ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 372 :เธอโบกมือลาเมฆบนท้องฟ้าตะวันตก
- Home
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 372 :เธอโบกมือลาเมฆบนท้องฟ้าตะวันตก
หยางเจี๋ยยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้อง ไม่ต้อง แค่เธอเลี้ยงเรามื้อนี้ เราก็พอใจแล้ว”
หลินเจียอินยิ้ม เธอเห็นว่าหยางเจี๋ยไม่ใช่คนโลภ ไม่ใช่คนประเภทที่ชอบเอาเปรียบใคร
คนแบบนี้นิสัยน่ารัก
เธอจึงพูดว่า “เจียงเสี่ยวไป๋คิดค้นวิธีกินกุ้ง นอกจากจะคิดค้นวิธีกินกุ้งแล้ว เขายังสามารถทำอาหารได้หลายอย่าง เช่น ข้าวต้มหัวปลา หัวปลาหม้อไฟ เป็นต้น”
“ยังมีหม้อไฟที่อร่อยที่สุดด้วยนะ ! ”
“รอเราเปิดร้านในเร็ว ๆ นี้ แล้วเราจะเชิญเธอกับม่านม่านมาลองชิม ! ”
“ตกลง ! ” หยางเจี๋ยไม่ปฏิเสธ เธอตอบตกลงทันที
เธอเป็นคนชอบกิน เมื่อเธอได้ยินว่ามีอาหารอร่อยมากมาย เธอก็ถามอย่างใจจดใจจ่อ
หลินเจียอินอธิบายให้เธอฟังอย่างอดทน ขณะที่หลี่ม่านม่าน ตั้งใจฟังอย่างเงียบ ๆ เมื่อเธอได้ยินอาหารหลายอย่างที่เตรียมไว้สำหรับหม้อไฟ ดวงตาของเธอก็เป็นประกายและดูเหมือนเธอจะสนใจหม้อไฟมาก
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ หยางเจี๋ยก็พูดว่า “เจียงเสี่ยวไป๋ ฉันไม่คิดเลยว่านายจะทำอาหารเก่งขนาดนี้ เมื่อร้านหม้อไฟของนายเปิดกิจการ ฉันอยากจะให้นายทำอาหารให้ฉันและม่านม่านเป็นการส่วนตัวด้วย อิอิ นายเป็นเพื่อนร่วมชั้นเก่า ดังนั้นฉันจะไม่เกรงใจนายล่ะนะ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้ายิ้มรับ
แต่หลี่่ม่านม่านกล่าวว่า “หม้อไฟฟังดูดีมาก ! แต่ฉันคงมาไม่ได้ เพราะที่ทำงานของฉันอยู่ไกลเกินไป ! ”
คำพูดของเธอแฝงความเสียใจและความเสียดาย
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ไม่เป็นไร ไว้ตอนเธอกลับมาเมื่อไร ฉันจะทำให้เธอกินอีกครั้ง ! ”
“ขอบคุณนะ ! ” หลี่ม่านม่านยิ้ม รู้สึกหวานชื่นในใจ
พวกเขาทั้งสี่คนคุยกันและกินอาหารเสร็จอย่างรวดเร็ว
“พวกเธอจะไปไหนกันต่อ ? ฉันจะไปส่งพวกเธอ ! ” เจียงเสี่ยวไป๋พูดกับหยางเจี๋ยและหลี่่ม่านม่าน หลังจากออกจากร้าน
หยางเจี๋ยโบกมือ “ไม่ต้องหรอก เราอิ่มเกินไปแล้ว ม่านม่านและฉันจะเดินเล่นไประหว่างทางที่เราไปทำธุระ”
“ตกลง ถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรก็ติดต่อมาหาฉันได้นะ ! ” เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างเป็นกันเอง
หยางเจี๋ยพูดว่า “ฉันเข้าใจ ฉันจำเบอร์โทรศัพท์ที่ทำงานของนายได้ ไว้ในอนาคตฉันจะขอมาฝากท้องที่ร้านนายแล้วกัน”
หลังจากนั้น เธอก็ทักทายหลินเจียอินและจากไปพร้อมกับหลี่่ม่านม่าน
เมื่อหลี่ม่านม่านหันกลับมา เธอโบกมือให้เจียงเสี่ยวไป๋และหลินเจียอิน และร่างที่สูงผอมของเธอก็ค่อย ๆ หายไปจากสายตาของพวกเขา……
เป็นเวลาบ่ายแล้ว ดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าตะวันตกก็สว่างเจิดจ้าและมีเมฆสีครามบนท้องฟ้า เจียงเสี่ยวไป๋นึกถึงบทกวีหนึ่งขึ้นมาในทันที
เธอจากไปอย่างอ่อนโยน เช่นเดียวกับตอนที่เธอมา;
เธอโบกมือเบา ๆ ลาก่อนเมฆบนท้องฟ้าตะวันตก
……
ในช่วงเวลาถัดมา เจียงเสี่ยวไป๋งานยุ่งมาก
ในชิงโจวมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์หลัก 5 รายการของโรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลืองออกสู่ตลาด อีกทั้งโรงงานเครื่องปรุงรสได้หยุดผลิตเครื่องปรุงรสกุ้งอบน้ำมันสำเร็จรูปชั่วคราว และเปลี่ยนไปผลิตเครื่องปรุงรสหม้อไฟสำเร็จรูปแทน นอกจากนี้เขายังเตรียมการตกแต่งร้านโยวผิ่น รับสมัครนักลงทุน…
นอกจากนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ยังเลือกสถานที่ที่จะเปิดร้านข้าวต้มหัวปลาและหัวปลาหม้อไฟ และทั้งสองร้านจะเปิดให้บริการเร็ว ๆ นี้
ที่เจี้ยนหยาง โรงงานผลิตอาหารกระป๋องเริ่มก่อสร้าง และเมล็ดแตงโม 5 รส ถั่วลิสง 5 รสและเค้กที่รักเข้าสู่ขั้นตอนการผลิตจำนวนมาก…
แบบร่างคลังสินค้าและบริษัทโลจิสติกส์ที่เจียงเฉิงถูกส่งไปทางไปรษณีย์ถึงลู่จือเจี้ยนแล้ว ทั้งสองสื่อสารทางโทรศัพท์หลายครั้ง และลู่จือเจี้ยนกำลังดำเนินการร่างแบบในภายหลังให้เสร็จ
การก่อสร้างโรงงานเฟสแรกในเจี้ยนหยางเสร็จแล้ว และสามารถเริ่มการก่อสร้างได้หลังจากร่างแบบแปลนสมบูรณ์แล้ว
ส่วนเรื่องการรวมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ก็อยู่ในวาระการประชุมเช่นกัน เจียงเสี่ยวไป๋พูดคุยกับหวังผิง เฉินหยวนเฉา ถานชิงซาน และคนอื่นตามลำดับ
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือ เมื่อจวงปี้เฉิงและช่างไม้ถานรู้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋ต้องการตั้งกรุ๊ปบริษัท ทั้งคู่หวังว่าจะได้ร่วมงานกับเจียงเสี่ยวไป๋ และแสดงความเต็มใจที่จะเข้าร่วมกรุ๊ปบริษัทของเขา
ในเรื่องนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ยังไม่ได้แสดงท่าทีอะไรในขณะนี้
ทั้งวันเขาหมกมุ่นอยู่กับการเขียนแผนการตลาดสำหรับนมถั่วเหลือง แต่ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไป เขาเห็นจางชุ่ยฮวายืนอยู่ที่ประตูด้วยรอยยิ้ม
“โอ้ คนสวยมาแล้ว ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋วางปากกาในมือลงแล้วทักทายด้วยรอยยิ้ม
“น้องชุ่ยฮวา เข้ามานั่งสิ ! ” หลินเจียอินหันไปมองค้อนเจียงเสี่ยวไป๋ ผู้ชายคนนี้กล้าเรียกสาวอื่นว่า ‘คนสวย’ ต่อหน้าเธอ เขาชักจะกล้าหาญมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
จางชุ่ยฮวากล่าวทักทายหลินเจียอิน และเข้ามาในห้องเพื่อนั่งลง
หลังจากที่เฉินซินชงชาแล้ว หลินเจียอินก็ถามว่า “น้องชุยฮวามาที่นี่มีธุระอะไรหรือเปล่า ? ”
จางชุ่ยฮวากล่าวว่า “คนรักของพี่ชวนฉันตั้งโรงงานผักกาดดองกับเขาครั้งที่แล้ว ตอนนี้ฉันคิดดูแล้ว”
หลินเจียอินเหลือบมองเจียงเสี่ยวไป๋ เธอไม่เคยได้ยินเจียงเสี่ยวไป๋พูดถึงเรื่องนี้มาก่อน
เจียงเสี่ยวไป๋ตกใจกับการจ้องมองของภรรยา เขารีบพูดอย่างรวดเร็วว่า “ครั้งสุดท้ายที่คุณอยู่ที่เจี้ยนหยาง ชุ่ยฮวามาช่วยเราทำผักดอง ผมก็เลยคุยเรื่องนี้กับเธอ”
เขาหันไปหาจางชุ่ยฮวา แล้วพูดว่า “มันนานมากแล้ว ผมคิดว่าคุณจะไม่ทำแล้ว ! ”
จางชุ่ยฮวากล่าวว่า “ฉันต้องใช้เวลาทำรื่องลาออกนานหน่อย ดังนั้นจึงล่าช้าไปสองสามวัน”
เจียงเสี่ยวไป๋มองเธออย่างลึกซึ้ง แต่เขาไม่คิดว่าเธอจะลาออกจากงานด้วยซ้ำ เธอเป็นผู้หญิงที่กล้าหาญจริง ๆ เขาจึงพูดว่า “ยังไม่สายเกินไป ผมเพิ่งมีเวลาว่างในช่วงนี้ ถ้าพร้อมแล้วเราจะตั้งโรงงานผักกาดดองทันที”
หลินเจียอินไม่เคยมีส่วนร่วมในการตั้งโรงงานมาก่อน
คราวนี้ เจียงเสี่ยวไป๋จึงขอให้หลินเจียอินและเฝิงเยี่ยนหงเข้าร่วมพูดคุยเกี่ยวกับการจัดตั้งโรงงานผักกาดดองด้วยกัน
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา แผนการสำหรับโรงงานผักกาดดองชิงโจวก็ได้รับข้อสรุป
ในแผนนี้ ส่วนของบรรจุภัณฑ์ผักดองจากโรงงานผักกาดดองชุ่ยฮวาแบ่งออกเป็นสองประเภท คือแบบถุงซีลอาหารดอง และโถเครื่องปั้นดินเผามีฝาแข็งปิด
นอกจากนี้ ตัวผลิตภัณฑ์ยังมีความหลากหลาย โดยส่วนใหญ่เป็นผักกาดดองแบบดั้งเดิมที่ทำจากผักกาดขาว และเพิ่มผักต่าง ๆ เช่น ขิงดอง กระเทียมดอง กระเทียมดองหวาน และถั่วฝักยาวดอง
นอกจากนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ยังได้ลองพิจารณาถึงผักดองอู๋เจียงและผักดอกฝูหลิงที่นำ ‘จ้าไช่’ หรือที่รู้จักกันในนาม ‘ผักเสฉวน’ มาทำเป็นผักดองจนขึ้นชื่อไปทั่วโลก เขาจึงตั้งใจจะทำ ‘ผักดองชิงเจียง’ จากผักจ้าไช่ภายใต้แบรนด์ชุ่ยฮวาด้วย และเขาจะทำขนาดถุงเล็ก ๆ แบบพร้อมทาน เพื่อให้ขายง่าย
เหตุผลที่เขาผลิตผลิตภัณฑ์จำนวนมากในคราวเดียว ก็เพราะได้การมีส่วนร่วมของหลินเจียอิน และเฝิงเยี่ยนหง เมื่อก่อนพวกเธอเคยเป็นแม่ครัวฝีมือดีและรู้เรื่องผักดอง ทำให้การสนทนานี้จึงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้ถือสาอะไร เพราะถึงอย่างไรก็แค่เพิ่มผลิตภัณฑ์ขึ้นมาเท่านั้น
นอกจากนี้ เขาตั้งใจว่าจะไม่ใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์ใด ๆ ที่ใช้กับโรงงานทั่วไป เขาวางแผนที่จะสร้างโรงงานผักกาดดองดองที่ทำด้วยมือล้วน ๆ เขาจะใช้ฝีมือแบบดั้งเดิมเป็นจุดขายและเดินตามเส้นทางวัฒนธรรม จากนั้น เขาก็จะสร้างโรงงานที่สืบทอดมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมและแบรนด์เก่าแก่นับศตวรรษ
ดังนั้น ในการก่อสร้างโรงงาน เขาจึงไม่ได้วางแผนที่จะสร้างเป็นอาคารโรงงานมาตรฐานที่ทันสมัยเหมือนโรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลือง แต่เขาวางแผนที่จะสร้างบ้านอิฐเก่าที่มีลักษณะทางชาติพันธุ์แทน ซึ่งจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมอาหารและหัตถกรรมแบบดั้งเดิมในอีกหลายสิบปีข้างหน้า
ผู้หญิงสามคนกำลังพูดคุยอย่างตื่นเต้นเกี่ยวกับโรงงานผักกาดดอง ในขณะที่เจียงเสี่ยวไป๋ก็มีรอยยิ้มบนริมฝีปากของเขาเช่นกัน
“เมียจ๋า ผมจะไปหารองนายกเทศมนตรีจาง และดูสถานที่สำหรับตั้งโรงงานผักกาดดอง ! ”