ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 368 :เด็ก ๆ ชอบกิน
ตอนที่ 368 :เด็ก ๆ ชอบกิน
รองนายกเทศมนตรีจางและติงจวิ้นเจี๋ยต่างถือขวดนมถั่วเหลืองไว้ในมือ พวกเขาเหนื่อยกับการย้ายของแล้ว จึงปล่อยกล่องทั้งสามกล่องไว้บนโต๊ะแบบนั้น
ซึ่งนี่คือสิ่งที่เจียงเสี่ยวไป๋ต้องการพอดี
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มบาง เขาเดินไปที่เก้าอี้ตรงข้ามโต๊ะแล้วนั่งลง เขาไม่เห็นหน้ารองนายกเทศมนตรีจาง ส่วนรองนายกเทศมนตรีจางก็มองไม่เห็นเขาเช่นกัน
“ท่านรองนายก นมถั่วเหลืองรสชาติเป็นอย่างไรบ้างครับ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋จิบนมถั่วเหลืองแล้วพูดกับกล่องที่เรียงซ้อนกัน เขาค่อนข้างพอใจกับแผงกั้นเฉพาะหน้านี้ “จริงสิ ท่านรองนายกต้องการพบผมมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ ? ”
รองนายกเทศมนตรีจางนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างหมดคำจะพูด
จะให้เขาคุยกับกล่องพวกนี้หรือไง ?
คุยกับผีน่ะสิ !
เขาดื่มนมถั่วเหลืองไปหลายอึกด้วยความหงุดหงิดใจ แต่ไม่เห็นมันจะมีรสชาติอะไรเลย
นี่กังวลบ้างไหมว่าสินค้าแบบนี้จะขายได้หรือเปล่า ?
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับนมวัวแล้ว มันไม่มีกลิ่นคาว จึงดื่มง่ายกว่านมวัว
เพราะในปี 1983 นมวัวยังไม่ได้รับการยอมรับจากคนส่วนใหญ่ในประเทศจีน
เพราะกลุ่มคนที่บริโภคนมวัวในเวลานั้นจะเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยบางครอบครัวและกลุ่มคนบางกลุ่มในเทียนจิง รวมทั้งเมืองใหญ่ไม่กี่แห่งตามแนวชายฝั่ง
ทำให้กำลังการผลิตนมวัวประจำปีของประเทศจำนวน 21.7 ล้านตันในปี 1949 เหลือเพียง 11.41 ล้านตันในปี 1980 ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมานี้ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าอัตราการผลิตต่ำลงไปทุกปี ในช่วงเวลานี้ การผลิตนมทั่วประเทศอยู่ในปริมาณต่ำมาก ถึงขั้นไม่ถูกนำมารวมอยู่ในโครงการทางสถิติระดับชาติและระดับท้องถิ่นด้วยซ้ำ
สถานการณ์นี้ดำเนินไปจนถึงช่วงปี 1990 เมื่อบริษัทเต็ดตรา แพ้ค ของสวีเดนได้นำบรรจุภัณฑ์กระดาษคอมโพสิตปลอดเชื้อจากยุโรปเหนือมายังประเทศจีน ซึ่งส่งเสริมการมาถึงของ ‘ทศวรรษทอง’ ของอุตสาหกรรมนมวัวในจีนโดยตรง และทำให้นมวัวกลายเป็นอาหารประจำวันที่ทุกคนทุกครัวเรือนต้องดื่ม และแม้แต่ครอบครัวที่มีฐานะธรรมดาก็สามารถหาซื้อมาดื่มได้
ตอนนี้ที่ยังมีคนดื่มนมวัวค่อนข้างน้อย เพราะหนึ่งเลยก็คือ ตัวผลิตภัณฑ์มีอยู่น้อย ไม่หลากหลาย ประการที่สอง ผู้คนไม่รู้ว่าการดื่มนมมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไร ประการที่สาม นมในตอนนี้ยังมีกลิ่นคาว รสชาติไม่อร่อย
นี่คือสาเหตุที่เจียงเสี่ยวไป๋เลือกทำนมถั่วเหลืองก่อน
ส่วนจะผลิตนมวัวหรือไม่นั้น ?
แน่นอนว่าต้องทำอยู่แล้ว !
แต่นั่นต้องรออีก 2-3 ปี รอให้ประเทศมีนโยบายส่งเสริมสุขภาพ รณรงค์ให้ชาวจีน “ดื่มนมวันละแก้ว คนจีนมีสุขภาพแข็งแรง” ก่อนแล้วค่อยทำ
เมื่อกลับมาเกิดใหม่ เขารู้ดีว่าการดำเนินธุรกิจต้องตามกระแสเหมือนที่คนรุ่นหลังกล่าวไว้ว่า: ‘ยืนอยู่ในสายลม แม้แต่หมูก็สามารถบินได้’
แน่นอนว่าเรื่องการผลิตนมวัวต้องรอกระแสก่อน
รองนายกเทศมนตรีจางไม่ได้พูดอะไร เขาหันหน้าไปทางกล่องที่วางซ้อนกันตรงหน้า เขาลุกขึ้นยืนและเดินออกมาจากด้านหลังโต๊ะ
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋เห็น เขาก็ลุกขึ้นทันที เขาหยิบกล่องด้านบนลงมา เปิดออก หยิบล่าเถียวออกมาสองห่อ เขาจัดแจงส่งห่อหนึ่งให้รองนายกเทศมนตรีจาง แล้วพูดว่า “นี่คือล่าเถียวที่ผมกำลังพูดถึง ท่านรองนายกลองชิมดูครับ เด็ก ๆ ต่างก็ชอบกินมัน ! ”
รองนายกเทศมนตรีจางอดไม่ได้ที่จะทำให้เขาขบขัน ด้วยใบหน้าที่เย็นชา “เด็ก ๆ ชอบกินแล้วทำไมคุณถึงเอามาให้ฉันชิมล่ะ ? ”
แต่เมื่อเห็นเส้นเผ็ดหนา ๆ จากวัตถุดิบที่ไม่รู้จักในถุงบรรจุภัณฑ์ เขาก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายตนเอง
ดูเผ็ด ดูน่าอร่อย
เขาชอบ !
เขาฉีกห่อแล้วหยิบล่าเถียวออกมายัดเข้าไปในปาก พอเคี้ยวแล้วรสชาติเหมือนบะหมี่เล็กน้อย รสชาติเผ็ดกำลังดี ยิ่งเคี้ยวก็ยิ่งอร่อย มันอร่อยมาก
”เด็ก ๆ ชอบกินอะไรกัน ? เห็นได้ชัดว่าผู้ใหญ่ก็ชอบกินเหมือนกัน ! ”
รองนายกเทศมนตรีจางกำลังเคี้ยวล่าเถียวและพึมพำกับตัวเอง
“คุณวางแผนที่จะขายล่าเถียวพวกนี้ถุงละเท่าไหร่ ? ” รองนายกเทศมนตรีจางถาม
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ราคาถูกมากครับ ขายแค่เพียงห่อละ 1.2 เหมาเท่านั้น ! ”
เงิน 1 เหมาสามารถซื้อข้าวสารได้เป็นชั่ง และล่าเถียวหนึ่งห่อมีปริมาณ 100 กรัม ขายในราคา 1.2 เหมา ซึ่งถือว่าไม่ถูกเลย แต่เมื่อเทียบกับเมล็ดแตงโม 5 รสแล้ว อย่างน้อยราคาต่อถุงก็ต่ำกว่า
รองนายกเทศมนตรีจางคาดเดาว่าเมื่อผลิตภัณฑ์นี้เปิดตัว ก็อาจจะได้รับความนิยม
ทันใดนั้น เขาก็เริ่มสนใจและพูดว่า “เอาผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ให้ฉันดูหน่อยสิ ! ”
เขาลืมไปอย่างสิ้นเชิงว่าเขาเรียกเจียงเสี่ยวไป๋มาที่นี่เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เจียงเสี่ยวไป๋แย่งพนักงานของโรงงานเครื่องดื่มเถิงต้าไป
เจียงเสี่ยวไป๋หยิบเต้าหู้ตากแห้งออกมาอีกสองห่อทันที
ตอนที่เต้าหู้ตากแห้งผลิตขึ้นครั้งแรก เฉินหยวนเฉารู้สึกกลัดกลุ้มใจมาเป็นเวลานาน มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากเต้าหู้ตากแห้งที่เขาจินตนาการไว้
เต้าหู้ตากแห้งที่เขาคิดคือใช้สำหรับทำอาหาร แต่ที่จริงแล้วเต้าหู้ตากแห้งที่เจียงเสี่ยวไป๋ทำนั้นเป็นของว่าง
เต้าหู้ตากแห้งของเขามีสองรสชาติ มีรสดั้งเดิมและรสเผ็ด ตัวรสดั้งเดิมที่หั่นเป็นแผ่นบาง ๆ แล้วเรียงเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส เวลากินสามารถฉีกเป็นชั้น ๆ เคี้ยวแล้วหนึบหนับมาก
ส่วนรสเผ็ดจะแตกต่างจากรสชาติของล่าเถียว
หลังจากชิมผลิตภัณฑ์แต่ละอย่างแล้ว รองนายกเทศมนตรีจางก็เอ่ยชมไม่ขาดปากและมองดูเจียงเสี่ยวไป๋อย่างคาดหวัง รอให้เขานำผลิตภัณฑ์อีกสองชิ้นออกมา
เจียงเสี่ยวไป๋หยิบฟองเต้าหู้แผ่นและฟองเต้าหู้แท่ง ออกมาอย่างละห่อ แล้วพูดว่า “ผลิตภัณฑ์ทั้งสองตัวนี้เป็นวัตถุดิบทำอาหาร ไม่สามารถรับประทานดิบได้ ส่วนใหญ่จะนำไปผัดกับเนื้อสัตว์หรือใส่ในหม้อไฟ”
เมื่อเขาพูดถึงหม้อไฟ รองนายกเทศมนตรีจางก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงหม้อไฟที่เขากินที่บ้านของ เจียงเสี่ยวไป๋ในวันนั้น เขาแอบกลืนน้ำลายแล้วพูดว่า “ร้านหม้อไฟของคุณจะเปิดเมื่อไหร่ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือ “อีกไม่นาน รอจนกว่าผมจะเตรียมเครื่องปรุงรสหม้อไฟสำเร็จรูปเสร็จเรียบร้อยก่อน”
ช่วงนี้เขายุ่งมากจนไม่มีเวลาทำเครื่องปรุงรสหม้อไฟสำเร็จรูปเลย
ตอนนี้ คลังของเครื่องปรุงรสกุ้งอบน้ำมันสำเร็จรูปเพียงพอจนถึงกุ้งในฤดูกาลถัดไป เขาวางแผนที่จะทำเครื่องปรุงรสหม้อไฟสำเร็จรูปก่อนที่ไลน์ผลิตชั่วคราวของโรงงานผลิตเครื่องปรุงรสจะถูกรื้อถอน
รองนายกเทศมนตรีจางมีสีหน้าผิดหวัง เขาต้องการให้เจียงเสี่ยวไป๋เปิดร้านหม้อไฟโดยเร็วที่สุด เพื่อที่เขาจะได้กินหม้อไฟได้สะดวกยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเขาจะมีข้ออ้างในการที่จะได้กินหม้อไฟ
“เสี่ยวไป๋ คุณบอกว่าหม้อไฟใส่ฟองเต้าหู้แผ่นกับฟองเต้าหู้แท่งอร่อย งั้นคุณก็ทำหม้อไฟสิ” เขาชี้ไปที่ติงจวิ้นเจี๋ย “เลขาติงกับฉันจะได้ลองชิมด้วยกัน เพื่อดูว่าผลิตภัณฑ์ของคุณเป็นอย่างไรบ้าง ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่แล้วเขาก็เข้าใจทันที
“พรุ่งนี้แล้วกันครับ วันนี้ผมจะพาภรรยาไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจการตั้งครรภ์ ! ” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าว
รองนายกเทศมนตรีจางดีใจมาก “เอาล่ะ งั้นเป็นพรุ่งนี้ตอนเที่ยงแล้วกัน”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าเห็นด้วย และใช้โอกาสนี้ถามว่า “จริงสิ ทำไมคุณถึงให้ผมมาพบคุณล่ะ ท่านรองนายก ? ”
รองนายกเทศมนตรีจางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็นึกถึงความตั้งใจแรกของเขาได้
อย่างไรก็ตาม มันดูไม่เหมาะที่จะวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นทันที หลังจากบอกให้เขาทำหม้อไฟให้กิน นอกจากนี้ จ้าวเมิ่งฮู่คนนั้นยังหยิบยกเหตุการณ์นี้มาพูดต่อหน้าสาธารณะเมื่อวานนี้ ซึ่งเกือบจะพังงานเลี้ยงของเขาแล้ว ทำให้เขาไม่มีความประทับใจที่ดีต่อจ้าวเมิ่งฮู่เช่นกัน
เขามองเจียงเสี่ยวไป๋อย่างลึกซึ้งและพูดอย่างใจเย็นว่า “ไม่มีอะไรมาก ผู้อำนวยการจ้าวเมิ่งฮู่ จากโรงงานเครื่องดื่มเถิงต้าบอกว่าคุณคิดจะแย่งพนักงานของเขาไป ทำให้โรงงานเครื่องดื่มเถิงต้าเกือบจะปิดตัวลง ฉันอยากจะรู้จากคุณว่าเรื่องนี้มันเป็นมาอย่างไรกันแน่”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดด้วยใบหน้าที่ไร้เดียงสาว่า “ท่านรอง นี่มันใส่ร้ายผมชัด ๆ ผมไม่ได้แย่งชิงพนักงานของโรงงานเครื่องดื่มเถิงต้ามาอย่างแน่นอน”
ติงจวิ้นเจี๋ยเกือบจะหลุดหัวเราะออกมาหลังจากได้ยินคำพูดของเจียงเสี่ยวไป๋ ชายคนนี้เคยพูดยอมรับทางโทรศัพท์มาก่อน แต่ตอนนี้เขากลับปฏิเสธแล้วหรือ ?
เขารู้ แต่เขาไม่สามารถพูดออกมาได้
ในแง่ของความหน้าหนานั้น คนอื่นเขาไม่มั่นใจ แต่สำหรับเจียงเสี่ยวไป๋ เขายอมแพ้จริง ๆ
ติงจวิ้นเจี๋ยมองเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความสนใจ อยากรู้ว่าเขาจะแสดงท่าทีอย่างไรต่อไป ?