ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 365 :ดอกไม้ป่าเบ่งบาน
ตอนที่ 365 :ดอกไม้ป่าเบ่งบาน
ตอนกลางคืนช่วงเดือน 9 ในหมู่บ้านซานฮวา อากาศเริ่มหนาวมากแล้ว
ป้าเก๋อให้วัตถุดิบทำอาหารมา ไหนจะซาลาเปาที่หยางเจี๋ยนำมาอีก หลี่่ม่านม่านจึงไม่ได้ทำบะหมี่ เธอเดินไปในครัวกับหยางเจี๋ยไปเพื่อทำอาหาร
ถั่วเขียวผัดเบคอนหนึ่งจาน ไข่คนหนึ่งจานและผัดผักหนึ่งจาน หลี่่ม่านม่านทำอาหารเสร็จแล้วจึงไปเรียกอาจารย์ใหญ่มานั่งกินด้วยกัน และทั้งสามก็กินและคุยกันภายใต้ตะเกียงน้ำมันก๊าดสลัว ๆ นี้ พวกเขามีความสุขมาก
ด้วยความเหนื่อยล้าจากวันที่ยากลำบากและรู้สึกง่วงนอนหลังกินอิ่ม หยางเจี๋ยนอนลงบนเตียงแล้วจึงหลับไปอย่างสนิท
เช้าวันรุ่งขึ้น เธอตื่นขึ้นเพราะได้ยินเสียงร้องเพลงนอกห้อง
เธอลุกขึ้นแล้วเดินไปที่หน้าต่างก็เห็นหลี่่ม่านม่านนำเด็กยี่สิบถึงสามสิบไปที่หน้าสวนเพื่อร้องเพลงและชักธงชาติขึ้นสู่ยอดเสา
เด็กเหล่านั้นมีอายุมากที่สุดมีอายุสิบเอ็ดถึงสิบสองปี และเด็กเล็กที่สุดมีอายุเพียงหกถึงเจ็ดขวบ พวกเขายืนเรียงแถวกันแถวละสี่ถึงห้าคน มีผ้าพันคอสีแดงบนหน้าอกของพวกเขาพัดไปตามสายลมยามเช้า เด็ก ๆ ร้องเพลงชาติเสียงดังลั่น
เสียงร้องเพลงที่ดังและทรงพลังนี้ทำให้หยางเจี๋ยรู้สึกเหมือนมีพลังปลุกใจ เธอรีบลุกขึ้นยืน มองดูธงสีแดงที่ลอยขึ้นอย่างช้า ๆ ด้านนอกและร้องเพลงตาม “ให้เลือดเนื้อของพวกเราสร้างเป็นกำแพงเมืองจีนขึ้นใหม่……”
หลังจากพิธีเชิญธง เด็ก ๆ ก็โห่ร้องและวิ่งไปยังห้องเรียนทั้ง 2 ห้อง
โรงเรียนมีครูเพียงสองคน คนหนึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่ และอีกคนคือหลี่่ม่านม่าน ดังนั้นเด็ก ๆ จึงแบ่งออกเป็น 2 ชั้นเรียน ไม่มีระดับชั้น มีเพียงชั้นเรียนใหญ่และชั้นเรียนเล็ก
หยางเจี๋ยเดินออกไปนอกบ้านและเห็นอาจารย์ใหญ่เดินโซเซไปทางห้องเรียน หลี่่ม่านม่านอยู่ชั้นบนเห็น หยางเจี๋ยจึงตะโกนบอกเธอ
“ฉันจะสอนนักเรียนก่อน ฉันอุ่นซาลาเปาไว้ในครัวตอนเช้า มันอยู่ในหม้อ เธอกินมันได้เลยนะ ! ”
หยางเจี๋ยพยักหน้า “ไปทำงานของเธอเถอะ ฉันจะเป็นคนทำมื้อเที่ยงให้เอง”
“อื้อ ! ”
หลี่่ม่านม่านพูดด้วยรอยยิ้มแล้วเดินไปที่ห้องเรียนเล็ก
ไม่นานหลังจากนั้น เสียงอ่านหนังสือก็ดังมาจากในห้องเรียน
“อากาศเริ่มหนาว ใบไม้เริ่มเหลือง ใบไม้ร่วงหล่นจากต้นไม้ทีละใบ…..”
“ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าสดใส ห่านป่ากลุ่มหนึ่งบินไปทางใต้ บ้างก็บินเพียงตัวเดียว บ้างก็เกาะกันเป็นกลุ่ม……”
เสียงอ่านหนังสือดังก้อง ความทรงจำสมัยเรียนของหยางเจี๋ยค่อย ๆ แจ่มชัดขึ้น เธอเดินไปทางหน้าต่างห้องเรียนและเห็นหลี่่ม่านม่านกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องเรียน มีเด็กสิบเอ็ดถึงสิบสองคนอ่านหนังสือตาม พวกเขาจดจ่อกับการอ่านจนไม่สังเกตเห็นว่าเธออยู่นอกหน้าต่างของห้องเรียน
หยางเจี๋ยมองไปที่หลี่่ม่านม่านด้วยรอยยิ้ม และชื่นชมเธออยู่ในใจ
ทั้งคู่จบจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน และตอนนี้หลี่่ม่านม่านได้กลายเป็นครูและได้ตระหนักถึงอุดมคติของเธอในการเป็นครูของประชาชน แต่เธอเลือกที่จะเป็นภรรยาของสามีและเลี้ยงลูก ๆ เธอเคยเป็นครูมาก่อน แต่ตอนนี้เธอทำได้เพียงยืนดูจากนอกหน้าต่างเท่านั้น
เธอทั้งอิจฉาและทอดถอนใจ
ผู้คนต่างเลือกชีวิตที่แตกต่างกัน
เมื่อได้รับสิ่งหนึ่ง ? ก็ต้องสูญเสียอีกสิ่งหนึ่งใช่ไหม ?
บางที ขนาดตัวฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน !
หลังจากนั้นไม่นาน หยางเจี๋ยก็จากไปอย่างเงียบ ๆ และไปที่ห้องครัว
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เช้าผ่านไป เที่ยงผ่านไป และไม่นานเวลาก็ล่วงเลยมาถึงช่วงบ่ายสามโมง โรงเรียนประถมเลิกเรียนแล้ว
“อาจารย์ใหญ่จาง ฉันจะไปเดินเล่นในหมู่บ้านกับหยางเจี๋ยและฉันจะกลับมาทำอาหารช้าหน่อยนะคะ”
หลังจากส่งนักเรียนออกไปแล้ว หลี่่ม่านม่านก็พูดกับอาจารย์ใหญ่จาง
อาจารย์ใหญ่จางโบกมือให้เธอไป “ไป ไป พาเพื่อนไปชมภูเขาและแม่น้ำที่นี่ ดอกไม้ป่าบนเนินด้านทิศตะวันออกกำลังสวยเลย”
ทั้งสองเดินผ่านป่าทรายและเดินช้า ๆ ไปทางเนินด้านทิศตะวันออก
ในขณะนั้น หลี่่ม่านม่านจึงมีโอกาสพูดคุยกับหยางเจี๋ย
“บอกตามตรง ฉันมีความสุขมาก ไม่คิดว่าเธอจะมาหาฉันไกลขนาดนี้” หลี่่ม่านม่านกล่าว
หยางเจี๋ยพูดอย่างร่าเริง “เป็นยังไงบ้าง ? ฉันเก่งไหม ! ฉันมาที่นี่เพื่อร่วมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์กับเธอเลยนะ ! ”
หลี่่ม่านม่านหัวเราะคิกคัก “ฉันรู้ว่าเธอเก่งที่สุด แต่ถ้าเธอมาที่นี่คนเดียว แล้วลูกของเธอล่ะ ? ”
หยางเจี๋ยยิ้มและพูดว่า “พ่อของเขาคอยดูแลเขาอยู่ ไม่เป็นไรหรอก”
“เธอโชคดีมาก พี่จวิ้นให้อิสระกับเธอและปล่อยให้เธอไปในที่ ๆ เธออยากไป ไม่มีสามีคนไหนที่จะตามใจภรรยามากขนาดนี้แล้ว ! ” หลี่่ม่านม่านกล่าว
“หยุดพูดถึงเขาได้แล้ว ! ” หยางเจี๋ยพูดด้วยสีหน้ามีความสุข และเธอก็พูดว่า “ว่าแต่เธอเถอะ หาแฟนที่นี่ไม่ได้เลยหรือ ! ”
หลี่่ม่านม่านยิ้มและชี้ไปที่ดอกไม้ป่าบนภูเขาแล้วพูดว่า “ดูสิ ที่นี่สวยงามแค่ไหน และมีเด็ก ๆ เหล่านั้นอยู่กับฉันด้วย ฉันมีความสุขและพอใจมาก เรื่องแฟนน่ะ ฉันไม่สนหรอก ! ”
ขณะที่เธอพูด ร่องรอยของความเหงาฉายแววอยู่ในดวงตาของเธอ
เธอกลัวว่าหยางเจี๋ยจะสังเกตเห็นการแสดงออกของเธอ หลี่่ม่านม่านจึงรีบวิ่งไปที่เนินเขาอย่างรวดเร็ว เธอเปิดแขนออกราวกับจะโอบกอดท้องฟ้า ตะโกนออกไปและสูดอากาศเหมือนเด็กตัวเล็ก ๆ
หยางเจี๋ยก็วิ่งไปเช่นกัน และร่างกายของพวกเธอก็จมอยู่ในดอกไม้ป่าที่บานสะพรั่งทั่วภูเขาอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งคู่ก็เริ่มเหนื่อยจึงพากันนอนหงายอยู่บนพื้น
ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าใส เมฆขาวดุจปุยฝ้าย และบริเวณโดยรอบรายล้อมไปด้วยดอกไม้ป่านานาพันธุ์ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอม
“ม่านม่าน เธอวางแผนที่จะสอนที่นี่ต่อไหม ? ” หยางเจี๋ยมองดูท้องฟ้าแล้วถาม
หลี่่ม่านม่านยังมองดูท้องฟ้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “ทำไมถึงถามอีกล่ะ ? เธอก็เห็นว่าอาจารย์ใหญ่จางแก่แล้วและมีสุขภาพไม่ดี ไม่มีครูคนอื่นยินดีมาสอนเด็ก ๆ ที่นี่ เธอยังไม่เคยเห็นพวกเขาจริงจังตอนเรียน และทุกครั้งที่ฉันเห็นความกระหายในความรู้ผ่านสายตาอันบริสุทธิ์ของพวกเขา ฉันรู้สึกทิ้งพวกเขาไปไม่ได้…”
“แต่เธอต้องคิดถึงตัวเธอเองด้วย ! ” หยางเจี๋ยแนะนำ: “เธอไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ตลอดเวลา ! ”
หลี่่ม่านม่านยิ้ม “ได้ทำในสิ่งที่เราชอบ มันไม่สำคัญหรอกถ้าเกิดต้องอยู่ตัวคนเดียว”
หยางเจี๋ยถอนหายใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอพยายามโน้มน้าวหลี่่ม่านม่าน เธอโน้มน้าวมาตลอด และทุกครั้งมันก็ไม่เคยได้ผลเลย
เธอไม่ได้พูดถึงหัวข้อนี้ แต่กลับพูดถึงเรื่องราวเก่า ๆ สมัยเรียนแทน
เพื่อนสมัยเรียนมีชีวิตที่แตกต่างกัน และไม่ได้เจอกันนาน มีหัวข้อไม่มากนักเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน ประสบการณ์ในอดีตเท่านั้นที่จะสานต่อมิตรภาพนี้ได้
ดังนั้น เมื่อทั้งสองมาพบเจอกันอีกครั้ง ความทรงจำในอดีตจึงเป็นหัวข้อที่ดูสำคัญกว่า
“ม่านม่าน เธอยังจำเจียงเสี่ยวไป๋ที่เราพบกันที่ร้านหนังสือซินฮว๋าครั้งที่แล้วได้ไหม ? ฉันรู้เรื่องนี้ในภายหลังและรู้ว่าตอนนี้ชีวิตเขากำลังไปได้ดี เขาเปิดร้านกุ้งเครย์ฟิชหลายแห่งและโรงงานอีกหลายแห่ง……”
หยางเจี๋ยพูดเบา ๆ ด้วยความคิดถึงและความอิจฉาในคำพูดของเธอ
หลี่่ม่านม่านฟังอย่างเงียบ ๆ ร่างของเจียงเสี่ยวไป๋ยังคงปรากฏในใจของเธอ มันเหมือนกับการฉายภาพยนตร์ และเธอก็เป็นผู้ชมอย่างเงียบ ๆ
ความรู้สึกของมนุษย์เป็นสิ่งมหัศจรรย์ เมื่อคุณมีคนในใจ แม้ว่าคุณจะไม่ได้ติดต่อเขามาเป็นเวลานาน คุณจะรู้สึกตื่นเต้นเสมอเมื่อได้ยินข่าวเกี่ยวกับเขา ดูเหมือนว่าคน ๆ นั้นจะอยู่เคียงข้างคุณ กระทั่งคุณรู้สึกว่าได้ยินเสียงลมหายใจของเขา
หลี่่ม่านม่านค่อย ๆ หลับตาลง
“เฮ้ เธอฟังที่ฉันพูดหรือเปล่า ? ”
หลังจากที่ไม่เห็นหลี่่ม่านม่านพูดมาเป็นเวลานาน หยางเจี๋ยก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเธอแล้วถาม
หลี่่ม่านม่านลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ และเธอก็พูดอย่างคลุมเครือ “ฟังสิ เธอกำลังพูดถึงเจียงเสี่ยวไป๋”
หยางเจี๋ยหัวเราะเบา ๆ “สมัยเรียนทำไมไม่ยักรู้ว่าเขาเป็นคนที่เก่งขนาดนี้ ? ”
หลี่่ม่านม่านยิ้มหวาน “เขายอดเยี่ยมเสมอ ! ”
หยางเจี๋ยยิ้มและพูดว่า “ใช่ เธอรู้ว่าเขาเป็นคนเก่ง ! แล้วทำไมเธอไม่จีบเขาตั้งแต่แรกล่ะ ? บางทีคนที่ได้อยู่เคียงข้างเขาตอนนี้คงจะไม่ใช่หลินเจียอิน ! ”
“หากเธอมีคนที่เธอรัก เธอจะได้ไม่มาอยู่สถานที่แบบนี้เพียงลำพัง ! ”
“ทั้งหมดเป็นความผิดของเจียงเสี่ยวไป๋ ! ”
หลี่่ม่านม่านยิ้มอย่างขมขื่นและพูดด้วยความโกรธ “เธอกำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไร ! ทำไมเธอถึงโทษเขาล่ะ ! ”
“ไอ้โหยว…..” หยางเจี๋ยยิ้มเจ้าเล่ห์ “เธอกำลังปกป้องเขาอยู่ ! บอกฉันสิ เธอเคยชอบเขาใช่ไหม ? ”
“ที่ไหนกัน ? ” หลี่่ม่านม่านสะดุ้งและรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
“ยังไม่ยอมรับอีก ! ” หยางเจี๋ยพูดแล้วหันไปหาหลี่่ม่านม่าน เอื้อมมือไปเการักแร้ของเธอแล้วพูดว่า “ฉันไม่เชื่อหรอกว่าตัวเองจะเค้นความจริงจากปากของเธอไม่ได้ มองมาที่ฉันสิ ฉันจะจั๊กจี้เธอ … ”
“อย่านะ อร๊าย……”
พวกเธอทั้งสองเริ่มเล่นบนพื้นหญ้าเหมือนเด็ก ๆ
ผ่านไปสักพัก ทั้งคู่รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยจึงหยุดคุยกัน เมื่อเห็นว่าฟ้าใกล้ค่ำแล้ว หยางเจี๋ยก็พูดว่า “กลับกันเถอะ ไม่อย่างนั้นอาจารย์ใหญ่คงจะหิวแย่”
“อื้ม ! ”
หลี่่ม่านม่านตอบกลับและยืนขึ้นจากพื้นดิน
ทันทีที่เธอลุกขึ้น เธอก็รู้สึกปวดท้องอย่างรุนแรง จากนั้นโลกก็เริ่มหมุน และร่างของเธอก็ล้มลงอย่างแผ่วเบาก่อนที่เธอจะยืนนิ่งได้
“ม่านม่าน เธอเป็นอะไรหรือเปล่า ? ”
หยางเจี๋ยตกใจ รีบเข้าไปพยุงหลี่่ม่านม่านและตะโกนเสียงดัง