ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 377 :วันนี้เจียงเสี่ยวไป๋ใจกว้างเกินไป
- Home
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 377 :วันนี้เจียงเสี่ยวไป๋ใจกว้างเกินไป
ตอนที่ 377 :วันนี้เจียงเสี่ยวไป๋ใจกว้างเกินไป
เจียงเสี่ยวไป๋อธิบายให้เฉินหยวนเฉาฟังอย่างละเอียด
ชาวเมืองชิงโจวในตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่ พวกเขาเพิ่งได้รับการแก้ปัญหาเรื่องปากท้อง จึงยังไม่มีความคิดเรื่องดื่มนมเสริมโภชนาการทุกวัน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การจะขายนมถั่วเหลืองให้คนส่วนใหญ่จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
เจียงเสี่ยวไป๋นึกถึงสโลแกนรณรงค์ “ดื่มนมวันละแก้ว ชาวจีนแข็งแรง” ที่ได้รับการส่งเสริมโดยรัฐบาลชุดหลังให้มีการแจกนมให้นักเรียนในโรงเรียนได้ดื่มทุกวัน
เพียงแต่เขาเปลี่ยนจากนมวัวเป็นนมถั่วเหลืองก็เท่านั้นเอง
เขายืนกรานที่จะแจกนมถั่วเหลืองแก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาในระยะยาว นักเรียนชั้นประถมศึกษาเหล่านี้จะได้มีนิสัยดื่มนมถั่วเหลือง เมื่อเข้าเรียนชั้นมัธยมต้น พวกเขาจะกลายเป็นกลุ่มผู้บริโภคนมถั่วเหลือง
ในความเป็นจริง หลายครอบครัวมีลูกสองหรือสามคน และในบรรดาพวกเขามีทั้งครอบครัวที่มีลูกเรียนในโรงเรียนประถมและโรงเรียนมัธยมต้น ในเมื่อน้องชายน้องสาวของพวกเขาได้ดื่มนมถั่วเหลืองแล้ว พวกพี่ชายพี่สาวก็อาจกลายเป็นกลุ่มผู้บริโภคในอนาคตก็ได้
นอกจากนี้ เจียงเสี่ยวไป๋วางแผนจะส่งเสริมประโยชน์ของการดื่มนมถั่วเหลืองผ่านทางสถานีโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ ประชาสัมพันธ์การบริจาคนมถั่วเหลืองของโรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลืองให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษา และโฆษณาด้วยสโลแกนที่ว่า ‘ทุกผลิตภัณฑ์ที่ขายออกไป คือการบริจาคเพื่อการศึกษา’ และทำให้โรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลืองกลายเป็นองค์กรที่มีจิตสำนึก มีความรับผิดชอบต่อสังคม ใช้การโฆษณานี้มาช่วยผลักดันยอดขายผลิตภัณฑ์ทั้งชุดของโรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลือง
คนยุคนี้เป็นคนเรียบง่าย
หลังจากที่พวกเขาเห็นความรับผิดชอบที่โรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลืองมีต่อสังคมแล้ว พวกเขาจะสนับสนุนการพัฒนาขององค์กรอย่างแน่นอน
หลังจากฟังเรื่องราวของเจียงเสี่ยวไป๋แล้ว เฉินหยวนเฉาก็ตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง
น้องเมียของเขาคนนี้ไม่เพียงแต่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลเท่านั้น แต่ยังได้ศึกษาความเป็นจริงทางสังคมและธรรมชาติของมนุษย์อย่างถี่ถ้วนอีกด้วย
เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมเจียงเสี่ยวไป๋ถึงมีความก้าวหน้าอย่างมาก ราวกับว่าเขากลายเป็นคนละคน
เฉินหยวนเฉาสลัดความคิดยุ่งเหยิงในใจออกไปและพูดว่า “ในเมื่อนายคิดอย่างรอบคอบแล้ว งั้นนายจะทำอย่างไรต่อไป ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมจะไปที่สำนักข่าวและสถานีโทรทัศน์เพื่อหารือเกี่ยวกับการส่งเสริมกิจกรรมบริจาคนมถั่วเหลือง ส่วนพี่ก็ติดต่อผู้อำนวยการโรงเรียนประถมกลางอันดับ 1 ของเมืองชิงโจวและผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือเรื่องการบริจาคนมถั่วเหลือง”
เฉินหยวนเฉาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “เรื่องพูดคุยไม่ใช่ปัญหา แต่ฉันคิดว่านายน่าจะลองขอให้รองนายกเทศมนตรีจางช่วยเรื่องนี้ ให้เขาเรียกรวมผู้นำที่เกี่ยวข้อง นัดพูดคุยกินข้าว ดื่มนมถั่วเหลือง”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างมีความสุข “พี่เขย ตอนนี้พี่เก่งขึ้นเยอะเลยนะ เอะอะก็จะให้มีการเรียกรวมตัวผู้นำแล้ว”
พูดแล้ว เขาก็พยักหน้า “แบบนั้นก็ได้เหมือนกัน ผมจะไปหารองนายกเทศมนตรีจางและขอให้เขาโทรหาทั้งประธานฟู่จากสำนักข่าวรายวันและผู้อำนวยการเจิ้งจากสถานีโทรทัศน์”
จากนั้น ทั้งสองคุยกันในรายละเอียดบางอย่าง และเจียงเสี่ยวไป๋ก็รีบไปที่ศาลาที่ว่าการ
ระหว่างทาง เขาคิดว่าเขาอาจใช้โอกาสนี้พูดคุยเกี่ยวกับการจัดตั้งโรงเรียนประถมที่ภูเขาฉีเฟิง
ไม่นานหลังจากนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็มาถึงห้องทำงานของรองนายกเทศมนตรีจาง
“วันนี้มีเรื่องอะไรหรือ ? ”
รองนายกเทศมนตรีจางถามอย่างใจเย็นเมื่อเขาเห็นเจียงเสี่ยวไป๋
คนอื่นต้องนัดหมายเพื่อพบเขา แต่เจียงเสี่ยวไป๋กลับปฏิบัติต่อสถานที่ของเขาเหมือนเป็นสวนผักที่สามารถมาได้ทุกเมื่อที่เขาต้องการ
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเบา ๆ แล้วยื่นบุหรี่จงฮั๋วให้รองนายกเทศมนตรีจาง แล้วพูดว่า “ท่านผู้นำ วันนี้ผมมีเรื่องดีมาคุยกับคุณ ! ”
“เรื่องดี ? ” รองนายกเทศมนตรีจางแค่นหัวเราะ “แค่ไม่มาเล่นอุบายกับฉันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ชินกับเขาแล้ว เขาไม่สนใจคำพูดของรองนายกจางมากนัก แต่เขายังคงยิ้มและพูดว่า “ภายใต้การเป็นผู้นำและการสนับสนุนที่ชาญฉลาดของคุณ ในที่สุดผมก็ประสบความสำเร็จได้ ตอนนี้ถึงเวลาที่ผมจะตอบแทนสังคมบ้างแล้ว ผมพร้อมที่จะมีส่วนร่วม พร้อมที่จะอุทิศตนเพื่อการศึกษา”
รองนายกเทศมนตรีจางมองดูเจียงเสี่ยวไป๋อย่างแปลกใจ สงสัยว่าเขาจะมาไม้ไหน ?
แม้แต่ติงจวิ้นเจี๋ยก็ยังงุนงง ทำไมเจียงเสี่ยวไป๋ถึงพูดถึงการศึกษา ? หรือเขาเจอโอกาสทางธุรกิจในด้านการศึกษา ?
“บอกฉันมา คุณต้องการมีส่วนสนับสนุนด้านการศึกษาอย่างไร ? ” รองนายกเทศมนตรีจางกล่าวหลังจากนั้นครู่หนึ่ง
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ดังสุภาษิตที่ว่า การปลูกต้นไม้ต้องใช้เวลาสิบปี แต่การปลูกคนต้องใช้เวลาเป็นร้อยปี ว่ากันว่าถ้าคนหนุ่มสาวเข้มแข็ง ประเทศจีนก็จะแข็งแกร่ง ตั้งแต่ในอดีต ชาวจีนมีอัตราการป่วยมากที่สุดของเอเชียตะวันออกเพราะเศรษฐกิจสมัยนั้น เราล้าหลังและคนเราก็ขาดสารอาหารมาตั้งแต่เด็ก”
“ตอนนี้ผมได้ผลิตนมถั่วเหลืองแล้วไม่ใช่หรือครับ ? ”
“ผมวางแผนจะขอให้โรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลืองบริจาคนมถั่วเหลืองให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาในเมืองทุกวันคนละหนึ่งขวด…”
รองนายกเทศมนตรีจางและติงจวิ้นเจี๋ยต่างก็ตกใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้
ทั้งสองมองหน้ากันและมองที่เจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความไม่เชื่อ
“คุณบอกว่าจะบริจาคนมถั่วเหลืองให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาในเมืองทุกวันคนละหนึ่งขวดงั้นหรือ ? ”
“คุณรู้ไหมว่ามันราคาเท่าไหร่ ? ”
รองนายกเทศมนตรีจางถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม โดยคิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋กำลังพูดเรื่องไร้สาระ
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในเมืองชิงโจวมีนักเรียนชั้นประถมศึกษากี่คน ผมจะคำนวณค่าใช้จ่ายได้อย่างไรล่ะครับ ? ”
“นั่นเป็นเหตุผลที่ผมมาหาคุณและขอให้คุณเชิญผู้อำนวยการสำนักการศึกษามาให้ข้อมูล ผมจะได้เข้าใจสถานการณ์”
เมื่อเห็นว่าเขาจริงใจและมีความมุ่งมั่น รองนายกเทศมนตรีจางจึงถามย้ำอีกครั้งว่า “คุณแน่ใจหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าและกล่าวว่า “รบกวนท่านรองนายกโทรเรียกผู้อำนวยการโรงเรียนประถมกลางอันดับ 1 ของเมืองชิงโจวมาด้วยครับ เพราะการบริจาคจำนวนมากเช่นนี้ เราต้องดำเนินโครงการนำร่องเพื่อสรุปประสบการณ์ก่อน จากนั้นจะได้ขยายผลไปยังโรงเรียนประถมศึกษาทุกแห่งในเมือง”
รองนายกเทศมนตรีจางไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
จากนั้นเขาก็พูดกับติงจวิ้นเจี๋ยว่า “นายไปแจ้งผู้อำนวยการหลันและผู้อำนวยการหลู่ให้มาที่ห้องทำงานของฉัน”
“ครับท่าน ! ”
ติงจวิ้นเจี๋ยพยักหน้ารับและกำลังจะโทรไปแจ้งให้ทั้งสองทราบ
ในเวลานี้ เจียงเสี่ยวไป๋รีบพูดว่า “อย่าแจ้งให้มาที่ห้องทำงานของคุณ ไปที่ร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงของผมดีกว่า ค่อยพูดคุยกันในขณะที่กินกุ้งเครย์ฟิช จะได้ให้พวกเขาลิ้มรสนมถั่วเหลืองด้วย”
รองนายกเทศมนตรีจางคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และพยักหน้าไปทางติงจวิ้นเจี๋ย
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวเสริมอีกว่า “ท่านรองนายก โทรหาประธานฟู่จากสำนักข่าวรายวัน และผู้อำนวยการเจิ้งจากสถานีโทรทัศน์ด้วยสิครับ”
รองนายกเทศมนตรีจางมองเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยสายตาแปลก ๆ แล้วพูดว่า “คุณบริจาคนมถั่วเหลืองให้กับโรงเรียนประถม ทำไมคุณถึงโทรหาพวกเขาสองคนล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มพลางกล่าวว่า “ท่านรองนายก เป็นเรื่องดีที่ผมบริจาคนมถั่วเหลืองให้กับนักเรียนชั้นประถม ให้สำนักข่าวรายวันและสถานีโทรทัศน์ประชาสัมพันธ์เพื่อให้ผู้ที่มีความห่วงใยสามารถมีส่วนร่วมได้มากขึ้น บางทีอาจมาในรูปของการบริจาคเงินให้กับโรงเรียนประถมก็ได้ ! ”
รองนายกเทศมนตรีจางกล่าวว่า “คุณคิดว่าทุกคนจะมั่งคั่งเหมือนคุณและบริจาคเงินให้กับโรงเรียนประถมหรือเปล่า ? ฉันจะดีใจมากถ้าคุณสามารถบริจาคเงินให้ที่นั่นได้ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นว่าเป็นโอกาสดี เขาจึงลองพูดหยั่งเชิงไปว่า “ท่านรอง ดูเหมือนว่าคุณจะกังวลเรื่องการศึกษามาก งั้น…… ผมจะบริจาคโรงเรียนประถมให้สักแห่งดีไหม ? ”
รองนายกเทศมนตรีจางมองเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความประหลาดใจ “คุณพูดแบบไม่ได้ตั้งใจหรือคุณมีแผนนี้จริง ? ”
เขามักจะรู้สึกเสมอว่าวันนี้เจียงเสี่ยวไป๋ทำตัวแปลก ๆ ปกติเขาจะขอแค่ผลประโยชน์จากเขาเท่านั้น แต่วันนี้เขากลับใจกว้าง บริจาคนมถั่วเหลืองให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาในเมืองยังไม่พอ ยังบอกจะบริจาคโรงเรียนประถมสักแห่งให้กับเมืองชิงโจวอีกด้วย
สองสิ่งนี้ใช้เงินเป็นจำนวนมาก !
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าอย่างจริงใจ “ท่านรองนายก แม้ว่าผมจะเป็นคนดื้อบ้าง แต่ไม่มีอะไรที่ผมพูดแล้วทำไม่ได้จริง ๆ แค่โรงเรียนประถมเองไม่ใช่หรือครับ ? ”
“ผมจะบริจาค ! ”
ในที่สุดรองนายกเทศมนตรีจางก็รู้สึกประทับใจและพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เอาล่ะ ฉันจะโทรหารองนายกเทศมนตรีถังซึ่งรับผิดชอบด้านวัฒนธรรม การศึกษาและสุขภาพให้ไปร่วมวงสนทนาด้วย”