ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 371 :เพื่อนร่วมชั้นพบกัน
ตอนที่ 371 :เพื่อนร่วมชั้นพบกัน
เจียงเสี่ยวไป๋เดินตามหลี่ไคเซียนเข้าไปในห้องทำงาน
หลังจากสนทนากัน เขาจึงได้เรียนรู้ว่าหลี่ไคเซียนไม่เพียงแต่เป็นอธิการบดีโรงพยาบาลท้องถิ่นชิงโจวเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์ที่มีชื่อเสียงและเป็นคุณหมอผู้มีความสามารถระดับสูงที่ได้รับเบี้ยเลี้ยงพิเศษจากสภากิจการรัฐบาลอีกด้วย
ในชีวิตมนุษย์เรา สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการทรมานจากการเป็นโรคต่าง ๆ บางครั้งการมีแพทย์ที่เก่งและมีความสามารถรอบด้านเป็นเพื่อนก็ถือเป็นสิ่งดีเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้เอง เจียงเสี่ยวไป๋จึงมีใจอยากผูกมิตรเป็นเพื่อนกับแพทย์เก่ง ๆ สักคน และเขาก็ตอบตกลงเรื่องบริจาคเครื่องอัลตราซาวด์กันอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม การซื้อเครื่องอัลตราซาวด์ในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องนำเข้าจากต่างประเทศเท่านั้น
อธิการบดีหลี่คาดการณ์ว่า แม้จะเริ่มติดต่อซื้อเครื่องอัลตราซาวด์ตอนนี้ แต่น่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 เดือนกว่าที่เครื่องจะส่งมาถึงโรงพยาบาล
สิ่งนี้ทำให้เจียงเสี่ยวไป๋ค่อนข้างเสียดาย เฮ้อ……ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 เดือนกว่าจะรู้ว่าภรรยาของเขากำลังตั้งครรภ์ลูกแฝดหรือไม่
หลังจากแลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์กับหลี่ไคเซียนแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็บอกลาและเดินออกไปนอกโรงพยาบาลไปพร้อมกับหลินเจียอิน
“เฮ้……เจียงเสี่ยวไป๋ ! หลินเจียอิน ! ”
ทันทีที่พวกเขาเดินไปที่ประตู เขาก็ได้ยินเสียงหนึ่ง
เจียงเสี่ยวไป๋หันกลับมาและเห็นว่าคนที่เรียกเขาคือหยางเจี๋ย และถัดจากหยางเจี๋ยคือหลี่่ม่านม่าน
เขาหันไปมองหลินเจียอิน แล้วเดินเข้าไป
“สวัสดีทุกคน ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ทักทายด้วยรอยยิ้ม
“ไม่คิดว่าจะได้พบพวกเธอสองคนที่นี่ ! ” หยางเจี๋ยดูมีความสุขมาก เธอเหลือบมองหน้าท้องที่นูนออกมาเล็กน้อยของหลินเจียอิน แล้วพูดด้วยความประหลาดใจ “อ้าว เจียอิน เธอตั้งท้องอีกแล้วหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “เธอตั้งท้องได้สักพักแล้ว ฉันพาเธอมาตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล ทำไมพวกเธอถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ ? ”
หยางเจี๋ยกล่าวว่า “ม่านม่านสุขภาพไม่ดี ฉันจึงพาเธอมาให้คุณหมอตรวจสุขภาพ”
เจียงเสี่ยวไป๋มองไปที่หลี่่ม่านม่าน และเห็นว่าเธอดูผอมลงกว่าครั้งสุดท้ายที่เขาพบเธอ ใบหน้าของเธอดูซีดเซียวจนแทบไม่มีเลือดฝาด เธอกำลังยืนเหมือนดอกลิลลี่ที่ใกล้จะเหี่ยวเฉาเต็มที
“ได้ผลตรวจแล้วหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ถามด้วยความเป็นห่วง
หยางเจี๋ยถอนหายใจ “หมอไม่ได้บอกอะไรเลย เขาแค่แนะนำให้เธอไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลใหญ่ในเจียงเฉิง เฮ้อ ที่นี่เป็นโรงพยาบาลท้องถิ่น แต่กลับตรวจไม่พบโรคอะไรเลย มันล้าหลังมาก ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกแบบเดียวกับเธอ จึงพูดว่า “ใช่ การแพทย์ในปัจจุบันยังล้าหลังเกินไป หลี่ม่านมาน เธอควรไปตรวจสุขภาพที่เจียงเฉิงนะ”
ร่างกายของหลี่่ม่านม่านสั่นเทาเล็กน้อย แววตาคู่สวยของเธอมีแสงประกายเล็ก ๆ : นี่เขากำลังเป็นห่วงฉันใช่ไหม ?
เธอยิ้มและพูดว่า “ที่จริงแล้วฉันสบายดี ขนาดให้คุณหมอตรวจแล้วก็ยังไม่พบความผิดปกติอะไร นั่นหมายความว่าฉันไม่ได้ป่วยหนักอะไรหรอก ! ”
หยางเจี๋ยจ้องเธอตาเขียวปัด “ไม่เป็นอะไรได้อย่างไร แล้วทำไมเธอถึงเป็นลมล่ะ ? ”
หลี่่ม่านม่านตื่นตระหนกขึ้นทันที เธอดึงหยางเจี๋ยแล้วรีบพูดขึ้นว่า “เสี่ยวหยาง อย่าพูดเรื่องไร้สาระ ! ”
หยางเจี๋ยพูดว่า “ฉันไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่ทั้งสองพูด หลี่่ม่านม่านเป็นลมหมดสติ นั่นหมายความว่าอาการป่วยของเธอค่อนข้างร้ายแรง เขาจึงพูดว่า “หลี่่ม่านม่าน ฉันว่าเธอควรไปตรวจสุขภาพอย่างละเอียดนะ ฉันบังเอิญรู้จักอธิการบดีหลี่ของโรงพยาบาลท้องถิ่นชิงโจว เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์ ฉันจะพาเธอไปหาเขา และขอให้เขาตรวจอาการป่วยให้เธอดีกว่า”
หลี่ม่านมานโบกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องหรอก เป็นเพราะหยางเจี๋ยกังวลเกินไป ฉันไม่เป็นอะไรจริง ๆ ”
หลินเจียอินเหลือบมองหลี่่ม่านม่าน และเห็นว่าอาการของเธอดูแย่มาก เธอจึงพูดว่า “ม่านม่าน พวกเราต่างก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ถ้าเธอไม่ยอมให้เสี่ยวไป๋พาเธอไปหาอธิการบดีหลี่ งั้นฉันจะพาเธอไปที่นั่นเอง ! ”
หลี่่ม่านม่านกล่าวว่า “เจียอิน ขอบคุณนะ แต่ฉันไม่เป็นอะไรจริง ๆ ! ”
เมื่อเห็นความดื้อรั้นของเธอ หลินเจียอินก็เหลือบมองเจียงเสี่ยวไป๋อย่างช่วยไม่ได้
หยางเจี๋ยกางมือของเธอออกอย่างหมดหนทางเช่นกัน แล้วพูดว่า “ดูสิ เธอดื้อมาก ! มันไม่ง่ายเลยที่จะโน้มน้าวให้เธอไปน่ะ”
เจียงเสี่ยวไป๋ก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากพูดว่า “เอาล่ะ งั้นเธอก็ดูแลตัวเองด้วย ! ”
“อืม”
หลี่่ม่านม่านพยักหน้าและพูดกับหลินเจียอินว่า “ยินดีกับเธอที่ตั้งครรภ์ด้วยนะ เธอเองก็ดูแลสุขภาพด้วย ! ”
หลินเจียอินยิ้มและกล่าวขอบคุณ “ยากมากกว่าที่เราจะได้พบกันแบบนี้ งั้นวันนี้ฉันจะเลี้ยงกุ้งอบน้ำมันพวกเธอเอง ! ”
“ไม่ต้องหรอก……”
ก่อนที่หลี่ม่านมานจะพูดจบ หยางเจี๋ยก็ขัดจังหวะเธอทันทีและพูดอย่างมีความสุขว่า “ตกลง ! ฉันอยากกินกุ้งเครย์ฟิชมานานแล้ว มันบังเอิญที่ม่านม่านกลับมาในวันนี้และมีเจ้านายใหญ่อย่างเธอมาเลี้ยงอีก ฉันจะกินให้เต็มที่เลย ! ”
“ไม่มีปัญหา กินให้เต็มที่เลยนะ ! ” หลินเจียอินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ร้านกุ้งอบน้ำมันที่ใกล้กับโรงพยาบาลท้องถิ่นมากที่สุดคือร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงสาขาหลัก เจียงเสี่ยวไป๋ขับรถพาสามสาวมาถึงที่ร้านอย่างรวดเร็ว
“ยินดีต้อนรับค่ะ ! ”
เมื่อทั้งสี่คนเดินเข้าไปในร้าน พนักงานก็โค้งคำนับอย่างกระตือรือร้นและกล่าวสวัสดี
นี่เป็นครั้งแรกที่หยางเจี๋ยและหลี่่ม่านม่าน ได้เห็นรูปแบบการต้อนรับดังกล่าว และพวกเธอรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย ดังนั้นพวกเธอจึงตอบกลับไปว่า “สวัสดีค่ะ ! ”
พนักงานยิ้ม และหันไปทักทายหลินเจียอินอีกครั้ง
หลินเจียอินกล่าวว่า “จัดห้องส่วนตัวให้เราและเสิร์ฟกุ้งอบน้ำมันเกรด A ขึ้นโต๊ะด้วย”
“ได้ค่ะ ผู้จัดการหลิน ! ”
พนักงานพาทั้งสี่คนไปที่ห้องส่วนตัวด้านในสุด
“สวัสดี ผู้จัดการหลิน ! ”
“สวัสดีค่ะ ผู้จัดการหลิน ! ”
“……”
ระหว่างทาง เมื่อพนักงานเสิร์ฟเห็นหลินเจียอิน ทุกคนต่างก็ทักทายเธอ และเมื่อหยางเจี๋ยกับหลี่่ม่านม่านเห็นฉากนี้ พวกเธอก็อดทึ่งและมองหน้ากันไม่ได้ พวกเธอรู้สึกเหมือนหลินเจียอินเป็นเหมือนราชินี
หยางเจี๋ยไม่ได้เป็นคนคิดมาก แต่เธอก็รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย เธอคิดว่าผู้หญิงควรได้มีชีวิตเหมือน หลินเจียอิน
หลี่่ม่านม่านไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้มากนัก เธอรู้สึกว่าคนไม่เท่าเทียมกันและมีความแตกต่างระหว่างชนชั้น ทำให้ตอนนี้เธอนึกถึงหมู่บ้านซานฮวาที่ดวงตาของเด็ก ๆ เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ และรอยยิ้มของชาวบ้านก็เรียบง่าย เหมือนกับดอกไม้ป่าบนภูเขาตะวันออก ไม่ว่าดอกไม้จะมีขนาดเท่าใดหรือสีของกลีบดอกจะแตกต่างกันแค่ไหน แต่ดอกไม้เหล่านั้นก็สามารถพลิ้วไหวตามสายลมบนภูเขาได้อย่างเท่าเทียม
หลังจากเข้าไปในห้องส่วนตัวแล้ว พนักงานเสิร์ฟก็รีบเสิร์ฟอาหาร มีทั้งกุ้งอบน้ำมัน กุ้งกระเทียม กุ้งนึ่ง และเมนูพะโล้อีกหลายชนิด
“ว้าว นี่กุ้งอบน้ำมันใช่ไหม ! ”
“มันดูสวยและมีกลิ่นหอมมาก ! ”
หยางเจี๋ยตะโกนอย่างตื่นเต้น เธอคีบกุ้งเครย์ฟิชไปให้หลี่ม่านม่าน แล้วพูดว่า “ม่านม่าน รีบกินซะ กุ้งนี้ได้รับความนิยมในชิงโจวเลยนะ ! ”
“ขอบคุณ ! ”
หลี่่ม่านม่านพูดอย่างสุภาพและมองหยางเจี๋ยด้วยรอยยิ้ม เพื่อนคนนี้แม้จะเจอกับอาหารโปรดของตน แต่ก็ยังแบ่งปันให้กับเธอก่อนเสมอ
การมีเพื่อนแบบนี้ในชีวิตมันช่างอบอุ่นใจจริง ๆ !
เจียงเสี่ยวไป๋รู้ว่านี่เป็นครั้งแรกของหยางเจี๋ยและหลี่่ม่านม่านที่ได้กินกุ้ง ดังนั้นเขาจึงหยิบมันขึ้นมาหนึ่งตัว และบอกพวกเธอถึงวิธีการกินกุ้งที่ถูกต้อง
ไม่นาน ทั้งสี่คนก็เริ่มรับประทานอาหาร
“เจียงเสี่ยวไป๋ ไม่น่าแปลกใจเลยที่นายร่ำรวยขนาดนี้ กุ้งเครย์ฟิชนี้อร่อยมาก ! ”
ปากของหยางเจี๋ยเต็มไปด้วยน้ำมันหลังจากรับประทานอาหาร และเธอก็ไม่ลืมที่จะชื่นชมเพื่อน
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าชอบกิน ก็มาที่นี่บ่อย ๆ นะ ! ”
ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมชั้นในช่วงทศวรรษ 1980 ยังคงเรียบง่ายและมีแต่ความจริงใจ ไม่เหมือนกับคนรุ่นหลังที่พอกลับมาพบเจอกัน ก็มีแต่การเปรียบเทียบและผลประโยชน์มากมาย เจียงเสี่ยวไป๋สนุกกับการกลับมารวมตัวของเพื่อนร่วมชั้นแบบนี้
หยางเจี๋ยส่ายหัว “อาหารที่นี่อร่อย แต่ค่อนข้างมีราคาแพง ฉันไม่มีรายได้มากนัก ไม่สามารถมากินที่นี่บ่อย ๆ ได้”
หลินเจียอินกล่าวว่า “เราต่างก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นเก่า ถ้าเธออยากกินกุ้งอีก ในอนาคตเพียงแค่บอกชื่อฉันให้กับพนักงานเสิร์ฟ เราให้เธอกินฟรีได้เลย”