ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 388 :มาเป็นแขกตระกูลหลิน
ตอนที่ 388 :มาเป็นแขกตระกูลหลิน
ขณะที่เจียงเสี่ยวไป๋มาถึงแผนกต้อนรับของเกสเฮาส์ เขาเห็นชายคนหนึ่งในวัย 30 ปีกำลังรออยู่หน้าเคาท์เตอร์ ชายคนนั้นตัวสูง มีใบหน้าที่สง่างามและมีรูปร่างกำยำ
ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะเคยเป็นทหารมาก่อน !
แต่ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร !
“สหาย คุณกำลังตามหาฉันอยู่หรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ก้าวไปข้างหน้าและเอ่ยถาม
“สหาย ? ”
รอยยิ้มแปลก ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันงดงามของชายคนนั้น เห็นได้ชัดว่ารู้สึกขบขันกับคำเรียกนี้
“คุณคือเสี่ยวไป๋ใช่ไหม”
ชายคนนั้นยิ้ม และพูดต่ออีกว่า “อย่าเรียกฉันว่าสหายเลย ฉันชื่อหลินเจียจวิน ! ฉันอายุมากกว่านาย ดังนั้นเรียกฉันว่าพี่จวินก็ได้”
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินชื่อนี้ เขาก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงเปลี่ยนคำเรียกอีกฝ่ายใหม่ “พี่จวิน ! ”
หลินเจียจวินยิ้มและพูดว่า “นายมาที่เจียงเฉิงทั้งที แต่กลับไม่บอกไม่กล่าวเลย พ่อมักจะพูดถึงนายบ่อย ๆ ถ้าเจียลี่ไม่ได้พาชานชานมาที่บ้าน เราคงไม่รู้ว่านายมาที่เจียงเฉิง ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาคิดว่าเป็นถังเสี่ยวโจวที่บอกหลินต้ากั๋วว่าเขามาที่เจียงเฉิง เขาไม่คาดคิดว่าน้องสาวของภรรยาจะพาลูกสาวเขาไปที่ตระกูลหลินจริง ๆ
เห็นได้ชัดว่าหลินเจียจวินมาที่นี่เพื่อพาเขาไปที่ตระกูลหลิน
เหตุการณ์นี้ทำให้เขาไม่ทันระวังและเขาไม่ได้เตรียมพร้อมเลย
“งั้นไปที่บ้านตระกูลหลินกันเถอะ ! ”
เป็นอย่างที่คิดไม่มีผิด หลินเจียจวินเอ่ยปากออกมาแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มเจื่อนและพูดว่า “ผมไม่รู้ว่าเป็นพี่ที่มาหาผม งั้นผมขอขึ้นไปเอากระเป๋าที่ชั้นบนก่อน ! ”
หลินเจียจวินยิ้มรับ “ขึ้นไปเอากระเป๋าเงินหรือ ? นายไม่จำเป็นต้องซื้อของขวัญอะไรไปที่บ้านฉันหรอก ไปกันเถอะ”
เมื่อพูดอย่างนั้น เขาก็ตบไหล่เจียงเสี่ยวไป๋อย่างแรง จากนั้นก็โอบไหล่เจียงเสี่ยวไป๋แล้วพาออกไป
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องตามเขาออกจากเกสเฮาส์และขึ้นรถจี๊ปของหลินเจียจวินไป
“ฉันเคยเป็นทหารมาก่อน ทำหน้าที่ขับรถจี๊ปในกองทัพ ฉันไม่คุ้นเคยกับการขับรถเก๋งที่ปิดอากาศรอบคันแบบนั้น มันทำให้ฉันรู้สึกหายใจไม่ออก”
หลินเจียจวินพูดด้วยรอยยิ้มขณะขับรถ
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมก็ขับรถจี๊ปเหมือนกัน รถประเภทนี้มุมมองกว้าง สมรรถนะทางออฟโรดดี แข็งแกร่ง และข้อได้เปรียบคือการขับบนถนนเส้นภูเขา น่าเสียดายที่พี่ไม่สามารถใช้สมรรถนะที่แท้จริงของรถจี๊ปได้เวลาขับรถในเจียงเฉิง”
หลินเจียจวินหัวเราะ
เพื่อนของเขาหลายคนภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของรถเก่งสักคน แต่เขาชอบรถจี๊ป เป็นเรื่องยากที่ เจียงเสี่ยวไป๋จะมีความสนใจแบบเดียวกันกับเขา และดูเหมือนว่าเขาจะได้พบเพื่อนรู้ใจเข้าแล้ว
“ฉันได้ยินมาว่าถนนไปชิงโจวของนายทั้งเป็นทางลาดชันและอันตราย ไว้ครั้งหน้าฉันจะขับรถไปลองสัมผัสประสบการณ์ออฟโรดที่นั่นดู จะได้ถือโอกาสไปดื่มกับนายด้วย ! ”
“ตกลง ผมยินดีต้อนรับพี่เสมอ ! ” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าว
ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกัน รถจี๊ปก็มุ่งหน้าไปยังทะเลสาบตะวันออก ประมาณ 20 นาทีต่อมา รถก็ขับเข้ามาหยุดอยู่หน้าวิลล่าเก่าริมทะเลสาบ
“ที่นี่คือบ้านของฉัน มันยังคงเป็นบ้านหลังเดิม ! ” หลินเจียจวินพูดหลังจากลงจากรถ ดูเหมือนไม่ค่อยพอใจกับการใช้ชีวิตที่นี่เท่าไรนัก
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม บ้านที่นี่เก่ามากและไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถอยู่ในนั้นได้ เขาเดินตามหลินเจียจวิน ไปที่ประตู เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อย เขามาบ้านของลุงรองเจียอิน แต่เขาดันมามือเปล่าเสียได้
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในวิลล่าหลังนี้ เขาก็เห็นหญิงชราคนหนึ่งที่มีใบหน้าใจดี หลินเจียจวินตะโกนว่า “แม่ ผมพาเสี่ยวไป๋มาแล้ว ! ”
“สวัสดีครับครับป้าสะใภ้ ! ” เจียงเสี่ยวไป๋โค้งคำนับอย่างรวดเร็วเพื่อทักทายและกล่าวขอโทษ “ผมมาเยี่ยมครั้งแรก แต่กลับมามือเปล่า ผมต้องขอโทษจริง ๆ ! ”
หญิงชราเป็นภรรยาของหลินต้ากั๋ว เธอชื่อว่ามู่เสี่ยวหวาน เธอมาจากครอบครัวนักวิชาการ แม้ว่าเธอจะแต่งตัวเรียบ ๆ และมีอายุมากแล้ว แต่เธอก็ยังมีบุคลิกที่สง่าผ่าเผย เธอพูดอย่างอบอุ่นว่า “เราไม่ชอบมารยาทที่ผิด ๆ เหล่านั้นในครอบครัวของเรา ฉันได้ยินชานชานบอกว่าเธอพักที่เกสเฮาส์หงซาน จึงบอกให้เสี่ยวจวินไปรับเธอมากินข้าวด้วยกัน”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างสุภาพว่า “ขอบคุณป้าสะใภ้มากครับ ! ”
“ป่าป๊า ! มาแล้วหรือ ! ”
เจียงชานวิ่งเข้ามาและตะโกนอย่างตื่นเต้น เมื่อเธออยู่ข้างหน้าเจียงเสี่ยวไป๋ เธอก็กระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของเขา
เจียงเสี่ยวไป๋รีบรับตัวเธอแล้วพูดว่า “ทำไมลูกถึงวิ่งพรวดพราดมาแบบนี้ล่ะ ! ลูกต้องสุภาพในบ้านของคุณยายรองนะ รู้ไหม ? ”
“ป่าป๊าคะ หนูไม่ได้เจอป่าป๊าเกือบทั้งวัน หนูคิดถึงป่าป๊าที่สุด ! ” เจ้าตัวเล็กพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เธอขยิบตาให้มู่เสี่ยวหวานแล้วพูดว่า “คุณยายบอกกับหนูว่าให้หนูทำตัวสบาย ๆ เหมือนอยู่บ้าน”
เจียงเสี่ยวไป๋จ้องมองเธอ “ลูกเชื่อฟังคุณยายจริง ๆ ”
“แน่นอน หนูต้องฟังคุณยาย ! ” เจ้าตัวเล็กพูดอย่างภาคภูมิใจ
ประโยคนี้เพียงประโยคเดียวทำให้ให้มู่เสี่ยวหวานหัวเราะและพูดว่า “ใช่จ้ะ ใช่แล้ว หนูเชื่อฟังคุณยาย ก็ไม่ต้องกลัวว่าป่าป๊าของหนูจะตำหนิแล้ว”
หลินเจียจวินพูดว่า “เอาล่ะ อย่ายืนเบียดกันตรงประตูเลย รีบเข้ามานั่งสิ”
เจียงเสี่ยวไป๋รอให้มู่เสี่ยวหวานเดินไปก่อน จากนั้นจึงเดินตามเธอเข้าไปในห้องนั่งเล่น
ในห้องนั่งเล่นมีผู้ชายสองคนและผู้หญิงสี่คน หนึ่งในนั้นคือหลินเจียลี่ เธอเพียงเหลือบมองที่ เจียงเสี่ยวไป๋และเรียกเจียงชาน “ชานชาน มานี่สิ มาหาน้าเถอะ”
เธอเพิกเฉยต่อเจียงเสี่ยวไป๋ และปฏิบัติต่อเขาเหมือนเขาเป็นอากาศ
หลินเจียจวินแนะนำเจียงเสี่ยวไป๋ โดยชี้ไปที่ชายคนนั้นแล้วพูดว่า “นี่คือหลินเจียปิง พี่รองของฉัน”
“สวัสดีครับพี่เจียปิง ! ” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวทักทาย
หลินเจียปิงพยักหน้า “ยินดีต้อนรับ นั่งลงสิ ! ” หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็หันไปตำหนิหลินเจียจวินและพูดว่า “เจียจวิน ให้แขกนั่งลงก่อน”
หลินเจียจวินยิ้มและเชื้อเชิญให้เจียงเสี่ยวไป๋นั่งลงก่อน
หลินเจียปิงชี้ไปที่ผู้หญิงในวัย 30 กว่าปีที่นั่งข้างเขา แล้วพูดว่า “นี่คือภรรยาของฉัน จางอ้ายผิง” จากนั้น เขาก็ชี้ไปที่ผู้หญิงอีกคนในวัย 20 กว่าปีแล้วพูดว่า “ส่วนนี่คือหลินเจียหง น้องสาวคนเล็กของฉัน”
เจียงเสี่ยวไป๋เรียกจางอ้ายผิงว่า “พี่สะใภ้” แต่เขาไม่รู้ว่าจะเรียกหลินเจียหงอย่างไร เพราะเขาไม่รู้ว่าระหว่างเขาและเธอ ใครอายุมากกว่ากัน
หลินเจียหงยิ้มและพูดว่า “ฉันอายุมากกว่า ดังนั้นนายเรียกฉันว่าพี่สาวเถอะ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “ผมอายุ 28 ปี แต่พี่ดูเด็กกว่าผมเยอะเลย ! ”
หลินเจียหงพูดว่า “ฉันอายุ 29 ปีแล้ว ฉันบอกว่าฉันแก่กว่า แต่นายก็ยังไม่เชื่อฉัน เรียกฉันว่าพี่สาวเร็ว ๆ แต่พี่สาวคนนี้ไม่มีขนมให้หรอกนะ”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะ หลินเจียหงน่าสนใจมาก เธอปฏิบัติต่อเขาเหมือนเขาเป็นเด็กเลย !
เขาไม่รู้เลยว่าหลินเจียหงเป็นน้องคนสุดท้องในครอบครัว เธอถูกเอาอกเอาใจมาตั้งแต่เด็กและมีอารมณ์ร่าเริง เธอชอบให้หลินเจียลี่มาที่บ้านมากที่สุด เพราะในที่สุดก็มีคนเรียกเธอว่าพี่สาวและเธอก็ไม่ใช่น้องคนสุดท้องอีกแล้ว
ตอนนี้เธอมีน้องชายอีกคนแล้ว แน่นอนว่าเธอมีความสุขมาก
เธออายุมากกว่าเขาหนึ่งปี ดังนั้นเจียงเสี่ยวไป๋จึงเรียกออกมาอย่างหมดหนทางว่า “ครับพี่เจียหง ! ”
“เรียกฉันว่าพี่อย่างเดียวไม่ได้หรือไง ? ” หลินเจียหงทำหน้ามุ่ย “ทำไมต้องเรียกฉันว่าพี่เจียหงด้วย ! ไม่เห็นน่าสนใจเลย ! ” ใบหน้าของเธอมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย
มู่เสี่ยวหวานจ้องเธอแล้วตำหนิไปว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวไป๋มาที่บ้านของเรา ลูกก็เสียมารยาทกับเขาแล้ว ทำไมถึงไม่เอาอย่างชานชาน ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างรวดเร็วว่า “ป้าสะใภ้ครับ ไม่เป็นไรเลย พี่เจียหงไม่ได้มองผมเป็นคนนอกครอบครัวเสียหน่อย”
หลินเจียหงยิ้มรับ “นายปากหวานดี ฉันจะไม่ถือสานายแล้วกัน ! ”
มู่เสี่ยวหวานมองดูแล้วส่ายหัว เจียหงเป็นลูกสาวคนเดียวในครอบครัวที่ทำให้เธอปวดหัวได้เก่งมาก
ไม่สิ ลูกชายคนเล็กของเธอก็เช่นกัน
ลูกทั้งสองคนของเธอไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมแต่งงาน ไม่มีวันไหนที่เธอไม่เป็นกังวลกับลูกสองคนนี้เลย
หลังจากนั้น หลินเจียปิงยิ้มและแนะนำคนสุดท้ายให้เจียงเสี่ยวไป๋รู้จัก “นี่คือแม่นมอู๋ ต้องขอบคุณที่เธอคอยดูแลครอบครัวของเรา ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋เข้าใจได้ทันทีว่าแม่นมอู๋คนนี้เป็นคนรับใช้ของตระกูลหลิน และแอบชื่นชมการแนะนำแม่นมอู๋ของหลินเจียปิง เขาทักทายเธออย่างสุภาพ “สวัสดีครับป้าอู๋ ! ”