ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 369 :สวัสดิการของเจียงเสี่ยวไป๋
ตอนที่ 369 :สวัสดิการของเจียงเสี่ยวไป๋
รองนายกเทศมนตรีจางเดาได้แต่แรกแล้วว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะไม่ยอมรับ จึงพูดต่ออีกว่า “ถ้าคุณไม่ได้แย่งคนของเขาไป ทำไมพนักงานในโรงงานเครื่องดื่มเถิงต้าถึงแห่กันไปทำงานที่โรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลืองกันหมดล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไปมีสีหน้าเคร่งขรึม เขาพูดอย่างจริงจังว่า “ท่านรองนายก คุณก็รู้ว่าผมชอบทำโฆษณา โรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลืองกำลังต้องการพนักงาน ดังนั้นผมจึงลงโฆษณาใน สำนักข่าวรายวันชิงโจวไปสองสามวัน ผมเดาว่าพนักงานในโรงงานเครื่องดื่มเถิงต้าคงเห็นโฆษณาของผม พวกเขาเห็นว่าผมให้เงินเดือนสูงกว่า จึงลาออก ! ”
“ถ้าไม่เชื่อผม คุณก็ลองดูหนังสือพิมพ์ตั้งแต่ปลายเดือนแปดมาสิ แล้วคุณจะเห็นโฆษณาทั้งหมด ! ”
รองนายกเทศมนตรีจางและติงจวิ้นเจี๋ยต่างก็ตกตะลึง พวกเขาไม่คาดคิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะแก้ตัวเช่นนั้น แน่นอนว่าพวกเขาเคยเห็นโฆษณารับสมัครงานของโรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลืองในหนังสือพิมพ์ของสำนักข่าวรายวันชิงโจวมาแล้ว จึงไม่ต้องไปหาอ่านอีก
รองนายกเทศมนตรีจางกล่าวว่า “แม้ว่าคุณจะโฆษณา แต่ทำไมพนักงานจากโรงงานอื่นไม่ไปที่โรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลืองล่ะ ? แล้วทำไมถึงมีแต่พนักงานจากโรงงานเครื่องดื่มเถิงต้าไปสมัคร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหัวและถอนหายใจ “ผมเดาว่าคงมีสองเหตุผล ! ”
“เหตุผลแรก พนักงานในโรงงานผลิตเครื่องดื่มเถิงต้าชอบอ่านหนังสือพิมพ์ และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ พนักงานในโรงงานอื่นค่อนข้างพอใจกับสภาพแวดล้อมการทำงานและรายได้ในปัจจุบันของพวกเขา มีเพียงพนักงานในโรงงานผลิตเครื่องดื่มเถิงต้าเท่านั้นที่น่าจะไม่พอใจกับงานในโรงงานของตน และรู้สึกว่าพวกเขาไม่มีอนาคต”
“ท่านรองนายก คุณดูสิว่าพนักงานที่เถิงต้านั้นดีแค่ไหน พวกเขาทั้งชอบอ่านหนังสือและมีเป้าหมายในชีวิตของตนเอง พนักงานแบบนี้แหละที่เป็นแรงงานที่ดี มีความคิดก้าวหน้า ! ”
“หากพวกเขายังคงอยู่ในโรงงานเครื่องดื่มเถิงต้าต่อไป พวกเขาก็เหมือนกับไข่มุกที่ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น แต่เมื่อพวกเขาหลุดพ้นออกไปทำงานที่โรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลือง นั่นเป็นสัญญาณของการละทิ้งด้านมืดไปสู่ด้านสว่างแล้วครับ ! ”
“……”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดต่อเกี่ยวกับหลักเหตุผลหลายประการ ซึ่งทำให้ติงจวิ้นเจี๋ยตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนแย่งคนของโรงงานเครื่องดื่มเถิงต้ามา แต่คำพูดของเขาราวกับกำลังด้อยค่าโรงงานเครื่องดื่มเถิงต้า ราวกับว่าความผิดทั้งหมดอยู่ที่โรงงานเครื่องดื่มเถิงต้าเสียอย่างไรอย่างนั้น
พี่เจียงช่างหน้าหนาจริง !
ดูท่าว่าคงต้องถามว่าเขามีความแค้นอะไรกับโรงงานผลิตเครื่องดื่มเถิงต้าหรือเปล่า ?
ฮ่า ๆ ……แน่นอนว่าต้องมีความแค้นอยู่แล้ว !
เพราะจ้าวซื่อเจ๋อเป็นลูกชายของจ้าวเมิ่งฮู่
เจียงเสี่ยวไป๋เป็นคนช่างจดจำความแค้นเชียวนะ !
แน่นอนว่ามีบางสิ่งในโลกนี้ที่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง แม้ว่าจะไม่มีความเกลียดชังก็ตาม
เช่นเรื่องผลประโยชน์ !
เจียงเสี่ยวไป๋สนใจบุกตลาดเครื่องดื่มมานานแล้ว ต่อให้เขาจะไม่มีความขัดแย้งกับจ้าวซื่อเจ๋อ เขาก็ยังคงมีความคิดโจมตีโรงงานเครื่องดื่มเถิงต้าอยู่ดี
เข้ากับภาษิตที่ว่า ‘ราษฎรเดิมไม่มีความผิด แต่เพราะมีหยกกับตัวจึงมีความผิด ! ’
หรืออาจกล่าวได้ว่าชะตากรรมของจ้าวเมิ่งฮู่ได้ถูกกำหนดมานานแล้ว
หลังจากได้ยินคำพูดของเจียงเสี่ยวไป๋ รองนายกเทศมนตรีจางก็แสดงสีหน้าสิ้นหวัง เพราะเขาเข้าไปแทรกแซงเรื่องนี้ไม่ได้จริง ๆ
พนักงานไม่อยากทำงานที่โรงงานเครื่องดื่มเถิงต้าอีกต่อไป แล้วเขาจะทำอย่างไรได้ ?
นอกจากนี้มันเป็นเรื่องของความสมัครใจ แล้วทำไมถึงต้องบังคับให้พนักงานพวกนั้นกลับไปทำงานในสถานที่ที่พวกเขาไม่อยากอยู่ด้วยล่ะ ?
เขาแค่อยากรู้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋เสนอสวัสดิการอะไรบ้าง ? ถึงทำให้พนักงานเหล่านั้นยอมไม่รับค่าจ้างอีกต่อไปและเต็มใจที่จะเปลี่ยนงาน
เขาโบกมือปัด แล้วพูดว่า “เอาล่ะ ถึงคุณไม่ได้แย่งพนักงานเหล่านั้นมา แต่ช่วยบอกฉันหน่อยเถอะว่าคุณเสนอสวัสดิการอะไรให้กับพนักงานเหล่านั้น ? ”
นั่นคือสิ่งที่เขาใส่ใจ
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและบอกสวัสดิการที่เขาเสนอโดยไม่ปิดบังอะไร
อันดับแรกที่เขาเสนอให้คือเงินเดือนที่สูง เงินเดือนเฉลี่ยของพนักงานธรรมดาในเมืองชิงโจวอยู่ที่เดือนละ 20 หยวนเท่านั้น และเงินเดือนพื้นฐานที่เขาเสนอให้คือเดือนละ 60 หยวน
ใครบ้างที่จะไม่อยากได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัว ?
สวัสดิการที่ 2 คือการกระตุ้นความคิดริเริ่มของพนักงาน นอกจากเสนอค่าตอบแทนที่สูงให้แล้ว ยังมีการประเมินผลการปฏิบัติงาน จัดฝึกอบรมให้พนักงานที่ยังประเมินไม่ผ่านเกณฑ์ และยิ่งทำงานมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้ค่าตอบแทนและเงินเพิ่มเติมอื่น ๆ มากขึ้นเท่านั้น ยิ่งทำงานน้อย ยิ่งได้ผลตอบแทนน้อย ทั้งยังมีรางวัลให้ตามผลงาน ตราบใดที่พนักงานสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัท พวกเขาก็สามารถได้รับค่าตอบแทนที่สูงขึ้นได้
สวัสดิการที่ 3 คือ แผนการรับรองสวัสดิภาพแรงงาน
เขาได้ศึกษาระบบประกันสังคมของคนรุ่นหลัง ก่อตั้งสหภาพแรงงานและเซ็นสัญญาจ้างแรงงานกับพนักงาน พนักงานที่เซ็นสัญญาจ้างงานไม่เพียงแต่ได้รับค่าจ้างและโบนัสทุกเดือนเท่านั้น อีกทั้งยังจ่ายเงินประกันให้กับพนักงานตามสัดส่วนค่าจ้าง โดยพนักงานสามารถรับได้เป็นก้อนหลังเกษียณอายุ ขณะเดียวกันยังจ่ายเงินกองทุนสนับสนุนที่อยู่อาศัย ซึ่งเทียบเท่ากับการออมเงินจำนวนหนึ่งให้พนักงานนำไปใช้ในการซื้อบ้านในอนาคต
นอกจากนี้ ยังมีสวัสดิการสำหรับการบาดเจ็บจากการทำงาน การว่างงาน เป็นต้น ซึ่งเทียบเท่ากับการประกันการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุและการประกันการว่างงานสำหรับคนยุคต่อไปในอนาคต
รองนายกเทศมนตรีจางและติงจวิ้นเจี๋ยต่างก็อ้าปากค้างหลังจากได้ยินสิ่งนี้
สวัสดิการสำหรับพนักงานธรรมดาเหล่านี้ดีกว่าสวัสดิการของเจ้าหน้าที่รัฐอย่างพวกเขามาก !
“มาตรการเหล่านี้ของคุณยังไม่ได้ประกาศต่อสาธารณะใช่ไหม ? ”
รองนายกเทศมนตรีจางสงบความตื่นเต้นภายในใจของเขา และถามด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและกล่าวว่า “ยังครับ หลังจากที่พวกเขาผ่านการสัมภาษณ์ เราจะประกาศให้พวกเขารู้ก่อนที่จะลงนามในสัญญาจ้างงาน จากนั้นพวกเขาจะลงนามในสัญญารักษาความลับของบริษัท ซึ่งพวกเขาจะไม่สามารถบอกให้คนนอกรู้ได้ครับ”
“ดี ! ดี ! ” รองนายกเทศมนตรีจางถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะหากสวัสดิการพวกนี้ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะแล้ว จะไม่ทำให้เกิดความโกลาหลในกลุ่มพนักงานของบริษัทอื่นงั้นหรือ ?
หลังจากมองเจียงเสี่ยวไป๋อย่างลึกซึ้งแล้ว รองนายกเทศมนตรีจางก็พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ส่งสำเนาระบบนี้มาให้ฉันด้วย ฉันอยากศึกษามัน”
“ไม่มีปัญหาครับ ผมจะทำสำเนาให้คุณตอนเรากินหม้อไฟพรุ่งนี้ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้ารับ
รองนายกเทศมนตรีจางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เขารู้สึกว่าระบบที่พัฒนาโดยเจียงเสี่ยวไป๋ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงในการจ้างงานในอนาคต แม้จะไปถึงระดับชาติก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
หลังจากซักถามเจียงเสี่ยวไป๋อย่างละเอียด รองนายกเทศมนตรีจางกล่าวว่า “เอาล่ะ สำหรับโรงงานเครื่องดื่มเถิงต้า อย่าทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดความขัดแย้งเอาได้ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้คำนึงถึงคำพูดของรองนายกเทศมนตรีจาง เขาไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับความขัดแย้งนี้ เพราะเขาได้วางหมากไว้ในโรงงานเครื่องดื่มเถิงต้าแล้ว
เขายิ้มและพูดว่า “ท่านรองนายก ถ้าหากวันหนึ่งโรงงานเครื่องดื่มเถิงต้าไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ คุณก็สามารถเซ็นสัญญากับผมได้เช่นกัน ผมยินดีรับช่วงต่อครับ”
ทันใดนั้น ดวงตาของรองนายกเทศมนตรีจางก็เปลี่ยนไป เขาเพ่งมองดูเจียงเสี่ยวไป๋อย่างพินิจ
ในขณะนี้ เขาก็เข้าใจทันทีว่าจ้าวเมิ่งฮู่พูดถูก เจียงเสี่ยวไป๋กำลังมุ่งเป้าไปที่โรงงานเครื่องดื่มเถิงต้า
อย่างไรก็ตาม เขากลับรู้สึกไร้เรี่ยวแรงอย่างบอกไม่ถูก
นับตั้งแต่ที่เขารู้เกี่ยวกับมาตรการนั้นของเจียงเสี่ยวไป๋ เขาก็รู้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋กำลังเล็งโรงงานเครื่องดื่มเถิงต้า และเขาก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไปด้วย
ที่เรียกว่า ‘สมรู้ร่วมคิด’ เพราะเขาสามารถเห็นตอนจบสุดท้ายได้อย่างชัดเจน แต่เขากลับไม่สามารถหยุดมันได้
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวลาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจากไป เขายังพูดอีกว่า “ท่านรองนายก เลขาติง คุณสามารถแบ่งปันผลิตภัณฑ์ที่ผมนำมาฝากกับเพื่อนร่วมงานได้นะครับ ถือเสียว่าช่วยผมโปรโมทสินค้า”
ระหว่างทาง เจียงเสี่ยวไป๋จำได้ว่าเขาบอกรองนายกเทศมนตรีจางว่าเขาจะพาภรรยาไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจการตั้งครรภ์พรุ่งนี้ แต่ในเวลานั้น เขาแค่พูดเพื่อหลีกเลี่ยงการบทสนทนาเท่านั้น
แต่คิดทบทวนแล้ว ตอนนี้ภรรยาของเขาท้องได้เกือบ 3 เดือนแล้ว และครั้งแรกที่ไปโรงพยาบาลเพื่อยืนยันการตั้งครรภ์ หลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยพาเธอไปโรงพยาบาลอีกเลย เลยถึงเวลาแล้วที่จะต้องพาเธอไปตรวจสุขภาพแล้ว
ดังนั้น ประมาณ 14.00 น. เขาจึงพาหลินเจียอินไปโรงพยาบาล
หลินเจียอินรู้สึกไม่มีความสุขเล็กน้อย
“ฉันสบายดี ทำไมฉันต้องตรวจสุขภาพด้วย ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “คุณกำลังตั้งครรภ์ ควรที่จะต้องไปตรวจสุขภาพเป็นระยะ ๆ เพื่อที่คุณจะได้รู้สึกสบายใจมากขึ้น”
ในเวลานี้ ที่โรงพยาบาลท้องถิ่นชิงโจว หลี่ม่านม่านก็กำลังเข้ารับการตรวจสุขภาพอยู่เช่นกัน