ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 367 :เธอต้องกลับไปที่ชิงโจว
ตอนที่ 367 :เธอต้องกลับไปที่ชิงโจว
รองนายกเทศมนตรีจางมองจ้าวเมิ่งฮู่อย่างพินิจแล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “ผู้อำนวยการจ้าว ฉันจะตรวจสอบเรื่องนี้อีกที”
เมื่อจ้าวเมิ่งฮู่กำลังจะพูดเสริม รองนายกเทศมนตรีจางก็ยกมือขึ้นเพื่อหยุดเขา “คงไม่เหมาะ ถ้าจะพูดคุยเรื่องนี้ต่อไป เราต้องตรวจสอบอย่างแน่ชัดก่อน ! ”
ทันใดนั้น จ้าวเมิ่งฮู่ก็รู้สึกราวกับว่ามีคนเอาน้ำเย็นราดลงบนถ่านหินร้อน ๆ เขารับรู้ถึงความไม่พอใจจากรองนายกเทศมนตรีจางแล้ว
ติงจวิ้นเจี๋ยเหลือบมองจ้าวเมิ่งฮู่ และเยาะเย้ยในใจ: รายงานเรื่องแบบนี้เป็นการส่วนตัวไม่ได้หรือ ? ถ้าต้องพูดต่อหน้าสาธารณะชนและทำให้งานเลี้ยงต้องกร่อยลง แบบนี้รองนายกเทศมนตรีจางจะพอใจได้อย่างไร ?
รองนายกเทศมนตรีจางมองไปที่หัวหน้าหน่วยงานต่าง ๆ ที่อยู่ด้านล่างและพูดอย่างจริงจังว่า “หากใครมีอะไรจะพูดอะไรก็พูดมา แต่โปรดอย่าพูดอะไรโดยไม่ตรวจสอบก่อน เราจัดงานเลี้ยงน้ำชาเทศกาลไหว้พระจันทร์นี้ขึ้น เพื่อเป็นการแสดงถึงความสามัคคีของทุกภาคส่วนในชิงโจวของเรา…….”
……
ในโรงพยาบาลท้องถิ่นถู่เฉิง หลังจากที่หลี่่ม่านม่านกินเกี๊ยวที่หงไคหยูซื้อมาเสร็จแล้ว หยางเจี๋ยได้พูดว่า “ลุงหง ลุงฉิน ลุงทั้งสองกลับไปก่อนเถอะค่ะ พรุ่งนี้ฉันอยากพาม่านม่านไปโรงพยาบาลในชิงโจวเพื่อตรวจสุขภาพ ! ”
หลี่่ม่านม่านพูดอย่างร้อนใจว่า “หยางเจี๋ย ไม่ต้องหรอก ฉันสบายดีแล้ว ! ”
หยางเจี๋ยจ้องมองเธอแล้วพูดว่า “จู่ ๆ เธอก็หมดสติไปแบบนั้น อีกทั้งที่นี่ก็ตรวจไม่พบว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไร ถ้าเธอเป็นลมหมดสติไปอีกล่ะ จะทำอย่างไร ? ”
หงไคหยูยังกล่าวอีกว่า “ครูหลี่เชื่อเสี่ยวหยางเถอะ ร่างกายคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ! ”
ฉินปังเจี้ยนพยักหน้าเห็นด้วย “โชคดีที่เสี่ยวหยางอยู่กับครูตอนที่ครูเป็นลมหมดสติไป ถ้าไม่มีใครอยู่แถวนั้น มันจะเป็นอันตรายต่อชีวิตครูได้……”
“ไม่เป็นไร ตอนนี้ฉันหายดีแล้ว เด็ก ๆ ยังรอให้ฉันกลับไปสอนพวกเขาอยู่ ! ” หลี่่ม่านม่านพูดอย่างดื้อรั้น
หงไคหยูกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวลเรื่องชั้นเรียน อาจารย์ใหญ่จางจะจัดการให้”
พวกเขาทั้งสามพยายามเกลี้ยกล่อมเธอเป็นเวลานาน แต่หลี่่ม่านม่านก็ยังคงไม่ยอม
หยางเจี๋ยพูดว่า “ถ้าเธอไม่ยอม ฉันจะกลับไปบอกลุงหลี่เพื่อดูว่าเขายังเห็นด้วยกับการที่เธอจะมาสอนหนังสือที่หมู่บ้านซานฮวาหรือไม่ ? ”
หลี่่ม่านม่านตกใจ “หยางเจี๋ย อย่าบอกพ่อฉันนะ”
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็กลับไปกับฉัน ! ”
หลี่่ม่านม่านลังเลอยู่นาน และสุดท้ายก็ทำได้เพียงพยักหน้ายอม
เดิมที ครอบครัวของเธอไม่เห็นด้วยที่เธอต้องไปทำงานในที่ห่างไกลเช่นนี้ หากพวกเขารู้ว่าเธอป่วย พวกเขาจะไม่ปล่อยเธอไปอีกแน่นอน
คำพูดเมื่อครู่นี้ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอโดยตรง
ท้ายที่สุดแล้ว เธอก็ไม่อยากให้ครอบครัวเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของเธอ
หลังจากส่งลุงหงและลุงฉินกลับไปแล้ว หลี่่ม่านม่านก็พักรักษาตัวในโรงพยาบาลอีกหนึ่งคืนโดยมีหยางเจี๋ยคอยเฝ้า
กระทั่งเช้าตรู่วันต่อมา มีรถสองแถวรับส่งไปยังเมืองชิงโจว ทั้งสองจึงขึ้นรถสองแถวไปด้วยกัน
……
ในวันเทศกาลไหว้พระจันทร์ เจียงเสี่ยวไป๋อยู่บ้านอย่างสบาย ๆ ตลอดทั้งวัน
เขาไปเดินเล่นกับภรรยา สอนภรรยาและลูกสาวให้เล่นตัวต่อแทนแกรม [1] และเกมเก้าห่วงปริศนา [2] จากนั้นก็กินหม้อไฟอีกมื้อในช่วงบ่าย และใช้เวลาช่วงเย็นเพลิดเพลินกับการชมพระจันทร์และกินขนมไหว้พระจันทร์ในสวนหลังบ้าน
วันรุ่งขึ้น หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋เข้ามาในเมือง เขาเห็นหนังสือพิมพ์ของวันนี้ซึ่งรายงานข่าวเกี่ยวกับงานเลี้ยงน้ำชาไหว้พระจันทร์ที่จัดขึ้นโดยรองนายกเทศมนตรีจางในเมืองชิงโจว แต่เขาไม่สนใจ
แต่ไม่นาน ติงจวิ้นเจี๋ยก็โทรมา
“เลขาติง สวัสดีตอนเช้าครับ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋รับโทรศัพท์และพูดด้วยรอยยิ้ม
ติงจวิ้นเจี๋ยกล่าวว่า “รองนายกเทศมนตรีจางต้องการให้คุณมาที่สำนักงานของเขา”
เจียงเสี่ยวไป๋ถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “น้องชาย บอกฉันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ? ”
ในใจของเขาสงสัยว่ารองนายกเทศมนตรีจางยังโกรธเรื่องเมื่อวานอยู่หรือเปล่า !
ติงจวิ้นเจี๋ยกล่าวว่า “เมื่อวานมีเรื่องเกิดขึ้นที่งานเลี้ยงน้ำชา และมีคนฟ้องเรื่องของคุณ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึง มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นด้วย ! แต่ในไม่ช้า เขาก็เข้าใจและพูดว่า “คงจะเป็นจ้าวเมิ่งฮู่จากโรงงานเครื่องดื่มเถิงต้าสินะ ? ”
ติงจวิ้นเจี๋ยจึงพูดขึ้นอย่างไม่ลังเล “คุณรู้ตัวดีเหมือนกันนะ ! ”
หลังจากได้รับการยืนยันแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ก็นึกว่ามีเรื่องอะไรเสียอีก มันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย อย่าเก็บไปใส่ใจเลย”
ติงจวิ้นเจี๋ยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่คาดคิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋ไม่เพียงแต่ยอมรับอย่างใจกว้างเท่านั้น แต่ยังไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้ด้วย เขากล่าวว่า “คุณควรมาอธิบายให้นายกเทศมนตรีจางด้วยตนเองดีกว่า ! ”
เดิมทีเจียงเสี่ยวไป๋ไม่ต้องการไปในตอนแรก แต่เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตกลง
“โอเค ฉันจะไปถึงที่นั่นในอีกไม่นาน ! ”
หลังจากวางสายโทรศัพท์แล้ว เขาก็เดินไปที่โรงงานเครื่องปรุงรสและโรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลือง จากนั้นนำนมถั่วเหลืองสองกล่อง ฟองเต้าหู้แผ่นสองกล่อง ฟองเต้าหู้แท่งสองกล่อง เต้าหู้แห้งสองกล่อง และเส้นเผ็ดสองกล่องขนขึ้นรถแล้วขับไปที่ศาลาที่ว่าการ
เมื่อเขามาถึงศาลาที่ว่าการ เขาถือกล่องสี่กล่องแล้วเดินไปที่ห้องทำงานของรองนายกเทศมนตรีจาง
ติงจวิ้นเจี๋ยตกใจมากเมื่อเห็นสิ่งนี้ “เถ้าแก่เจียง คุณถืออะไรมาเยอะแยะน่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผลิตภัณฑ์จากโรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลืองออกมาแล้ว ฉันนำผลิตภัณฑ์บางอย่างมารายงานให้รองนายกเทศมนตรีจางทราบ ! ”
มุมปากของติงจวิ้นเจี๋ยกระตุก “คุณไม่จำเป็นต้องนำมารายงานมากมายขนาดนี้ก็ได้ ? แค่นำมารายงานกล่องเดียวก็พอแล้วมั้ง ? ”
ไม่ทันได้พูดจบ เจียงเสี่ยวไป๋ก็พูดว่า “นอกจากนี้ ยังมีกล่องอีกหกกล่องอยู่ในรถ รีบมาช่วยฉันยกมันลงไปเร็ว”
“ยังมีอีกหรือ ? ”
ติงจวิ้นเจี๋ยพูดไม่ออกจริง ๆ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไปช่วยยกของ
เขารู้จักเจียงเสี่ยวไป๋ดี ถ้าเขาไม่ไป เจียงเสี่ยวไป๋ก็จะยกของทั้งหมดคนเดียว ดังนั้นเขาก็ต้องไปช่วยอยู่ดี
ทำให้เสร็จเร็ว จะได้ประหยัดปัญหา !
รองนายกเทศมนตรีจางตกใจมากจนอ้าปากกว้างเมื่อเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ขนของสี่กล่องเข้าไปในห้องทำงานของเขา
“เจียงเสี่ยวไป๋ คุณกำลังทำอะไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “ท่านรองนายกวางใจได้ นี่ไม่ใช่ของขวัญอย่างแน่นอน คุณไม่ได้กังวลเกี่ยวกับการผลิตโรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลืองมาโดยตลอดหรือ ? ตอนนี้ผลิตภัณฑ์ออกมาแล้ว ผมนำบางส่วนมาให้คุณตรวจสอบ ! ”
รองนายกเทศมนตรีจางโบกมือด้วยความรีบร้อนใจ “โอเค โอเค วางมันลงเร็ว ๆ ฉันจะคุยกับคุณก่อน”
เจียงเสี่ยวไป๋วางกล่องผลิตภัณฑ์สี่กล่องไว้บนโต๊ะของรองนายกเทศมนตรีจาง แสร้งทำเป็นหายใจแรงแล้วพูดว่า “ท่านรอง โปรดรอสักครู่ ยังเหลืออีกหกกล่อง ผมจะย้ายทั้งหกกล่องมาก่อน แล้วค่อยคุยกันก็ได้ ไม่ต้องรีบครับ”
เขาพูดแล้วก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“ยัง…มีอีกหรือ…”
รองนายกเทศมนตรีจางไม่ทันได้พูดต่อ เดิมทีเขาวางแผนที่จะวิพากษ์วิจารณ์เจียงเสี่ยวไป๋ทันทีที่เขาเดินเข้ามา แต่เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋เข้ามาและเห็นว่าเขาดูเหนื่อยจากการยกของ เขาก็ชะงักไปทันที
มีสิ่งของวางอยู่บนโต๊ะเต็มไปหมด หากเขานั่งเก้าอี้และเจียงเสี่ยวไป๋นั่งตรงข้ามกับเขา เขาคงจะไม่สามารถเห็นหน้าเจียงเสี่ยวไป๋ได้ชัดเจน
ฉันจะสืบสวนเรื่องนี้ได้อย่างไร ?
คุยกับกล่องหรือ ?
หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็ลุกขึ้นและย้ายกล่องบนโต๊ะไปที่พื้น
สองกล่องบนยังเบามาก แต่ไม่คิดว่าสองกล่องข้างล่างจะหนักขนาดนี้
“ชายคนนี้สามารถถือกล่องได้สี่กล่องในคราวเดียว เขาแข็งแกร่งมาก ! ”
หลังจากย้ายกล่องสี่กล่องแล้ว รองนายกเทศมนตรีจางปัดมือและพึมพำด้วยรอยยิ้ม
ในขณะเดียวกัน ติงจวิ้นเจี๋ยเข้ามาพร้อมกล่องสามกล่องและวางไว้ข้าง ๆ กล่องที่อยู่บนพื้นทีละกล่อง
เจียงเสี่ยวไป๋เข้ามาพร้อมกล่องสามใบสุดท้าย เมื่อเขาเห็นว่ากล่องที่เขาวางไว้บนโต๊ะเมื่อครู่ทั้งหมดถูกย้ายไปอยู่บนพื้น เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนักแล้วเขาก็วางกล่องในมือของเขาไว้บนโต๊ะของรองนายกเทศมนตรีจางอย่างไม่มีมารยาท .
จากนั้น เขาก็หันกลับไปและพบกล่องที่บรรจุนมถั่วเหลือง หลังจากเปิดออกแล้ว เขาก็หยิบขวดออกมาสองสามขวดและส่งให้รองนายกเทศมนตรีจาง และอีกขวดหนึ่งให้กับติงจวิ้นเจี๋ย เขาพูดว่า “คุณลองชิมนมถั่วเหลืองนี้ดูว่ารสชาติเป็นอย่างไร ? ”
“การดื่มนมถั่วเหลืองนั้นจะทำให้ดับความร้อนภายในร่างกายได้ดี ! ”
[1] แทนแกรม เป็นแผ่นตัวต่อปริศนามี 7 แผ่น ซึ่งสามารถนำมาประกอบเป็นรูปร่างต่าง ๆ โดยเมื่อขณะไม่ได้เล่นจะถูกเก็บไว้ในลักษณะสี่เหลี่ยม
[2] เก้าห่วงปริศนา เป็นของเล่นที่ได้รับความนิยมและมีความซับซ้อนมากกว่า โดยผู้เล่นต้องขบคิดหา วิธีนำห่วงทั้งเก้าที่คล้องเกี่ยวกันอยู่นั้นย้ายขึ้นและปลดลงให้ได้