ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 387 :มีคนมาหา
ตอนที่ 387 :มีคนมาหา
เมื่อพูดถึงการถ่ายภาพ เจียงชานดูมีความสุขมาก
ตั้งแต่ถ่ายรูปสองครั้งที่ผ่านมา เธอได้ขอให้เจียงเสี่ยวไป๋สอนวิธีถ่ายรูปให้กับเธอ
หนูน้อยคิดว่าถ้าถ่ายรูปกับน้าเจียลี่แล้วเอากลับเอาไปให้หม่าม๊าดู หม่าม๊าคงดีใจมากแน่ ๆ
“ได้ค่ะ ! ”
เจียงชานจึงตอบตกลงอย่างมีความสุข
“ฉันบอกให้เธอกลับไปก่อนแล้ว แต่เธอบอกว่าไม่อยากกลับไป เอาแต่ร้องให้ฉันโอบอุ้มเธอไว้ ลมสมุทรพัดโชยอย่างแผ่วเบา ความหนาวเย็นคลายความร้อนจากกองไฟป่า……”
เสียงเพลงดังขึ้น เนื้อเพลงนั้นเรียบง่ายและธรรมดามาก แต่ก็มีเสน่ห์ที่ทำให้ชวนหลงใหล ในเพลงเอ่ยถึง ‘ลมทะเล’ แต่ความจริงอยู่ในทะเลสาบ ในเพลงเอ่ยถึงตัวเอกสองคนที่กำลังจะแยกจากกัน ทำให้พวกเขานึกถึงความสุขในอดีตขึ้นมา ความโศกเศร้าของการจากลาทำให้คู่รักลังเล แต่ในความเป็นจริงแล้ว นี่เป็นการกลับมาพบกันของน้าและหลานสาว
ฉากที่คล้ายคลึงกัน สถานการณ์ที่แตกต่างกัน อารมณ์ที่แตกต่างกัน พอคนร้องเป็นเด็กน้อยจึงทำให้เพลงให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกมา
หลินเจียลี่รู้ว่าเพลงนี้มีชื่อว่า ‘สายลมยังคงพัดโชย’ แต่เธอร้องไม่เป็น
เธอรู้สึกทึ่งกับความสามารถของหลานสาวเธอครั้งแล้วครั้งเล่า หญิงสาวจึงคิดจะหาเวลาไปยืมเครื่องเล่นเทปจากเจียงเสี่ยวชิงมาฟัง จะได้ฝึกร้องเพลงบ้าง
ไม่เช่นนั้นในฐานะนักศึกษามหาวิทยาลัย หากเธอร้องเพลงจากเกาะฮ่องกงได้ไม่มากเท่าหลานสาวของเธอ แบบนั้นก็น่าขายหน้าเกินไปแล้ว !
“แชะ แชะ แชะ……”
หลินเจียลี่กดปุ่มชัตเตอร์ในขณะที่ฟังหลานสาวตัวน้อยของเธอร้องเพลง เธอถ่ายรูปหลานสาวหลายภาพติดต่อกัน
“น้าเจียลี่คะ หนูขอถ่ายรูปน้าด้วยสิ ! ” เจียงชานกล่าว
หลินเจียลี่พูดด้วยความประหลาดใจ “ชานชาน หนูรู้วิธีถ่ายรูปไหม ? ”
เจียงชานกล่าวว่า “ป่าป๊าก็มีกล้องเหมือนของน้าเจียลี่เหมือนกัน น้าปรับเลนส์ แค่นี้หนูก็ถ่ายรูปได้โดยไม่มีปัญหา แค่ทักษะของหนูไม่ดี ป่าป๊าบอกว่าหนูยังไม่รู้วิธีจัดองค์ประกอบภาพ”
ขณะที่เธอพูด เธอก็ดูท้อแท้เล็กน้อย
หลินเจียลี่รู้สึกประทับใจกับหลานสาวของเธออีกครั้ง หลานสาวอายุแค่นี้รู้จักคำว่า ‘องค์ประกอบของภาพ’ แล้ว
เธอคิดว่าพี่สาวของเธอสอนหลานสาวของเธอได้ดีมาก
ถึงอย่างไร เธอก็จะไม่ยอมคิดเด็ดขาดว่าคนที่สอนเรื่องพวกนี้ให้หลานสาวของเธอคือเจียงเสี่ยวไป๋ !
นี่คืออคติ !
เมื่อคนหนึ่งมีอคติต่ออีกคนหนึ่ง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางชอบบุคคลนั้นอยู่ดี แม้ว่าบุคคลนั้นจะทำสิ่งที่ถูกต้อง เขาก็จะเพิกเฉยหรือคิดว่าสิ่งที่บุคคลทำอยู่นั้นเป็นการเสแสร้ง
“ถ้าอย่างนั้น ชานชานช่วยน้าถ่ายรูป แล้วน้าจะสอนวิธีจัดองค์ประกอบของภาพนะ ! ”
หลินเจียลี่เดินไปหาเจียงชาน ใช้กรอบภาพเพื่อดูสถานที่ที่เธอต้องการถ่ายภาพแล้วแสดงให้เจียงชานดู หลังจากอธิบายให้เจียงชานฟังแล้ว เธอก็กลับไปยังสถานที่ที่เลือกและให้เจียงชานช่วยถ่ายรูปให้เธอ
“แชะ แชะ ! ”
เจียงชานกดชัตเตอร์อย่างมีความสุขและถ่ายภาพสองภาพติดต่อกัน
ในยุคนี้ คนส่วนใหญ่ถ่ายรูปกันทีละภาพ เพราะฟิล์มมีราคาแพง และการล้างภาพถ่ายก็ต้องใช้เงินอีกด้วย
แต่เจียงชานไม่มีความคิดนี้ ตอนที่ป่าป๊าสอนเธอถ่ายรูป เขาให้เธอกดถ่ายรูปอย่างเดียวเท่านั้น
ตอนนี้เองที่น้าและหลานสาวต่างคนต่างสลับถ่ายรูปให้กันอย่างสนุกสนาน
อย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถถ่ายรูปคู่กับหลานสาวได้ หลินเจียลี่จึงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
“คุณลุงคะ ถ่ายรูปให้เราหน่อยได้ไหม ? ”
หลินเจียลี่ลองถามพนักงานบนเรือ
คนขับเรือกล่าวว่า “นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่มาขึ้นเรือเที่ยวชมที่นี่ก็ขอให้ฉันช่วยถ่ายรูปให้ด้วย แต่ฝีมือฉันยังอยู่ในระดับปานกลาง ถ้าไม่รังเกียจ ฉันช่วยได้”
“ไม่รังเกียจค่ะ ! ฉันไม่รังเกียจ ! ”
หลินเจียลี่โบกมือปัดซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้วยื่นกล้องให้คนขับเรือ เธอเลือกมุมถ่ายเอง และขอให้คนขับเรือช่วยถ่ายรูปเธอกับเจียงชานให้
เวลาเล่นผ่านไปเร็วมาก ตั๋ว 5 เหมาให้เวลานั่งเรือได้เพียงชั่วโมงเดียวเท่านั้น คนขับเรือจึงขับเรือไปจอดที่กลางทะเลสาบแล้วขับกลับมาที่เดิม
“บ๊ายบายค่ะคุณลุง ! ”
หลังลงจากเรือมาแล้ว เจียงชานก็บอกลาคนขับเรืออย่างสุภาพ คนขับเรือโบกมือให้เธอด้วยรอยยิ้มและเอ่ยชมว่าเธอมีมารยาทดี
“คุณลุง วันนี้รบกวนคุณลุงแล้ว ! ”
หลินเจียลี่เห็นว่าหลานสาวของเธอสุภาพมาก ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือก นอกจากทักทายคนขับเรือด้วย
เธอเคยมาที่ทะเลสาบตะวันออกมาก่อน แต่เธอก็จากไปทันทีหลังจากเรือจอดเทียบฝั่ง และเธอก็ไม่เคยสุภาพขนาดนี้มาก่อนด้วย
ต้องบอกว่าบางครั้ง คนก็มีอิทธิพลต่อกันได้
ในยุคนี้ นอกเหนือจากการนั่งเรือในทะเลสาบตะวันออกแล้ว เด็ก ๆ ก็ไม่มีอะไรสนุกให้ทำ ดังนั้นหลินเจียลี่จึงบอกว่าเธอจะพาเจียงชานไปดูสะพานข้ามแม่น้ำแยงซี
สะพานข้ามแม่น้ำแยงซีที่เจียงเฉิงเป็นความภาคภูมิใจของผู้คนในเจียงเฉิงมาเป็นเวลานาน ถึงขนาดที่ผู้คนจำนวนมากจากทั่วประเทศก็ยังโหยหาที่จะมาเยือนสะพานข้ามแม่น้ำแยงซีที่เจียงเฉิง
หลินเจียลี่รู้สึกว่าการพาหลานสาวของเธอไปดูสะพานข้ามแม่น้ำแยงซีจะทำให้เธอตกตะลึงอย่างแน่นอน
แต่ใครจะไปคิดว่าหนูน้อยเจียงชานกลับพูดขึ้นมาว่า “น้าเจียลี่ เมื่อวานหนูผ่านสะพานข้ามแม่น้ำแยงซีสามครั้งแล้วค่ะ ! ”
“หนูยังรู้จักบทกวีที่ยกย่องสะพานข้ามแม่น้ำแยงซีด้วยนะคะ: ลมกำลังเคลื่อนตัว เต่าและงูยังคงอยู่ ผืนน้ำกำลังเคลื่อนไหว สะพานทอดไปทางเหนือจรดใต้ ช่องว่างของธรรมชาติกลายเป็นทางสัญจร”
“บทกวีนี้พูดถึงสะพานข้ามแม่น้ำแยงซีที่เชื่อมระหว่างเหนือและใต้ เชื่อมต่อกับภูเขาเต่าและภูเขางู”
หลินเจียลี่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หลานสาวคนนี้รอบรู้เกินไปแล้ว !
หลินเจียลี่จะรู้ได้อย่างไรว่าเจียงเสี่ยวไป๋เพิ่งพาเจียงชานไปที่สะพานข้ามแม่น้ำแยงซีเมื่อวานนี้ เจ้าตัวเล็กกำลังเรียนรู้และแสดงความสามารถทางบทกวีตามสิ่งที่ป่าป๊าของเธอพูดกับเธอเมื่อวานนี้
หลินเจียลี่พูดว่า “ถ้าอย่างนั้น น้าจะพาหนูไปที่ห้างสรรพสินค้าและซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้หนู ! ”
เจียงชานส่ายหัวแล้วพูดอย่างมีเลศนัย “น้าเจียลี่ เราจะไม่ไปห้างสรรพสินค้าตอนนี้ ถ้าเราอยากไปช้อปปิ้งก็รอให้ป่าป๊าไปช้อปปิ้งด้วยกัน เขามีเงินมากมาย เราจะใช้จ่ายเงินของเขา ! ”
หลินเจียลี่รู้สึกขบขันกับหลานสาวคนนี้มาก
แต่เมื่อดูจากกล้องที่เจียงเสี่ยวไป๋ซื้อให้เธอ เธอก็รู้ว่าเจียงชานพูดถูก เธอดีใจที่หลานสาวของเธออยู่ฝ่ายเดียวกับเธอจึงพยักหน้ารับเหมือนไก่จิกข้าวเปลือก “เอาล่ะ เรามาใช้เงินของเขากันเถอะ ! ”
ในเมื่อไม่ไปเที่ยวชมสะพานข้ามแม่น้ำแยงซีหรือไปช้อปปิ้งในห้างสรรพสินค้า หลินเจียลี่ไม่รู้ว่าจะพาหลานสาวของเธอไปที่ไหนแล้ว
อย่างไรแล้วเจียงเฉิงก็ยังไม่มีสวนสนุกสำหรับเด็ก ๆ ในยุคนี้ และไม่มีสถานที่เที่ยวเล่นสำหรับเด็กมากนัก
หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็เข้ามาในหัวของหลินเจียลี่
เธอพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “ชานชาน น้าจะพาหนูไปยังสถานที่หนึ่ง ! ”
“น้าเจียลี่จะพาหนูไปไหน ? ” เจียงชานถามอย่างสงสัย
หลินเจียลี่ตอบด้วยรอยยิ้มว่า “เดี๋ยวหนูก็รู้เอง ! ”
เมื่อพูดเช่นนั้น เธอก็จับมือเล็ก ๆ ของเจียงชานและเดินลึกลงไปตามเขื่อนของทะเลสาบตะวันออก
……
สำหรับเจียงเสี่ยวไป๋ เขากำลังนอนหลับสนิท แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู ‘ปัง ปัง ปัง ! ’
“นั่นใครน่ะ ? ”
เขาลืมตาขึ้นอย่างงัวเงียแล้วยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา เขานอนยังไม่ถึงชั่วโมงก็ต้องมาถูกปลุกให้ตื่นแล้ว ดังนั้นเขาจึงถามอย่างหงุดหงิด
“คุณเจียง ฉันขอโทษที่รบกวนคุณ มีคนมาหาคุณค่ะ ! ”
ด้านนอกประตูมีเสียงของพนักงานเกสเฮาส์เอ่ยขอโทษเขาดังขึ้น
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย คนเดียวที่รู้ว่าเขาพักอยู่ที่นี่คือถังเสี่ยวโจว และถ้าถังเสี่ยวโจวต้องการตามหาเขา เขาจะเคาะประตูด้วยตัวเองโดยไม่ต้องผ่านพนักงานเกสเฮาส์
ถ้าไม่ใช่ถังเสี่ยวโจว แล้วใครที่มาหาเขา ?
“อืม อีกสักครู่ฉันจะตามลงไป ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบพนักงานด้วยความสงสัย หลังจากลุกขึ้นและล้างหน้า เจียงเสี่ยวไป๋ก็เดินออกจากห้องเพื่อไปแผนกต้อนรับของเกสเฮาส์