ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 366 :ฟ้อง
ตอนที่ 366 :ฟ้อง
เมื่อหลี่่ม่านม่านตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล และหยางเจี๋ยกำลังนอนหลับอยู่ข้างเตียงเฝ้าเธออยู่
“ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่โรงพยาบาลได้ล่ะ ? ”
เธอจำได้เพียงว่าเธอและหยางเจี๋ยกำลังเตรียมตัวกลับบ้าน แต่หลังจากนั้น เธอก็จำอะไรไม่ได้อีก
หลังจากมองไปที่หยางเจี๋ยที่กำลังหลับอยู่ หลี่่ม่านม่านก็ขยับตัวเล็กน้อยและพยายามที่จะลุกขึ้น
ตอนที่เธอพยายามจะลุก การเคลื่อนไหวนั้นทำให้หยางเจี๋ยตื่นขึ้นมา
เธอขยี้ตาและเห็นว่าหลี่่ม่านม่านตื่นแล้ว หญิงสาวจึงพูดด้วยความดีใจว่า “ม่านม่าน เธอตื่นแล้ว ฉันนึกว่าเธอจะไม่ตื่นขึ้นมาแล้ว ! ”
ขณะที่เธอพูด เธอก็ลูบหน้าอกของเธอและถามด้วยความกังวลว่า “เธอโอเคไหม ? ”
“ฉันสบายดี ! ฉันทำให้เธอกังวลแล้ว ! ” หลี่ม่านมานมองหยางเจี๋ยอย่างรู้สึกผิด แล้วถามว่า “ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่โรงพยาบาลล่ะ ? ”
หยางเจี๋ยผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก “ตอนที่เราอยู่ที่ทุ่งดอกไม้ป่าบนเนินเขา จู่ ๆ เธอก็หมดสติไป อาจารย์ใหญ่และลุงเก๋อกับคนอื่นเป็นคนช่วยกันอุ้มเธอไปที่หมู่บ้านเสวี่ยลั่ว พวกเขาพาเธอขึ้นเกวียนวัวมาส่งที่โรงพยาบาลประจำท้องถิ่น ใช้เวลาลากเกวียนกันทั้งคืนเลยนะ”
ฮะ ?
หลี่่ม่านม่านตกใจมาก เธอรีบถามว่า “อาจารย์ใหญ่จางและลุงเก๋ออยู่ที่ไหน ? ”
หยางเจี๋ยพูดว่า “อาจารย์ใหญ่รีบกลับไปในตอนเช้า ลุงเก๋อขับเกวียนไปส่งเขาแล้ว ส่วนลุงหงและลุงฉินอยู่ข้างนอกโรงพยาบาล”
หลี่่ม่านม่านพูดด้วยความประหลาดใจว่า “ลุงหงและลุงฉินก็มาที่นี่ด้วยหรือ ตอนนี้คงทำให้พวกเขาเดือดร้อนไปหมดแล้ว” เธอพยายามลุกจากเตียง แล้วพูดว่า “ฉันจะไปขอบคุณพวกเขา”
“ว่าแต่หยางเจี๋ย เธอมีเงินติดตัวบ้างไหม ? ฉันจอขอยืมซื้อข้าวให้พวกเขากินก่อน ! ”
หยางเจี๋ยหยุดหลี่่ม่านม่านไม่ให้ลุกจากเตียง และพูดด้วยความโกรธว่า “เธอป่วยหนักขนาดนี้ ทำไมถึงยังกังวลเรื่องพวกนี้อยู่ ? ”
เมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวและความรู้สึกผิดบนใบหน้าของเพื่อนสนิท เธอก็รู้สึกปวดใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “อย่ากังวล ฉันจัดการทุกอย่างแล้ว”
“ค่อยยังชั่ว ! ” หลี่่ม่านม่านถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอมองไปที่เพื่อนรักของเธอแล้วพูดว่า “หยางเจี๋ย ขอบคุณนะ ! ”
หยางเจี๋ยยิ้มและพูดโน้มน้าว “ถ้าอย่างนั้นเชื่อฉัน นอนพักผ่อนต่อเถอะ นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการขอบคุณฉันแล้ว ! ”
หลี่่ม่านม่านรู้สึกอบอุ่นในใจ แต่เธอก็พูดว่า “ตอนนี้ฉันหายดีแล้ว เธอช่วยเรียกหมอให้มาเอาเข็มออกให้ที ฉันอยากกลับไปโรงเรียน วันนี้ฉันไม่ได้สอนเด็ก ๆ ทั้งวันเลย”
“ไม่ได้ ! ” ใบหน้าของหยางเจี๋ยเปลี่ยนเป็นจริงจังมากขึ้นกว่าเดิมและพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “พรุ่งนี้เช้าเธอต้องกลับไปที่เมืองชิงโจวกับฉัน โรงพยาบาลในถู่เฉิงขาดแคลนอุปกรณ์ด้านการแพทย์และคลาดแคลนหมอ ไม่สามารถวินิจฉัยอาการป่วยของเธอได้ เธอต้องกลับไปที่ชิงโจวเพื่อรับการตรวจโรคอย่างชัดเจน แล้วค่อยคุยเรื่องอื่นทีหลัง”
“หยางเจี๋ย ฉัน…”
“เธอไม่จำเป็นต้องพูดอะไร คราวนี้เธอต้องฟังฉัน ! ”
หลี่่ม่านม่านอยากจะปฏิเสธ แต่ถูกหยางเจี๋ยขัดจังหวะเสียก่อน ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนอนลงอีกครั้ง
หยางเจี๋ยเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มอีกครั้ง โดยปล่อยให้หลี่่ม่านม่านพักผ่อนสักพัก ในขณะที่เธอออกไปซื้ออาหาร
หลังจากออกจากประตู หงไคหยูและฉินปังเจี้ยนนั่งยอง ๆ พูดคุยกันอยู่ใต้ต้นไม้ตรงทางเข้าโรงพยาบาล เมื่อพวกเขาเห็นหยางเจี๋ยเดินออกมา พวกเขาก็ยืนขึ้นและทักทายเธอทันที
หงไคหยู ผู้เฒ่าจากสหกรณ์จัดจำหน่ายเครื่องอุปโภคบริโภคหมู่บ้านเสวี่ยลั่วถามว่า “เสี่ยวหยาง ครูหลี่ตื่นแล้วหรือ ? ”
หยางเจี๋ยพยักหน้า “เธอเพิ่งตื่น ฉันจะไปหาที่ซื้ออาหารให้เธอก่อนค่ะ”
หงไคหยูกล่าวว่า “คุณไม่คุ้นเคยกับสถานที่นี้ ให้ฉันไปแทนเถอะ ! ”
หยางเจี๋ยครุ่นคิดและตกลง เธอหยิบเงินสองหยวนออกมาแล้วมอบให้หงไคหยู แล้วหันหลังเดินกลับเข้าไป
ในเวลานี้ ฉินปังเจี้ยนได้กล่าวขึ้นว่า “เสี่ยวหยาง ฉันจะไปพบครูหลี่กับคุณ”
……
เมืองชิงโจว ในห้องประชุมของเกสเฮาส์ชิงเจียง
ในเวลานี้ พวกเขากำลังจัดงานเลี้ยงน้ำชาเฉลิมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์สำหรับผู้นำธุรกิจในเมืองชิงโจว หัวหน้าของรัฐวิสาหกิจหลายสิบแห่งในเมืองมารวมตัวกันและกำลังฟังสุนทรพจน์ของรองนายกเทศมนตรีจาง
สถานีโทรทัศน์เมืองชิงโจวและสำนักข่าวรายวันชิงโจวได้ส่งผู้สื่อข่าวไปยังพื้นที่ดังกล่าว
ฟู่เต๋อเจิ้งก็มาด้วยตนเอง เขาไม่เห็นเจียงเสี่ยวไป๋อยู่ในฝูงชน จึงอดไม่ได้ที่จะถามติงจวิ้นเจี๋ยที่นั่งอยู่ข้างกันด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้รับการเชิญมาหรือ ? ”
ติงจวิ้นเจี๋ยกระซิบกลับว่า “อย่าพูดแบบนี้ต่อหน้ารองนายกเทศมนตรีจางเชียวนะครับ รองนายกเทศมนตรีจางโทรหาเขาเป็นการส่วนตัว แต่เจียงเสี่ยวไป๋บอกว่าเขาไม่ใช่เจ้าของบริษัทพวกนั้น”
เขาส่ายหัวและพูดต่อ “อย่าบอกนะว่าเขาไม่ได้จดทะเบียนบริษัททั้งหลายในเมืองนี้ด้วยชื่อของเขาเองน่ะ ! ”
ฟู่เต๋อเจิ้งพยักหน้า เขาได้ยินจากรองรองนายกเทศมนตรีจางว่านิติบุคคลที่จดทะเบียนขององค์กรที่ดำเนินการโดยเจียงเสี่ยวไป๋ล้วนถูกจดเป็นชื่อหลินเจียอินทั้งหมด
เขายิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “บางทีเด็กคนนั้นอาจจะระวังตัวมานานแล้ว และไม่อยากมีส่วนร่วมในงานเลี้ยงนี้”
ติงจวิ้นเจี๋ย กล่าวว่า “ผมคิดว่าเขาต้องการใช้เวลาช่วงวันหยุดกับครอบครัว”
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน รองนายกเทศมนตรีจางกำลังจะกล่าวสุนทรพจน์จบแล้ว ในที่สุดเขาก็พูดว่า “ที่เชิญทุกคนมาจัดงานเลี้ยงน้ำชานี้ เพราะต้องการให้เกิดการพูดคุยแลกเปลี่ยนระหว่างองค์กร หากใครมีอะไรสงสัยหรืออยากพูดอะไร ก็กล่าวมาได้เลย”
หลังจากเสียงปรบมือจากแขกทั้งหลาย ชายวัยกลางคนร่างสูงยืนขึ้นและพูดว่า “รองนายกเทศมนตรีจาง เราสามารถพูดคุยได้ทุกเรื่องใช่ไหมครับ ? ”
รองนายกเทศมนตรีจางเงยหน้าขึ้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม: “ผู้อำนวยการจ้าว คุณมีอะไรก็พูดมาได้เลย”
จ้าวเมิ่งฮู่เหลือบมองไปรอบ ๆ สีหน้าของเขาเผยให้เห็นถึงความโกรธเกรี้ยว เขาพูดเสียงดังว่า “เพื่อนร่วมงานทุกท่าน ผมไม่รู้ว่าพวกคุณทุกคนรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้มีคนเลวในเมืองชิงโจวของเรา ! ”
หลายคนที่อยู่ในงานเลี้ยงที่คุ้นเคยกับจ้าวเมิ่งฮู่อย่างดีก็หัวเราะ และพูดว่า “ผู้อำนวยการจ้าว คุณกำลังพูดถึงใคร ? ”
“ใช่แล้ว ผู้อำนวยการจ้าว ทำไมคุณถึงดูไม่พอใจขนาดนั้นล่ะ ? ”
“เหล่าจ้าว คุณกำลังต้องการอะไร ! ”
“……”
จ้าวเมิ่งฮู่หายใจเข้าลึก ๆ และพูดเสียงดัง “เจียงเสี่ยวไป๋ ! เจียงเสี่ยวไป๋ที่พวกคุณรู้จักนั่นแหละ ! ”
ตอนนี้ เจียงเสี่ยวไป๋เป็นที่รู้จักกันดีในเมืองชิงโจว และทุกคนที่นี่เป็นบุคคลสำคัญในเมืองชิงโจวทั้งนั้น แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยพบกับเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยตนเอง แต่พวกเขาก็เคยได้ยินชื่อของเขาแล้วและก็มักจะไปทานอาหารที่ร้านกุ้งอบน้ำมันของเจียงเสี่ยวไป๋เป็นประจำ
ทุกคนมองไปที่จ้าวเมิ่งฮู่ด้วยความสับสน โดยสงสัยว่าทำไมเขาถึงพูดถึงเจียงเสี่ยวไป๋ในแง่แบบนั้น
รองนายกเทศมนตรีจางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
จ้าวเมิ่งฮู่พูดด้วยความโกรธว่า “เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ใช่คนดี เขาเสนอเงินเดือนที่สูงสองสามเท่า สัญญาเงื่อนไขต่าง ๆ ให้หัวหน้าไลน์ผลิตสามคน หัวหน้าทีมเจ็ดหรือแปดคนจากโรงงานของเรา และแม้กระทั่งแรงงานผู้มีทักษะจำนวนมาก คนงานที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างยากลำบาก ! ”
“ฮะ ? ”
“ผู้อำนวยการจ้าว คุณพูดจริงหรือ ? ”
“มันเป็นเรื่องจริงหรือ ? เสนอเงินเดือนที่สูงขนาดนี้เพื่อแย่งคนไปน่ะหรือ ! ”
“ผู้อำนวยการจ้าว โรงงานของคุณมีคนงานไม่มากนักใช่ไหม ? เมื่อถูกแย่งชิงคนงานไป จะเกิดอะไรขึ้นกับการผลิตของคุณ ? ”
“……”
มีความประหลาดใจในหมู่ผู้ฟัง และหลายคนเริ่มพูดคุยกันอย่างเงียบ ๆ
รองนายกเทศมนตรีจางก็ประหลาดใจเช่นกัน แม้ว่าเขาจะเพิ่งได้ยินเรื่องนี้ แต่เขาคาดว่าเจียงเสี่ยวไป๋ทำได้อย่างแน่นอน
มิน่าล่ะ ที่เขาไม่ยอมมางานเลี้ยงน้ำชา ที่แท้ก็เพราะมีเรื่องบางอย่างนี่เอง !
รองนายกเทศมนตรีจางคิดแบบนั้น
ถ้าเจียงเสี่ยวไป๋รู้เรื่องนี้ เขาคงตะโกนกลับมาว่า: ที่ผมไม่ไปงานเลี้ยงน้ำชา เพราะผมอยากใช้เวลากับภรรยาและลูกต่างหาก !
จ้าวเมิ่งฮู่ฟังการสนทนาของทุกคน ใบหน้าของเขาเศร้าและโกรธมากขึ้น เขาพูดว่า “ทุกคนรู้ดีว่าฤดูร้อนเป็นเวลาที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจโรงงานเครื่องดื่มของเรา ตอนนี้เจียงเสี่ยวไป๋ได้แย่งตัวคนงานส่วนใหญ่ในโรงงานไป และมีการประชุมเชิงปฏิบัติการหลายแห่ง ในปีนี้โรงงานเครื่องดื่มเถิงต้าประสบความสูญเสียอย่างหนัก ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขา”
เขามองไปที่รองนายกเทศมนตรีจาง และพูดเสียงดังว่า “รองนายกเทศมนตรีจาง คุณคิดว่าเราควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้ ? ”