ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 375 :ทบทวนตนเองสามประการ
ตอนที่ 375 :ทบทวนตนเองสามประการ
ในการทบทวนครั้งที่สอง ความจำของเด็กน้อยทั้งสองนั้นแม่นยำขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเจียงเสี่ยวไป๋ได้ช่วยแก้ให้เพียง 5 ครั้งเท่านั้น
ดังนั้น เขาจึงให้เด็กน้อยทบทวนเกมหมากรุกต่อไป
จนกระทั่งการทบทวนครั้งที่ 4 ในที่สุด เจียงเสี่ยวไป๋ก็ไม่จำเป็นต้องช่วยเด็กน้อยทั้งสองแล้ว และทั้งสองคนก็ได้เสร็จสิ้นการทบทวนเกมหมากรุกของตนเองแล้ว
“ป่าป๊า แบบนี้ได้แล้วใช่ไหมคะ ? ” เจียงชานถาม
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหัว “การจดจำเกมหมากรุกทั้งหมดเป็นเพียงข้อกำหนดพื้นฐานสำหรับการทบทวน พ่อบอกหนูแล้วไม่ใช่หรือว่าจุดประสงค์ของการทบทวนคือการสรุปและตรวจสอบว่าหนูทำผิดจุดไหนและจุดไหนทำได้ดี ? ”
“ตอนนี้ หนูกับเสี่ยวกังทบทวนเกมอีกครั้ง แก้ไขข้อผิดพลาด และดูว่าเกมหมากรุกจะพัฒนาไปในรูปแบบใด”
“ค่ะ ! ”
เจียงชานพยักหน้ารับและทบทวนเกมหมากรุกกับหวังกังอีกครั้ง โดยมีเจียงเสี่ยวไป๋ยืนดูจากด้านข้าง
ครั้งนี้ได้เห็นข้อผิดพลาดและแก้ไขหลายตำแหน่ง ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงถึงจะเสร็จ
เจียงชานกล่าวว่า “ป่าป๊าคะ การทบทวนซ้ำน่าสนใจมาก ! หนูไม่รู้ว่าหนูทำผิดตรงไหนมาก่อน แต่หลังจากเล่นซ้ำ หนูรู้แล้ว มันคือ…ความรู้สึกรู้แจ้งอย่างกะทันหัน”
หวังกังยังกล่าวอีกว่า “คุณลุง ผมเองก็ได้เรียนรู้ประสบการณ์บางอย่างแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋มองดูเด็กน้อยสองคนด้วยรอยยิ้มบนริมฝีปาก “ตราบใดที่พวกหนูพบความรู้นั้น พวกหนูสามารถทบทวนเกมได้หลังจากเกมถัดไป”
เจียงชานและหวังกังต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวต่ออีกว่า “พวกหนูสามารถเล่นหมากรุกแบบสองคนและทบทวนเกมด้วยกัน หรือสามารถทบทวนเกมคนเดียวได้ ด้วยวิธีนี้ เมื่อหนูกำลังจะวางหมากตอนเล่นหมากรุกกับฝ่ายตรงข้าม เราจะได้รู้ความตั้งใจของคู่ต่อสู้ในการเล่นหมากรุกได้ด้วย ด้วยวิธีนี้จะสามารถทำให้ความคิดของเราเปิดกว้างขึ้น”
“อื้ม ! ”
“อื้ม ! ”
เด็กน้อยทั้งสองต่างก็เห็นด้วย
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ชีวิตเราก็เหมือนหมากรุก หลังจากเล่นหมากรุกแล้ว เราสามารถทบทวนเกมและสรุปในตอนท้ายได้ ชีวิตเราก็เหมือนกัน เพียงแต่นั่นไม่เรียกว่าการทบทวน แต่เรียกว่าการทบทวนตนเองสามประการ”
เจียงชานเบิกตากว้าง “ป่าป๊าคะ ทบทวนตนเองสามประการคืออะไรหรือคะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋อธิบายให้เธอฟังด้วยรอยยิ้ม “ทบทวนตนเองสามประการ มาจากคัมภีร์หลุนอวี่ ทเสวี่ยเอ๋อร์ ในคัมภีร์นั้น เจิงจื่อกล่าวไว้ว่า: ทุกวัน ข้าพเจ้าจักต้องทบทวนตนเองหลายครั้งว่าเมื่อทำงานให้ผู้อื่นนั้น เราพยายามอย่างเต็มที่แล้วใช่หรือไม่ ? เมื่อคบค้ากับมิตรสหายนั้น เราได้จริงใจแล้วใช่หรือไม่ ? วิชาที่ครูถ่ายทอดให้นั้น เราได้ทบทวนแล้วใช่หรือไม่ ? ”
“ความหมายของประโยคนี้คือ ผู้คนควรไตร่ตรองถึงการกระทำและความคิดของตนเองอย่างต่อเนื่องทุกวัน หากพบว่าตนทำผิดก็ควรแก้ไขทันที แล้วเราควรสะท้อนจากด้านใดบ้าง ? เจิงจื่อ เป็นหนึ่งในสี่ศิษย์เอกของขงจื๊อ เขามักจะถามตนเองอยู่หลายครั้งว่า: ฉันพยายามทำเพื่อผู้อื่นอย่างเต็มที่แล้วหรือยัง ? ฉันจริงใจและมีความน่าเชื่อถือในการผูกสัมพันธ์กับมิตรสหายหรือไม่ ? ฉันได้เรียนรู้และฝึกฝนสิ่งที่อาจารย์สอนหรือไม่ ? ”
เจียงชานและหวังกังฟังแล้วก็เข้าใจแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ด้วยสีหน้าสับสน
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ที่จริงแล้วมันไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น เราแค่ต้องจำไว้ว่าก่อนเข้านอนตอนกลางคืน ให้นึกถึงสิ่งที่เราทำในวันนี้ ถามตัวเองว่าสิ่งที่เราทำสมเหตุสมผลไหม ? เราทำถูกต้องหรือไม่ ? เราทำอะไรผิดไปหรือเปล่า ? ”
เจียงชานฟังแล้ว ดวงตาที่กลมโตของเธอก็เบิกกว้าง หนูน้อยพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ป่าป๊าคะ หนูเข้าใจแล้ว ที่ป่าป๊าต้องการจะบอกก็คือ: ให้เราลองคิดถึงสิ่งที่เราทำทุกวัน เหมือนการเล่นหมากรุก สิ่งที่ผิดก็เหมือนกับตัวหมากที่วางผิด เราก็ต้องแก้ไข การทำสิ่งที่ถูกต้องก็เหมือนกับการเล่นหมากรุกที่ดี ที่เราควรจดจำและนำไปใช้ต่อไปในอนาคต ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเสียงดังและชมเชย “ชานชาน หนูฉลาดมาก นั่นคือสิ่งที่ป่าป๊าหมายถึง ! ”
“ป่าป๊าคะ หนูจะตรวจสอบตัวเองทุกวัน ! ” เด็กน้อยพูดอย่างมีความสุข
“คุณลุง ผมก็จะหมั่นทบทวนตัวเองเหมือนกัน ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าด้วยความพอใจและพูดว่า “เล่นหมากรุกต่อไปแล้วอย่าลืมทบทวนเกมหมากรุกล่ะ ! ”
“หนูรู้ค่ะ ! ”
“ครับลุง ! ”
เด็กน้อยทั้งสองเล่นหมากรุกต่อไปอย่างมีความสุข
เจียงเสี่ยวไป๋กลับมาที่โต๊ะของเขาและเขียนแผนงานของเขาต่อไป
ก่อนเข้านอนตอนกลางคืน เจียงเสี่ยวไป๋พูดกับหลินเจียอินว่า “เมียจ๋า ผมจะไปเจียงเฉิงในอีกสองวัน และคราวนี้ผมว่าจะพาชานชานไปด้วย”
หลินเจียอินตกใจมาก “เจียงเฉิงอยู่ไกลมาก ทำไมคุณถึงจะพาเธอไปด้วย ? ”
“ไม่ได้ ! ไม่ได้ ! ”
“คุณไปเจียงเฉิง เดี๋ยวฉันเลี้ยงลูกเอง”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “ครั้งล่าสุด ผมสัญญากับลูกไว้ว่าผมจะพาเธอไปกับผมทุกที่ ผมต้องรักษาคำพูด”
หลินเจียอินจ้องเขาแล้วพูดว่า “ใครใช้ให้คุณรับปากโดยไม่ไตร่ตรองก่อนล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างขมขื่น บางสิ่งสัญญาง่าย แต่ทำยาก
เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากพูดว่า “เมียจ๋า ตอนนั้นผมไม่ได้คิดให้ดี ผมตกลงตอนที่ตื่นเต้น แต่ผมตกลงไปแล้ว ถ้าผมผิดสัญญากับลูกสาว มันจะทำลายภาพลักษณ์ของพ่อในใจเธอ”
หลินเจียอินพูดด้วยความโกรธว่า “คุณมีภาพลักษณ์อะไรอีก นอกจากการเอาใจและตามใจเธอแล้ว คุณยังมีภาพลักษณ์อะไรอีกบ้าง ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มแหย บางทีเขาอาจจะเอาใจลูกสาวของเขามากเกินไป !
แต่เขาไม่คิดว่าจะมีอะไรผิดปกติในเรื่องนี้ เขาพูดว่า “เมียจ๋า ผมก็ตามใจคุณเหมือนกันนะ ! ”
หลินเจียอินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
ในใจของเธอ เธอนึกถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนสี่ เจียงเสี่ยวไป๋ให้ความสำคัญกับเธอและยังให้ความสำคัญกับลูกสาวของเขามากเกินไปอีกด้วย
“แล้ว…ถ้าอย่างนั้น…คุณก็ไปเจียงเฉิงเพื่อทำธุระกิจ มันคงไม่สะดวกที่จะพาลูกไปด้วย ! ” หลินเจียหยินพูดเสียงแผ่ว
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม เขาก็คิดเรื่องนี้ไว้แล้ว หลังจากพาเจียงชานไปที่เจียงเฉิงแล้ว เขาก็ไปหาเจียงเสี่ยวชิง แล้วให้เธอช่วยเลี้ยงหลาน
ถือโอกาสให้ลูกสาวได้สัมผัสบรรยากาศของมหาวิทยาลัยล่วงหน้า
ก็เหมือนในโลกอนาคตที่พ่อแม่หลายคนจะเลือกพาลูกไปเที่ยวชมมหาวิทยาลัย
หลังจากเสร็จธุระที่เจียงเฉิงแล้ว เขาสามารถพาลูกสาวไปที่ทะเลสาบเหลียงจือกับถังเสี่ยวโจว และให้ลูกสาวของเขาได้เที่ยวชมทิวทัศน์ของทะเลสาบและภูเขา
หลังจากบอกหลินเจียอินเกี่ยวกับความคิดของเขาแล้ว หลินเจียอินก็มองเขาด้วยความโกรธ “ในเมื่อคุณตัดสินใจแล้ว คุณยังมาถามความคิดเห็นของฉันอีกงั้นหรือ ? มันขึ้นอยู่กับคุณ หากคุณต้องการพาเธอไปด้วยก็พาไปเถอะ ! ”
เมื่อเห็นว่าภรรยาของเขาเห็นด้วยในที่สุด เจียงเสี่ยวไป๋ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและสัญญาลอย ๆ ว่า “เมียจ๋า หลังจากที่คุณคลอดลูกแล้ว ผมจะพาคุณไปด้วยกัน เราสี่คนพ่อแม่ลูกจะได้เดินทางไปเที่ยวรอบประเทศ ไปที่เทียนจิงเพื่อเที่ยวชมจัตุรัสเทียนอันเหมิน เดินชมกำแพงเมืองจีน ไปที่เจียงเฉิงเพื่อชมหอคอยกระเรียนเหลือง ไปเที่ยวแชงกรีล่าเพื่อชมภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ ไปที่ทุ่งหญ้าชมแกะ ไปที่ชายหาดชมทะเลและเล่นเซิร์ฟบอร์ดด้วยกัน……”
ดวงตาที่สวยงามของหลินเจียอินเต็มไปด้วยความปรารถนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจียงเสี่ยวไป๋พูดถึงการพาเธอไปเที่ยวทะเล มันทำให้เธอนึกถึงถ้อยคำที่เธอเขียนถึงเจียงเสี่ยวไป๋สมัยเรียนในวิทยาลัยครู:
ฉันชอบสีฟ้ามากที่สุด และฉันจะปล่อยให้มันทอดยาวไปสู่ท้องฟ้าและมีแสงแดดสดใสตลอดไป ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้มันไหลลงสู่ทะเล และทำให้พื้นที่สีเขียวในหัวใจของฉันจมหายไป…
ในเวลานี้ เธอรู้สึกว่าตัวเองเหมือนได้ย้อนกลับไปในวัยสาวอีกครั้ง เธอกำลังเฝ้ารอคอยอนาคตอย่างใจจดใจจ่อ
เจียงเสี่ยวไป๋คุยกับเธอสักพัก จากนั้นเขาก็นอนเอาหูแนบท้องของหลินเจียอินเพื่อฟังการเคลื่อนไหวของเสี่ยวเป่า และพูดคุยกันมากมายก่อนที่ทั้งสองจะหลับไป
วันต่อมา
หลังจากเข้าไปในเมือง เจียงเสี่ยวไป๋ก็มาถึงสถานที่ก่อสร้างเฟสสองของโรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลือง
“พี่เจียง พี่คิดทบทวนถึงสิ่งที่ฉันบอกพี่ครั้งที่แล้วหรือยัง ? ”
เมื่อเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ จวงปี้เฉิงก็พูดอย่างตื่นเต้นทันที ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
เจียงเสี่ยวไป๋ยื่นบุหรี่จงฮั๋วให้เขา แล้วพูดว่า “ถ้านายตัดสินใจร่วมงานกับฉันจริง ๆ นายต้องเตรียมพร้อมที่จะเชื่อฟังฝ่ายบริหารนะ”
จวงปี้เฉิงดีใจมากเมื่อได้ยินสิ่งนี้ และพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่เจียง ฉันก็เคยเป็นทหารและรู้วิธีรับมือกับคำสั่ง ตราบใดที่พี่สั่ง ฉันพร้อมจะเชื่อฟัง”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “ฉันก็เห็นด้วย นายจะต้องเตรียมสำเนาข้อมูลคนของนายมาให้ฉัน รวมถึงประเภทงาน ความเชี่ยวชาญพิเศษและค่าตอบแทนปัจจุบันของพวกเขา หลังจากที่ฉันอ่านแล้ว ฉันจะหารือกับนายว่าจะร่วมมืออย่างไรต่อ”
“เอาล่ะ ฉันจะเตรียมมันให้พี่พรุ่งนี้ ! ” จวงปี้เฉิงพูดอย่างตื่นเต้น
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือ “นั่นไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ฉันจะไปเจียงเฉิงพรุ่งนี้ อาจต้องใช้เวลาสองสามวันกว่าที่ฉันจะกลับมา ไว้ค่อยพูดถึงรายละเอียดเมื่อฉันกลับมา”