ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 385 :พบกับน้องเมีย
ตอนที่ 385 :พบกับน้องเมีย
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกขบขันกับคำพูดของลูกสาวแล้ว
พ่อและลูกสาววิ่งออกกำลังกายอยู่พักหนึ่ง และในที่สุดก็มาถึงหน้าทางเข้าห้องพักของเจียงเสี่ยวชิง
หลังจากหยุดวิ่งแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็นั่งยอง ๆ ต่อหน้าลูกสาวของเขา เขาบรรจงเช็ดเหงื่อของเธอ และช่วยนวดขาของเธอสักพัก พลางพูดอย่างอ่อนโยนว่า “เมื่อเริ่มวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าเป็นครั้งแรก ขาของหนูจะเจ็บมาก แต่ถ้าหนูทนไปสักสองสามวัน มันจะค่อย ๆ ดีขึ้นเอง ! ”
“ป่าป๊าคะ หนูไม่กลัวเจ็บน่องเลยค่ะ ! ” เจียงชานตอบทั้งที่ยังหายใจหอบ
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าด้วยความพอใจและพูดว่า “หนูพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวป่าป๊าจะไปเรียกอาชิงมา”
“ไม่เป็นไรคะ หนูจะไปกับป่าป๊า หนูไม่ได้เจออาชิงมานานแล้ว ! ”
เจียงชานยืนกรานที่จะขอตามไปด้วย แน่นอนว่าเจียงเสี่ยวไป๋เองก็ไม่ได้ห้ามเธอ ในไม่ช้า ทั้งสองก็มาถึงประตูห้องนอนของเจียงเสี่ยวชิง เจียงเสี่ยวไป๋จึงเคาะประตู
“ใครคะ ? ”
เสียงผู้หญิงที่ดูเกียจคร้านดังมาจากในห้อง ราวกับว่าเธอเพิ่งตื่น แต่นั่นไม่ใช่เสียงของเจียงเสี่ยวชิง
เจียงเสี่ยวไป๋จึงกล่าวว่า “สวัสดี ขอโทษที่รบกวนนะ พอดีฉันมาหาเจียงเสี่ยวชิง”
“โอ้ คุณมาหาเสี่ยวชิงหรือ เธอไม่อยู่ค่ะ ! ” หญิงสาวในห้องพูด แต่เธอไม่ได้เปิดประตู
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และถามว่า “งั้นพอจะบอกได้ไหมว่าเจียงเสี่ยวชิงไปไหน ? ”
“เมื่อคืนเธอไม่กลับมา เธอบอกว่าเธอไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง น่าจะกลับมาพรุ่งนี้” เด็กสาวในห้องกล่าว
เจียงเสี่ยวไป๋ชะงักไปเล็กน้อย เขาไม่คาดคิดว่าเจียงเสี่ยวชิงจะไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัย
น้องสาวของเขาไม่เพียงแต่ไม่ได้อยู่ที่มหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่เธอไปค้างคืนที่อื่นด้วย
หลังจากกล่าวขอบคุณเด็กสาวในห้องแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็พูดกับเจียงชานว่า “อาชิงไม่อยู่ที่นี่ งั้นไปหาน้าเจียลี่ของหนูกันเถอะ”
“อ้อ ค่ะ……”
เห็นได้ชัดว่าหนูน้อยรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อไม่ได้เจอเจียงเสี่ยวชิง แต่เมื่อคิดได้ว่าจะได้พบกับน้าเจียลี่ เธอก็เริ่มตั้งตารอคอยอีกครั้ง
หอพักของหลินเจียลี่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เดียวกันกับหอพักของเจียงเสี่ยวชิง ดังนั้นเจียงเสี่ยวไป๋จึงพาลูกสาวของเขาเดินออกไปช้า ๆ
เขาและลูกสาวไม่ได้วิ่งต่อ เพราะการพาลูกสาวออกกำลังกายต้องเป็นขั้นเป็นตอน หากเพิ่มความเข้มข้นขึ้นในคราวเดียว ร่างกายของเด็กจะรับไม่ไหว และจะทำให้ความกระตือรือร้นของเธอหมดไป
เจียงเสี่ยวไป๋พาเจียงชานเดินเล่นช้า ๆ พร้อมเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับเสน่ห์ของมหาวิทยาลัย โดยหวังว่าจะปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งความฝันในมหาวิทยาลัยไว้ในใจที่ยังเยาว์วัยของลูกสาวได้
ไม่นาน พ่อและลูกสาวก็เดินมาถึงนอกหอพักของหลินเจียลี่โดยไม่ทันได้รู้ตัว
เจียงเสี่ยวไป๋มองไปที่ประตูห้องนอนที่ปิดอยู่ นึกถึงครั้งสุดท้ายที่หลินเจียลี่ใช้ไม้กวาดไล่ตีเขา เขาก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มเจื่อนออกมา
อย่างไรก็ตาม มันอาจจะไม่เกิดขึ้นในครั้งนี้
แม่ยายโทรมาบอกว่าเธอได้สอนบทเรียนให้หลินเจียลี่แล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋สูดลมหายใจเข้าแล้วเคาะประตู
“ใครคะ ? ”
เสียงของหลินเจียลี่ดังมาจากห้อง จากนั้นประตูก็เปิดออก
เมื่อเห็นว่าเป็นเจียงเสี่ยวไป๋ที่เคาะประตู หลินเจียลี่ก็สะดุ้งเล็กน้อย เธอตกตะลึงและใบหน้าของเธอก็แข็งกร้าวขึ้นมาทันที
แต่เมื่อเธอเห็นเด็กหญิงหน้าตาน่ารักอายุ 5-6 ขวบยืนอยู่ข้างเจียงเสี่ยวไป๋ เธอก็อดไม่ได้ที่จะชมในใจ “หนูน้อยน่ารักจริง ๆ ! ”
จากนั้น เธอก็หันมาจ้องไปที่เจียงเสี่ยวไป๋อีกครั้ง หลินเจียลี่พูดด้วยน้ำเสียงเฉยชาว่า “คุณมาทำอะไรที่นี่อีก ? ”
แม้ว่าเธอจะไม่ได้ตีเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยไม้กวาดเหมือนครั้งที่แล้ว แต่คำพูดของเธอยังคงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
เจียงเสี่ยวไป๋ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดกับเจียงชานว่า “ชานชาน นี่คือน้าเจียลี่ของหนู ! ”
“สวัสดีค่ะน้าเจียลี่ หนูชื่อชานชาน ! ” หนูน้อยมองดูหลินเจียลี่ด้วยดวงตากลมโตและกล่าวทักทายเธอเสียงหวาน
ในสายตาของเธอ น้าเจียลี่กับหม่าม๊าหน้าตาคล้ายกันมาก แม้ว่าน้าเจียลี่จะทำหน้าเย็นชา แต่เธอก็ยังรู้สึกถึงความใกล้ชิดอย่างเป็นธรรมชาติ
อ่า ?
หลินเจียลี่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเธอได้ยินคำพูดของเจียงชาน เธอจ้องมองไปที่เจียงชานด้วยดวงตาคู่สวยของเธอและพูดด้วยความประหลาดใจว่า “หนูคือชานชาน ลูกสาวของพี่สาวฉัน ชานชาน หนูเรียกฉันว่าน้าหรือ ! ”
ในที่สุด ใบหน้าของเธอที่เย็นชามาโดยตลอดก็แสดงรอยยิ้มอบอุ่นออกมา เธอวิ่งไปกอดเจียงชาน แล้วพูดอย่างมีความสุขว่า “ชานชาน มานี่ เรียกน้าว่าน้าอีกสิ เรียกอีก ! ”
“น้าเจียลี่ ! ”
“อร๊าย ! ”
หลินเจียลี่มีความสุขมาก เธออุ้มหลานสาวของเธอขึ้นมาแล้วจับหมุนเป็นวงกลม
เธอไม่ได้เจอพี่สาวมา 6 ปีแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะได้พบกับหลานสาวของเธอก่อนได้เจอกับพี่สาวอีก แถมหนูน้อยยังสวยและน่ารักเหมือนเจ้าก้อนแป้งอีกด้วย
เจียงเสี่ยวไป๋ปล่อยให้หลินเจียลี่เล่นกับเจียงชาน ส่วนเขาเฝ้าดูอย่างสงบจากด้านข้างพร้อมรอยยิ้มบนริมฝีปากของเขา
ลูกสาวของเขาก็ดีใจมากเหมือนกัน !
นึกถึงเมื่อคราวนั้นที่พาหลินเจียอินกลับไปที่บ้านพ่อแม่ของเธอเป็นครั้งแรกจากในรอบ 5 ปี ตอนนั้นเป็นเพราะมีลูกสาวตัวน้อยอยู่ พ่อตาจึงไม่ได้ไล่เขาตั้งแต่ครั้งแรก และไม้นี้ก็สามารถใช้กับหลินเจียลี่ได้เช่นกัน
หลังจากนั้นไม่นาน หลินเจียลี่ก็หยุดเล่น
เธอยังคงอุ้มเจียงชานไว้และถามว่า “ชานชาน ทำไมหนูถึงมาที่เจียงเฉิง หม่าม๊าของหนูอยู่ที่ไหนล่ะ ? ”
ขณะที่เธอพูด เธอเอาแต่มองไปรอบ ๆ แต่ไม่เห็นพี่สาวของเธอ
เจียงชานพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า “หม่าม๊าอยู่ที่บ้าน ป่าป๊ามาทำธุระที่เจียงเฉิง หนูก็เลยตามมาเพราะอยากเจอน้าเจียลี่ หนูคิดถึงน้าเจียลี่ที่สุด ! ”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา หลินเจียลี่ก็รู้สึกอบอุ่นไปทั้งใจ หลานสาวตัวน้อยคนนี้พูดเก่งและน่ารักมาก !
แม้แต่เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยังแปลกใจ เพราะเขาไม่เคยสอนลูกสาวให้พูดแบบนี้
คำพูดของลูกสาวเหนือความคาดหมายของเขาไปมาก
หลินเจียลี่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าหลินเจียอินไม่ได้มาที่เจียงเฉิงด้วย แต่เธอยังคงมีความสุขมากที่ได้เห็นหลานสาวของเธอ เธอกอดหนูน้อยแน่นขึ้น แต่รู้สึกว่าหลานสาวของเธอเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ และเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นกังวล จึงถามว่า “ชานชาน ทำไมหนูถึงเหงื่อออกมากขนาดนี้ล่ะ ? ”
ขณะที่เธอพูด เธอก็หันหน้าไปมองเจียงเสี่ยวไป๋และสบถในใจ: ให้ตายเถอะ ไหนแม่บอกว่าเขาดูแลพี่สาวกับหลานของเธอได้ ตอนนี้ฉันรู้สึกสงสารพี่สาวและชานชานจริง ๆ ขนาดหลานสาวตัวน้อยของฉันตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ !
เจียงชานพูดอย่างมีความสุขว่า “น้าเจียลี่ ป่าป๊ากับหนูวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าด้วยกัน เราวิ่งมาไกลจากที่ที่เราอยู่ ไกลมากเลยค่ะ ! ”
หลินเจียลี่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เธอไม่คิดว่าหลานสาวของเธอจะรู้จักวิ่งในตอนเช้าตั้งแต่อายุยังน้อยแล้ว
”เหนื่อยไหม ? ” เธออดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสาร
“เหนื่อยค่ะ ! ” หนูน้อยพยักหน้า แล้วพูดว่า “แต่พอเจอน้าเจียลี่แล้ว หนูก็ดีใจและไม่รู้สึกเหนื่อยเลยค่ะ ! ”
“ชานชานเก่งมาก ! ” ใบหน้าของหลินเจียลี่มีความภาคภูมิใจในตัวหลานสาว เธอพูดด้วยรอยยิ้มว่า “วันนี้ชานชานอยู่กับน้านะ น้าจะพาไปกินของอร่อยและซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ ให้”
“วันนี้หนูจะอยู่กับน้าเจียลี่ ! ”
หลินเจียลี่มีความสุขยิ่งขึ้น เธอหันกลับไปหาเจียงเสี่ยวไป๋แล้วพูดว่า “ไปเถอะ ฉันยังไม่อยากคุยกับพี่ ฉันจะอยู่กับชานชาน พี่คงไม่คัดค้านนะ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกยินดีมาก น้องสาวของภรรยาเขาช่างบ้าอำนาจจริง ๆ !
ไล่เขาไปอย่างไร้ความปราณีเสียด้วย !
อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกโล่งใจที่ได้ฝากลูกสาวไว้กับหลินเจียลี่ เขาพูดว่า “ตกลง ฉันจะมารับเธอในตอนบ่าย ! ”
หลินเจียลี่พูดว่า “ไม่ต้อง คืนนี้ฉันจะให้หลานนอนด้วย แล้วพรุ่งนี้เช้าพี่ค่อยมารับเธอ ! ”
เมื่อพูดเสร็จ เธอก็พาเจียงชานเข้าไปในห้องนอนและปิดประตูเสียงดัง ‘ปัง ! ’
“พี่เขยตัวเหม็น ฉันไม่ได้ตีเขาด้วยซ้ำ แต่เขากลับไปฟ้องแม่ฉัน ! ”
เมื่อประตูปิดลง หลินเจียลี่ก็รู้สึกไม่พอใจ
ถ้าหลานสาวของเธอไม่อยู่ที่นี่ด้วย คงเป็นเรื่องยากที่จะอดกลั้นไม่ทุบตีเขา !
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ดูท่าว่าน้องสาวภรรยายังมีความแค้นในตัวเขาอยู่มาก
ช่างเถอะ ไม่ถือสาเธอแล้วกัน
เขาตะโกนเข้าไปข้างในว่า “ชานชาน เชื่อฟังน้าเจียลี่ด้วย พรุ่งนี้ป่าป๊าจะกลับมารับ ! ”
“ค่ะ ป่าป๊าไปทำงานเถอะ ! ”
หนูน้อยรู้ว่าป่าป๊าของเธอมาทำงานที่เจียงเฉิง เธอจึงเข้าใจ
เจียงเสี่ยวไป๋มองไปที่ประตูที่ปิดอยู่ เขาส่ายหัว หันหลังกลับและก้าวออกไป