงรสชาติของหม้อไฟได้ดีกว่า หลินเจียอินก็ได้กินอาหารที่มีรสชาติอร่อยกว่าเดิมมาก
ทำให้หลินเจียอินเริ่มชอบกินหม้อไฟมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว