ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 37 :พาภรรยาและลูกสาวเข้าเมืองไปด้วย
ตอนที่ 37 :พาภรรยาและลูกสาวเข้าเมืองไปด้วย
เจียงเสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อมองไปที่ใบหน้าที่คาดหวังของเจียงเสี่ยวหยู
ภรรยาของเขาเป็นคนที่เก่งเรื่องบัญชีมาก และน้องสาวของเขาคนนี้ก็เก่งไม่ต่างกัน
“เธอช่วยฉันคิดบัญชี หากว่าครั้งต่อไปใครเหลาได้เท่าไหร่ เธอก็ช่วยนับแล้วลงบัญชีไว้ให้ฉัน” เจียงเสี่ยวไป๋ชี้ไปที่หลินเจียอินและพูดว่า “ในเวลานั้น พี่สะใภ้ก็จะเป็นคนจ่ายเงินให้พวกขา ตามจำนวนที่เป็นลงบัญชีไว้”
“ตกลง ฉันทำได้ ฉันเก่งเลข และฉันรับปากว่าจะไม่ทำพลาดเด็ดขาด”
ในที่สุดพี่รองก็หางานให้เธอทำจนได้ เจียงเสี่ยวหยูกล่าวอย่างมีความสุข
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหัวและพูดว่า “แค่นับจำนวนและลงบัญชียังไม่พอ เธอต้องตรวจสอบว่าได้มาตรฐานไหม”
”ได้เลย”
เจียงเสี่ยวหยูพยักหน้าซ้ำ ๆ
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “เมียจ๋า หลังจากที่เสี่ยวหยูลงบัญชีให้แต่ละคน คุณก็จ่ายค่าจ้างให้เธอได้ อืม วันละ 1 หยวน”
”ได้”
หลินเจียอินพยักหน้า เธอรู้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋กำลังพยายามทำให้ครอบครัวของเขามีรายได้ด้วยวิธีต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับทุกคน ดังนั้นเธอเองก็สนับสนุนเขา และพูดกับเจียงเสี่ยวหยูด้วยรอยยิ้มว่า “เสี่ยวหยู เริ่มทำวันนี้เลยไหม เริ่มนับของแต่ละคนแล้วมาบอกพี่ได้เลย แล้วพี่จะจ่ายค่าจ้างให้”
”ได้ค่ะ ฉันจะเริ่มทำวันนี้”
เจียงเสี่ยวหยูดูมีความสุขมาก เธอตื่นเต้นที่จะได้เงินวันแรก
“เสี่ยวไป๋ แกจะให้เงินเสี่ยวหยูมากขนาดนี้ได้ยังไง เธอยังเด็กอยู่” หวังซิ่วจวี๋กล่าว
ให้ 1 หยวนต่อวัน งั้นก็เท่ากับ 30 หยวนต่อเดือน
ต้องรู้ก่อนว่าค่าจ้างของคนที่ทำงานในเมืองอยู่ที่ประมาณ 20 หยวนต่อเดือนเท่านั้น
เด็กตัวแค่นี้จะให้ค่าจ้างสูงกว่าคนงานในเมืองเลยหรือ ?
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “แม่ ผมไม่ได้เป็นคนให้ ผมเป็นคนจน ไม่มีเงินติดตัวแม้แต่หยวนเดียว เงินทั้งหมดอยู่ในมือของเจียอิน และเจียอินก็เป็นคนให้เงินเดือนเสี่ยวหยู ถ้าแม่ต้องการพูดอะไร ก็ไปคุยกับเธอเองละกัน”
เจียงเสี่ยวไป๋โยนปัญหาไปให้หลินเจียอินโดยตรง
”แก……”
หวังซิ่วจวี๋แทบหายใจไม่ออก ลูกสะใภ้อย่างหลินเจียอินนั้นทั้งสวย ขยัน และกตัญญู เรื่องนี้เธอจะไปตำหนิหลินเจียอินได้ยังไง
หลินเจียอินเองก็รู้สึกอายมาก เธอมองเขม็งไปที่เจียงเสี่ยวไป๋
“เมียจ๋า ผมจ้างเสี่ยวเหลยเหลาไม้ไผ่อันละ 1 เฟินนะ ผมขอตัวไปเตรียมเครื่องปรุงสำหรับวันพรุ่งนี้ก่อน”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกใจกับสายตาของหลินเจียอิน เขาจึงรีบชิงหนีไปก่อน
หลินเจียอินรู้สึกรำคาญผู้ชายคนนี้มาก
ผู้ชายน่าเบื่อ ไม่มียางอายคนนี้ กล้าเรียกเธอว่าเมียจ๋าต่อหน้าพ่อแม่และน้องๆ เขาไม่อายปากหรือไง
ทว่าทุกครั้งที่เขาเรียกฉันว่าเมียจ๋า ฉันกลับรู้สึกมีความสุขทุกครั้ง
เจียงเสี่ยวหยูเริ่มนับไม้ไผ่อย่างรวดเร็ว
เจียงไห่หยางเหลาได้ 2,060 อัน หวังซิ่วจวี๋เหลาได้ 1,583 อัน เจียงเสี่ยวเฟิงเหลาได้ 2,334 อัน หลัวเจาตี้เหลาได้ 1,512 อัน และเจียงเสี่ยวเหลยเหลาได้ 721 อัน รวมทั้งหมดที่พวกเขาเหลาได้คือ 8,210 อัน
เมื่อเห็นจำนวน หลินเจียอินก็เริ่มจ่ายให้แต่ละคน
เจียงไห่หยางได้เงินไป 2 หยวนและ 6 เฟิน
หวังซิ่วจวี๋ได้เงินไป 1 หยวน 5 เหมา 9 เฟิน
เจียงเสี่ยวเฟิงได้ 2 หยวน 3 เหมา 4 เฟิน
หลัวเจาตี้ได้ 1 หยวน 5 เหมา 2 เฟิน
แม้ว่าจะได้เงินไม่มากนัก แต่ทั้งสี่คนก็มีความสุขมาก
ในเวลาเพียงวันเดียว พวกเขามีรายได้รวมกันมากถึง 7 หยวน ซึ่งคุ้มค่ากว่าการปลูกมันขายทั้งฤดูเสียอีก
เจียงเสี่ยวเหลยกลับเป็นคนที่มีความสุขมากที่สุด เพราะเจียงเสี่ยวไป๋ให้ค่าจ่างเขาสูงกว่าคนอื่น และครั้งนี้เขายังได้มากถึง 7 หยวน 2 เหมา 1 เฟิน ซึ่งเท่ากับจำนวนเงินที่พ่อแม่ พี่ชาย และพี่สะใภ้ของเขาได้รวมกัน
และหลินเจียอินก็ให้เจียงเสี่ยวหยูอีก 1 หยวน
เจียงเสี่ยวหยูกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข เธอตะโกนออกมาว่า “ฉันก็ได้เงินเหมือนกัน”
เจียงเสี่ยวเหลยได้ยินแบบนั้นเขาก็เบะปากมองบนใส่น้องสาว และพูดว่า “ได้เพียง 1 หยวนทำมาเป็นดีใจ ฉันได้ตั้ง 7 หยวน มากกว่าเธออีก”
เจียงเสี่ยวหยูได้ยินแบบนั้นก็พูดว่า “ก็เพราะว่าพี่รองกับพี่ต่อรองราคากันลับหลังคนอื่นไง เขาให้ค่าจ้างพี่สูงกว่าคนอื่น ถ้าพี่ได้ค่าจ้างเท่าคนอื่น พี่ก็ได้เงินเพียง 7 เหมาเท่านั้นแหละ ซึ่งน้อยกว่าที่ฉันได้รับมาก”
เจียงเสี่ยวเหลยได้ยินแบบนั้นจึงไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง “เธอเองก็ขอพี่รองไม่ใช่หรือ ไม้ไผ่ก็ไม่ได้เหลาเหมือนคนอื่นเขา เธอแทบไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ แรงก็ไม่ได้ใช้ พี่สะใภ้ก็จ่ายเงินให้เธอแล้ว”
เมื่อเห็นสองพี่น้องทะเลาะกัน หลินเจียอินก็รีบพูดว่า “เสี่ยวเหลยอย่าว่าน้องแบบนั้น เธอเก่งคณิตศาสตร์ และเงินที่เธอได้ก็มาจากความสามารถของเธอเอง การทำบัญชีก็เป็นการใช้แรงงานอย่างหนึ่ง”
จากนั้นเธอก็พูดต่อ “นอกจากนี้ พี่รองของพวกเธอก็จ้างพวกเธอทั้งสองเยอะพอ ๆ กัน นั่นก็เป็นเพราะเขาอยากช่วยให้พวกเธอหารายได้ด้วยตัวเอง เพื่อที่ในอนาคต พวกเธอจะได้หาเงินเป็น โตไป เราทุกคนต้องไปแข่งขันกับคนอื่น จะไม่มีใครมาสนับสนุนแบบนี้หรอกนะ”
“เธอเห็นไหมว่าการที่น้องสาวเรียนเก่ง แค่เธอมาทำบัญชีแปปเดียว เธอก็ได้เงินไป 1 หยวนอย่างง่ายดาย ซึ่งมากกว่าคนที่นั่งเหลาไม้ไผ่มาทั้งวันเสียอีก”
“นี่คือประโยชน์ของการศึกษา”
“พี่รองของพวกเธอก็หวังว่าพวกเธอจะตั้งใจเรียนให้จบสูง ๆ เพื่อที่ในอนาคตจะได้มีการมีงานทำที่มันสบาย ได้เงินง่าย โดยที่ไม่ต้องเอาแรงกายมาแลกกับเงินเหมือนคนที่เรียนไม่สูงอย่างพวกเรา”
เจียงเสี่ยวเหลยลดศีรษะลงเมื่อเธอได้ยินคำพูดเหล่านี้
“พี่สะใภ้ ผมเองก็ไม่ได้อยากเอาเปรียบคนอื่นแบบนี้ ผมก็อยากหาเงินได้ด้วยความสามารถของผมเอง เพราะผมเชื่อว่าผมก็ทำได้ดีกว่าคนอื่น”
เจียงเสี่ยวเหลยกัดฟันและพูดออกมา เขากำเงิน 7 หยวนในมือไว้แน่น ก่อนจะยื่นให้หลินเจียอินไป 6 หยวน เหลือไว้ที่เขา 1 หยวนด้วยความเจ็บปวด “พี่สะใภ้ คิดค่าจ้างของผมเท่ากับพ่อแม่ก็ได้ ”
“แน่ใจนะว่าจะไม่เอาเงินนี่ ? ”
หลินเจียอินเอามือจิ้มหน้าผากของเจียงเสี่ยวเหลย “พี่รองของเธอ รับปากไว้แล้วว่าจะจ้างเธอในราคานี้ ก็ต้องทำตามนั้น เธอรับไปเถอะ มันไม่ผิดหรอก อย่างน้อย นี่ก็เป็นความสามารถในการพูดโน้มน้าวใจผู้อื่นที่คนอื่นไม่มีเหมือนเธอ”
หลังจากคิดเรื่องนี้สักพัก เธอก็พูดต่อ “แต่ถึงอย่างไร แม้ว่าจะมีคนคอยสนับสนุนเธอ เธอก็ต้องใช้ความสามารถที่มี ทำให้เต็มที่ที่สุด อยากคิดว่าเหนือกว่าผู้อื่น เพียงเพราะมีคนสนับสนุน”
”อืม”
เจียงเสี่ยวเหลยพยักหน้าอย่างหนัก “พี่สะใภ้ ฉันจะจำไว้”
หลังจากที่หลินเจียอินเดินออกมา เจียงไห่หยางและหวังซิ่วจวี๋ก็ได้แต่พยักหน้าชื่นชม เจียอินคนนี้เป็นคนที่มีคุณธรรมมาก สมกับเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขาจริง ๆ
ตลอดทั้งคืน พวกเขาก็ได้แต่พูดชื่นชมเธอ
ในเช้าตรู่ของอีกวัน เจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้ตื่นแต่เช้าตรู่ เตรียมทำอาหารเช้าให้ภรรยาและลูกสาวของเขา แต่ก็เห็นว่าหลินเจียอินได้ตื่นขึ้นมาแล้ว
“ตื่นเช้าจัง ทำไมไม่นอนต่ออีกหน่อยละ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวด้วยความกังวล
หลินเจียอินกล่าวว่า “วันนี้คุณก็ไม่ต้องขนมันฝรั่งเข้าไปในเมืองแล้ว ฉันจึงคิดว่าจะเข้าไปในเมืองด้วยกันกับคุณ”
อ่า ?
เจียงเสี่ยวไป่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา และพูดว่า “เมียจ๋า หากคุณต้องการจะไปตรวจสอบว่าผมทำอะไรกับใครที่ไหนยังไง ไม่มีปัญหา คุณเป็นเมียของผมอยู่แล้ว สามารถจับผิดผมได้ตลอดเวลา”
“อ่า……”
หลินเจียอินจ้องไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความโกรธ เธอล่ะเชื่อจริง ๆ ชายคนนี้หน้าด้านไร้ยางอาย เธอไม่ได้หมายความแบบนั้นซะหน่อย
”ไปจับผิดงั้นหรือ คิดแต่เรื่องอะไรของคุณ”
หลินเจียอินพูดออกมาด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว เธอหันหลังกลับและออกจากห้องครัวเพื่อไปสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำ
ต้องบอกว่าตั้งแต่ที่เธอเช็ดก้นด้วยกระดาษชำระที่เจียงเสี่ยวไป๋ซื้อมาให้ เธอก็รู้สึกสบายก้นขึ้นมาก
มันให้ความรู้สึกนุ่มละมุน เช็ดสะอาด ไม่เลอะมือ
หลังจากคิดถึงเรื่องนี้ หลินเจียอินก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
เมื่อหลินเจียอินออกมาล้างหน้าล้างตา เจียงเสี่ยวไป๋ก็พูดว่า “เมียจ๋า ในเมื่อคุณต้องการเข้าเมืองกับผม คุณก็ควรพาชานชานไปด้วย”
เดิมทีหลินเจียอินต้องการเอาชานชานไปฝากที่บ้านปู่ของเธอ แต่เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋พูดแบบนี้ออกมา เธอจึงพยักหน้าตกลง พอล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ เธอก็ไปปลุกเจียงชานให้ตื่น
เจ้าตัวเล็กไม่ค่อยคุ้นชินกับการตื่นเช้านัก การที่หม่าม๊ามาปลุกแต่เช้าแบบนี้จึงทำให้เธอโกรธ แต่เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋บอกว่าจะพาเธอเข้าเมืองด้วย เธอก็ตะโกนออกมาด้วยความดีใจทันที
“โอ้ หนูจะได้เข้าเมืองแล้ว หนูจะได้เข้าเมืองแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋ก็มีความสุขเช่นกัน หลังจากเกิดใหม่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้พาภรรยาและลูกสาวไปเที่ยวในเมืองด้วยกัน ซึ่งเขาก็ตั้งใจว่าจะซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ทั้งสองคนด้วย