ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 389 :บอกตามความจริง
ตอนที่ 389 :บอกตามความจริง
หลังจากพูดคุยอย่างเพลิดเพลิน แม่นมอู๋ก็ไปทำอาหารที่ห้องครัว มู่เสี่ยวหวาน และพี่น้องของหลินเจียปิงกับเจียงเสี่ยวไป๋ยังนั่งพูดคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่น
ในระหว่างที่คุยกัน เขาได้รู้ว่าหลินเจียปิงมีพี่ชายคนโตชื่อหลินเจียเซิ่ง แต่ครอบครัวของหลินเจียเซิ่งอยู่ในเมืองเทียนจิง ในขณะที่หลินเจียปิงอาศัยอยู่กับพ่อแม่ของเขาในเจียงเฉิง และทำงานที่สำนักงานการรถไฟ ภรรยาของเขาจางอ้ายผิงทำงานที่สนามบิน พวกเขาไม่ได้บอกตำแหน่ง แต่เจียงเสี่ยวไป๋ก็มองออกว่าทั้งสองคนไม่ใช่พนักงานธรรมดา
หลินเจียจวินเปลี่ยนงานจากในกองทัพ และก่อนที่เขาจะเปลี่ยนงานนั้น เขาเคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกรมทหาร
ยุคนี้ ในกองทัพมีแต่ตำแหน่งทหารและไม่มียศทหาร แต่มีคำกล่าวว่าในระดับกองร้อยประจำมณฑล หากผู้บัญชาการกรมทหารในกองทัพเปลี่ยนงานและหางานใหม่ ก็มักจะได้ขึ้นเป็นรองเสนาธิการเทศมณฑล
แต่หลินเจียจวินไม่ทำแบบนั้น เขาอยากทำสิ่งที่เขาชอบ แต่ก็ยังไม่ได้เริ่มทำอะไร ดังนั้นเขาจึงว่างงานอยู่ในเจียงเฉิงมา 2 ปีกว่าแล้ว
หลินเจียหงทำงานที่โรงพยาบาลท้องถิ่นเจียงเฉิงในตำแหน่งแพทย์
หลังจากที่ได้ฟังแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็อดรู้สึกทึ่งไม่ได้เมื่อรู้อาชีพของลูกพี่ลูกน้องภรรยาแต่ละคนในครอบครัวหลินต้ากั๋ว ครอบครัวธรรมดานั้นเทียบไม่ได้อย่างแน่นอน
แต่มันไม่เกี่ยวกับตำแหน่งที่สูงของพวกเขา ทว่าเกี่ยวกับทิศทางอาชีพของพวกเขามากกว่า
หลินเจียปิงและหลินเจียจวินต่างสนใจธุรกิจของเจียงเสี่ยวไป๋ โดยเฉพาะหลินเจียจวิน เขาถาม เจียงเสี่ยวไป๋มากมายเกี่ยวกับธุรกิจ ราวกับว่าเขาต้องการที่จะทำธุรกิจด้วย
พวกเขาพูดคุยกันเป็นเวลากว่าชั่วโมง หลินจื้อหยวนและหลินจื้อเสวี่ย ลูกชายของหลินเจียปิงเลิกเรียนกลับมาถึงบ้าน หลินเจียปิงจึงให้ลูก ๆ ทั้งสองกล่าวทักทายเจียงเสี่ยวไป๋ และเข้าไปในห้องเพื่อทำการบ้าน
หลังจากนั้นไม่นาน หลินต้ากั๋วก็กลับมา
“สวัสดีครับลุงรอง ! ” เจียงเสี่ยวไป๋ลุกขึ้นทักทาย
หลินต้ากั๋วยกมือขึ้น โบกมือให้เขานั่งลงแล้วพูดว่า “อยู่บ้านลุงไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นหรอก ลุงคิดว่านายจะไม่มาแล้ว ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มรับ ครั้งนี้เขาไม่ได้วางแผนที่จะมาจริง ๆ แต่เขาไม่คาดคิดว่าน้องสาวของภรรยาจะพาลูกสาวของเขามาที่นี่ ดังนั้นเขาจึงเตรียมตัวไม่ทัน จำต้องมามือเปล่า
แน่นอนว่าหลินต้ากั๋วไม่รู้เรื่องนี้
เขาคิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋ตั้งใจมาที่บ้านของเขาด้วยตัวเอง
“สวัสดีค่ะคุณตารอง ! ” เจียงชานก็ทักทายอย่างมีความสุขเมื่อเธอเห็นหลินต้ากั๋ว
เจ้าตัวเล็กฉลาดมาก ดูเหมือนเธอจะรู้ว่าหลินต้ากั๋วเป็นศูนย์กลางของครอบครัว เธอจึงวิ่งไปให้เขาอุ้ม
หลินต้ากั๋วอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมาอย่างมีความสุข เขาไม่ปล่อยเธอลง จนแม่นมอู๋เรียกให้ทุกคนไปกินมื้อเย็น
แม่นมอู๋ทำอาหารท้องถิ่นของเจียงเฉิง ขณะที่หลินต้ากั๋วกำลังกินข้าว เขาพูดขึ้นว่า “เสี่ยวไป๋ ในเมื่อนายมาที่นี่แล้ว งั้นพรุ่งนี้ทำหม้อไฟให้ลุงกินที่บ้านหน่อยสิ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าของเขาดูจะลังเลไปเล็กน้อย
หลินต้ากั๋วถามว่า “เป็นอะไร ? ไม่เต็มใจหรือ ? ”
นับตั้งแต่ที่เขากินหม้อไฟครั้งล่าสุดที่เจียงวาน เขาก็อยากกินมันมาโดยตลอด โดยเฉพาะเมื่อเจียงเสี่ยวไป๋บอกว่าหม้อไฟมีน้ำซุปหลายประเภท เขาเพิ่งได้กินแค่น้ำซุปหม่าล่าและน้ำซุปหม่าล่าน้ำมันวัว และก็ไม่รู้ว่าจะได้ไปที่ชิงโจวอีกเมื่อไร ในเมื่อเจียงเสี่ยวไป๋มาแล้ว เขาก็ต้องรีบคว้าโอกาสเอาไว้
หลินเจียปิงและหลินเจียจวินต่างก็มองหลินต้ากั๋วอย่างประหลาดใจ พวกเขารู้ว่าพ่อของพวกเขาไม่เรื่องมากเรื่องการกิน จึงไม่คาดคิดว่าพ่อของเขาจะขอให้เจียงเสี่ยวไป๋ทำอาหารให้
เจียงเสี่ยวไป๋กลับมามีสติอีกครั้ง และพูดตามความจริงว่า “ลุงรองครับ ไม่ใช่ว่าผมไม่เต็มใจทำ แต่ถังเสี่ยวโจวให้ผมไปที่ทะเลสาบเหลียงจือกับเขาพรุ่งนี้ ผมจะทำหม้อไฟให้ลุงรองตอนผมกลับจากทะเลสาบนะครับ”
หลินต้ากั๋วมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ เขารู้ว่าถังเสี่ยวโจวถูกส่งไปทำงานที่เอ้อเฉิงแล้ว แต่มันยังไม่ใช่เวลาที่ถังเสี่ยวโจวจะเข้ารับตำแหน่ง เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “แล้วทำไมเขาถึงให้นายไปที่ทะเลสาบเหลียงจือล่ะ ? ”
“ถังเสี่ยวโจวรู้ว่าผมสามารถทำเมนูปูได้ เขาจึงจะพาผมไปที่ทะเลสาบเหลียงจือ ให้ผมไปดูคุณภาพของปูที่นั่นก่อน หากเป็นไปได้ เขาวางแผนที่จะใช้ปูเป็นผลิตภัณฑ์แทนกุ้งเครย์ฟิชของชิงโจว และส่งไปยังเอ้อเฉิงเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมปู”
เรื่องนี้ไม่ควรหลุดออกจากปากของเขาตั้งแต่แรก มันยังคงเป็นเรื่องที่น่ากังวล แต่เมื่อ หลินต้ากั๋วถาม เจียงเสี่ยวไป๋ก็คิดดีแล้วจึงเลือกที่จะบอกความจริง
หลินต้ากั๋วพยักหน้าหลังจากได้ยินสิ่งนี้ “เอาล่ะ นายไปทำธุรกิจก่อน”
หลินต้ากั๋วค่อนข้างพอใจกับความคิดของถังเสี่ยวโจว
สมแล้วที่เป็นคนที่เขาฝึกปรือมาด้วยตนเอง ยังไม่ทันรับตำแหน่งใหม่ก็เริ่มคิดเรื่องพัฒนาอุตสาหกรรมในท้องถิ่นแล้ว
การดำรงตำแหน่งราชการได้วาระเดียวทำให้เกิดประโยชน์แก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง นั่นคือสิ่งที่ควรทำ
หลังจากพูดจบ หลินต้ากั๋วยังกล่าวเสริมอีกว่า “อย่าลืมนำปูกลับมาให้ลุงลองชิมด้วย ลุงอยากรู้ว่าปูมีรสชาติอย่างไร ? พอจะมีความเป็นไปได้ไหมที่จะพัฒนาเป็นอุตสาหกรรมหมือนกับกุ้งเครย์ฟิชได้ ? ”
“ครับ” เจียงเสี่ยวไป๋ย่อมต้องเห็นด้วย
หลังจากได้ยินคำพูดของเจียงเสี่ยวไป๋ ดวงตาของหลินเจียจวินก็เป็นประกายขึ้นมา เขาพูดว่า “นายกำลังจะไปที่ทะเลสาบเหลียงจือ เยี่ยมเลย ฉันจะไปกับนายด้วย”
หลินต้ากั๋วถลึงตามองเขา “เสี่ยวไป๋และเสี่ยวโจวจะไปทำธุระที่นั่น แกจะตามไปเป็นตัววุ่นวายทำไม ? ”
หลินเจียจวินกล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้จักถังเสี่ยวโจวเสียหน่อย เสี่ยวไป๋จะไปทะเลสาบเหลียงจือ ผมจะขับรถไปส่งเขาที่นั่นไม่ได้หรือ ? ”
มีเพียงเขาและหลินเจียหงที่กล้าเถียงกับหลินต้ากั๋ว แต่หลินเจียปิงไม่กล้า
หลินต้ากั๋วไม่คัดค้านและพูดอย่างใจเย็นว่า “ถ้าอยากไปก็ไปเถอะ แต่อย่าสร้างปัญหาให้ฉันก็พอ ! ”
หลินเจียจวินหัวเราะเบา ๆ “พ่อ ผมเคยสร้างปัญหาให้กับพ่อตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ”
หลินต้ากั๋วแค่เพียงทำเสียงฮึดฮัด แต่ไม่ได้เถียงกลับ เพราะลูกชายคนนี้เหมือนเขามากที่สุด ทั้งที่มีบุคลิกสง่างามน่าเกรงขาม แต่นิสัยกลับร่าเริงเหมือนหลินเจียหง ตั้งแต่เด็กจนโต หลินเจียเซิ่งลูกชายคนโต หลินเจียปิงลูกชายคนที่สอง และแม้แต่หลินเจียหงลูกสาวคนเล็กของเขาก็มักจะก่อเรื่องมากมาย สร้างปัญหาให้เขาอยู่บ่อย ๆ แต่หลินเจียจวินเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่เคยสร้างปัญหาใด ๆ ให้เขากลุ้มใจเลย
ถึงแม้หลินเจียจวินจะไม่สร้างปัญหา แต่เขาก็ยังเป็นคนดื้อรั้นมากที่สุดและมีจุดยืนเป็นของตัวเอง
เมื่อเห็นว่าพ่อของเขาเงียบ หลินเจียจวินก็ยิ้มและพูดกับเจียงเสี่ยวไป๋ว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว นายจะออกเดินทางกี่โมง ฉันจะไปรับพวกนายเอง”
“ตอนเที่ยงตรง ! ”
หลินต้ากั๋วไม่ได้คัดค้าน เจียงเสี่ยวไป๋จึงไม่สามารถปฏิเสธได้ ดังนั้นเขาจึงต้องพูดออกมาอย่างหมดหนทาง
“โอเค ฉันรู้แล้ว ฉันจะโทรหาเสี่ยวโจวหลังอาหารเย็นและนายไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้” หลินเจียจวินกล่าว
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า เขาไม่ได้คัดค้านที่หลินเจียจวินจะโทรหาถังเสี่ยวโจวเช่นกัน
หลังจากกินอาหารเสร็จ ก็เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋และหลินต้ากั๋วนั่งพูดคุยกันสักพักแล้ว เขาก็กล่าวอำลา
แม้ว่าบ้านของตระกูลหลินจะเป็นวิลล่า แต่มีสมาชิกในครอบครัวจำนวนมากและไม่มีห้องว่าง หลินต้ากั๋วจึงให้หลินเจียจวินไปส่งเจียงเสี่ยวไป๋กลับไปที่เกสเฮาส์หงซาน
และยังส่งหลินเจียลี่กลับไปมหาวิทยาลัยด้วย
หลินเจียลี่รู้สึกเศร้าใจ เดิมทีเธอตกลงกับชานชานว่าคืนนั้นจะนอนด้วยกัน แต่ตอนนี้เจียงเสี่ยวไป๋พาหลานสาวของเธอกลับไปแล้ว
ถ้าฉันรู้เรื่องนี้ ฉันคงไม่พาหลานสาวไปบ้านลุงรองของฉันหรอก !
หลินเจียลี่เสียใจมาก จนเธอต้องพูดกับเจียงเสี่ยวไป๋ก่อนลงจากรถว่า “ถ้าพี่กลับมาจากเอ้อเฉิงแล้วก็พาชานชานมาที่นี่ด้วย ฉันจะพาเธอไปเที่ยวเล่นอีกวัน ! ”
เธอไม่เพียงแต่ไม่ยอมเรียกเขาว่าพี่เขยดี ๆ เท่านั้น แต่ยังพูดเสียงกระแทก ราวกับว่าถ้าเขาไม่ตกลง เธอจะทุบตีเขา
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่อยากยั่วยุน้องสาวของภรรยา เขาจึงตอบตกลง
จากนั้น หลินเจียลี่ก็ลงรถไปอย่างพอใจ