ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 394 :ปัญหาในการขนส่ง
ตอนที่ 394 :ปัญหาในการขนส่ง
เจียงเสี่ยวไป๋ใช้ปากพูด แต่มือของเขาก็สาธิตไม่หยุด
ขั้นแรก เขาใช้กรรไกรตัดขาทั้งแปดและก้ามปูออก หลังจากตัดเรียบร้อยแล้ว เขาก็เอาตะปิ้งของปูออก
จากนั้น เขาก็เปิดกระดองปู หยิบส่วนที่เป็นรูปกรวยสามเหลี่ยมที่อยู่ตรงกลางกระดองออกมาแล้วทิ้งไป ก่อนจะพูดว่า “นี่คือท้องปู กินไม่ได้ ! ”
ตอนนี้กระดองของปูก็ถือว่าจัดการเรียบร้อยแล้ว เขายื่นให้เจียงชานแล้วพูดว่า “หนูสามารถกินไข่ปูข้างในกระดองได้เลย”
เจียงชานรับมันอย่างมีความสุข เจียงเสี่ยวไป๋จึงบอกให้เธอลองเอามันจุ่มลงในซอสที่เขาเตรียมไว้
เขาอธิบายว่า “ปูเป็นสัตว์เลือดเย็น และขิงสามารถขับไล่ความเย็นได้ ดังนั้นการจุ่มปูในน้ำน้ำส้มสายชูที่ขูดขิงใส่ จะช่วยเพิ่มรสชาติให้อร่อยขึ้น”
เจ้าตัวน้อยทำตามที่เขาบอก พอเอาไข่ปูเข้าปาก เธอก็ปิดปากด้วยสีหน้าเกินจริง ซึ่งทำให้ทุกคนตื่นเต้นขึ้นมาทันที
เจียงเสี่ยวไป๋ยังคงใช้กรรไกรตัดปอดปูและปากปูส่วนเกินออก จากนั้นเขาก็พูดว่า “นี่คือหัวใจปู หัวใจปูมีฤทธิ์เย็นมาก คนที่ร่างกายอ่อนแอกินไม่ได้เป็นอันขาด จะทำให้ท้องไส้ปั่นป่วน จึงไม่แนะนำให้กิน”
หลินเจียจวิน ถังเสี่ยวโจวและคนอื่นต่างพยายามจดจำรายละเอียดพวกนี้
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋หยิบไข่ปูออกมาให้เจียงชาน เขาก็หักตัวปูออกเป็นสองส่วนเผยให้เห็นเนื้อปูที่อยู่ข้างใน เขาชี้ไปที่บนสุดของขาปูที่ถูกตัดออก แล้วพูดว่า “คราวนี้ ก็ฉีกตามรอบแข้งของขาปู แล้วเอาเนื้อปูออกมาได้”
หลังจากที่เขาสาธิตเสร็จ เขาก็เอาเนื้อปูครึ่งหนึ่งให้เจียงชาน และอีกครึ่งหนึ่งให้ผู่เสี่ยวเซี๋ยที่ใกล้จะน้ำลายไหลเต็มทน
เด็กน้อยทั้งสองเริ่มกินอย่างมีความสุข จากนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็ใช้กรรไกรตัดขาปูออกเป็นสามส่วนแล้วหยิบส่วนที่บางที่สุดขึ้นมาแล้วพูดว่า “นี่สามารถใช้เป็นเครื่องมือได้”
ขณะที่เขาพูดนั้น เขาก็ใช้ส่วนปลายของขาปูที่แหลม ๆ แทงไปตรงกลางของขาปู แล้วลากมันลงมา เผยให้เห็นเนื้อในขา จากนั้นก็ใช้ปลายของขาปูแหย่เนื้อออกมา
“เอาล่ะ แค่นี้ก็สามารถกินปูได้ทุกส่วนแล้ว ! ”
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋พูดจบ เขาก็ยื่นกรรไกรให้ถังเสี่ยวโจว ถังเสี่ยวโจวรีบรับกรรไกรมา เพราะแทบจะรอไม่ไหวที่จะได้ลองทำดูบ้าง
บนโต๊ะมีกรรไกรเพียงคู่เดียว ผู่ซิ่นหนานจึงบอกจงซิ่วหงไปว่า “ไปเอากรรไกรอันใหญ่ของคุณมาด้วย”
จงซิ่วหงลุกขึ้นอย่างรวด ทว่าผู่เสี่ยวหยูกลับเร็วกว่า เด็กชายตะโกนออกมาว่า “ผมไปเอง ! ” จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้านเพื่อไปเอากรรไกร
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม เขาหยิบปูตัวเมียขึ้นมาอีกตัวหนึ่ง และหักขาปูและก้ามปูด้วยมือเปล่า
ทันทีที่หลินเจียจวินเห็นว่าไม่จำเป็นต้องใช้กรรไกร เขาก็รีบทำตามทันที
ผู่ซินหนานหัวเราะ “ใช่แล้ว เราสามารถหักมันด้วยมือได้ ไม่ต้องใช้กรรไกร”
ขณะที่เขาพูด เขาก็เอาปูมาหนึ่งตัวแล้วเริ่มหักขาของมันออก
เมื่อผู่เสี่ยวหยูนำกรรไกรมา ทุกคนก็เริ่มแกะกระดองปูแล้ว เขามองดูด้วยสีหน้างุนงงและพูดด้วยความสับสนเล็กน้อย “พ่อ อ่า ไม่ใช้กรรไกรแล้วหรือครับ ? ”
ผู่ซิ่นหนานจึงหันไปถามหลินเจียจวินว่า “พี่หลิน คุณต้องการกรรไกรไหม ? ”
หลินเจียจวินส่ายหน้า ในเวลานี้เขาไม่สนใจกรรไกรแล้ว
ผู่ซิ่นหนานจึงบอกกับลูกชายของเขาไปว่า “ลูกใช้ได้เลย พวกเราใช้มือแกะได้ ! ”
ผู่เสี่ยวหยูจึงได้แต่พูดว่า “อ้อ” แล้วเลือกปูตัวที่ใหญ่ที่สุดออกมา เริ่มปลดเชือกอย่างมีความสุข เขายังคงสงสัยว่าทำไมพ่อแม่และทุกคนถึงเลือกเอาแต่ตัวเล็ก ?
ผู่ซิ่นหนานเห็นแบบนั้น จึงพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเด็กโง่ เลือกตัวเล็กสิ ตัวเล็กเป็นปูตัวเมีย มันมีไข่ปูอยู่ข้างในด้วย”
ผู่เสี่ยวหยูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาอายเกินกว่าจะเปลี่ยนแล้ว จึงตัดขาปูต่อไป
ปูขนนึ่งจุ่มในซอสขิงน้ำส้มสายชูช่วยกระตุ้นรสชาติของเนื้อปูได้ดีที่สุด ถังเสี่ยวโจวถึงได้เอ่ยชมว่า “การกินปูแบบนี้จะต้องใช้ความใจเย็นและละเอียดอ่อน ไม่มีการปรุงแต่งมากมาย ซึ่งมันเหมาะกับนิสัยการกินของชาวเจียงเฉิงมาก ! ”
หลินเจียจวินเองก็พยักหน้าเห็นด้วย ชาวเจียงเฉิงชอบกินอาหารที่มีรสอ่อน เพราะเน้นรสชาติของวัตถุดิบเป็นหลัก มักจะไม่ค่อยกินเผ็ด ซึ่งน่าจะชอบเมนูปูขนนึ่งพวกนี้
“แต่ฉันชอบปูผัดเซียงล่าไม่แพ้กัน ! ”
ผู่เสี่ยวเซี๋ยกล่าวว่า “แต่หนูว่ามันเผ็ดเกินไป ! ”
ขณะที่พูด เธอก็แลบลิ้นออกมา หยิบแก้วน้ำชาขึ้นมาจิบลงไปอึกใหญ่เพื่อคลายความเผ็ด
หลังจากที่ทุกคนกินปูขนไปคนละสองตัวแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็เข้าไปในห้องครัวและเห็นว่าโจ๊กในหม้อพร้อมแล้ว เขาจึงใช้ผ้าจับหูหิ้วแล้วยกหม้อโจ๊กออกมา
“คุณอา ยกอะไรมาอีกแล้วครับ ? ”
“นี่คือปูตุ๋นหรือครับ ? ”
ผู่เสี่ยวหยูอดไม่ได้ที่จะถาม เมื่อเขาเห็นหม้อถูกยกขึ้นมาบนโต๊ะ เพราะที่บ้านมักใช้หม้อนี้ในการตุ๋นเนื้อ ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋ทำเนื้อปูตุ๋น
เจียงเสี่ยวไป๋เปิดฝาหม้อออก ก่อนจะมีไอน้ำพุ่งออกมาเผยให้เห็นโจ๊กสีขาวที่อยู่ด้านใน มีกุ้งและเนื้อปูอยู่ในโจ๊ก ซึ่งดูน่ากินและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว
“เสี่ยวเจียง คุณยังสามารถทำโจ๊กที่ใส่เนื้อปูและกุ้งได้ด้วย นี่ถือว่าเป็นเมนูใหม่ได้เลย ! ” ผู่ซิ่นหนานพูดด้วยความตื่นเต้นขณะที่เขาได้กลิ่นหอมของโจ๊ก
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “อาหารแบบนี้เป็นที่นิยมในกวางตุ้งและแต้จิ๋ว แต่เราชาวแผ่นดินใหญ่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก มาลองชิมกัน”
พวกเขาออกไปจับปูในทะเลสาบตลอดบ่ายจึงรู้สึกหิวมากเป็นพิเศษ แม้ว่าจะกินปูผัดเซียงล่าหรือปูขนนึ่งไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่อิ่ม แต่ละคนจึงตักโจ๊กกันชามใหญ่ และกินกันอย่างเอร็ดอร่อย
“พ่อคะ โจ๊กที่ใส่เนื้อกุ้งและปูอร่อยกว่าโจ๊กธรรมดามาก ๆ ! ”
ผู่เสี่ยวเซี๋ยพูดอย่างมีความสุขขณะกินโจ๊กไปด้วย
“มันอร่อย มันอร่อยจริง ๆ ! ” ผู่ซิ่นหนานพยักหน้าซ้ำ ๆ และพูดกับเจียงเสี่ยวไป๋ว่า “เสี่ยวเจียง ลืมเรื่องปูผัดเซียงล่าไปได้เลย ครอบครัวของเราไม่สามารถทำแบบที่คุณทำได้ เพราะเราไม่มีทักษะการทำอาหารแบบคุณด้วย แต่คุณพอจะช่วยสอนภรรยาของฉันทำโจ๊กกุ้งและปูนี้ได้ไหม ถ้าเธอทำเป็น ครอบครัวของเราก็จะได้กินอาหารอร่อย ๆ แบบนี้ทุกวัน”
จงซิ่วหงยังกล่าวอีกว่า “ใช่แล้ว โจ๊กอร่อยและยังช่วยประหยัดข้าวได้ดีมาก ฉันอยากทำเป็นบ้าง ! ”
“ได้ ! ผมจะสอนพี่สะใภ้ในวันพรุ่งนี้ ! ” เจียงเสี่ยวไป๋ตอบตกลงทันที
หลินเจียจวินกินโจ๊กไปสองชามและรู้สึกพึงพอใจมาก เขาพูดซ้ำคำเดิม ๆ ว่า “เสี่ยวไป๋ หากนำเมนูปูผัดเซียงล่า ปูขนนึ่ง และโจ๊กปูไปเปิดร้านอาหารในเจียงเฉิง ฉันว่ามันคงจะสร้างรายได้ได้ดีอย่างแน่นอน ไม่อยากพูดให้เสียเวลา นายไปจัดการเรื่องการบริหาร ส่วนฉันจัดหาเงิน แล้วเรามาร่วมหุ้นเปิดร้านอาหารในเจียงเฉิงกันเถอะ ? ”
ถังเสี่ยวโจวพยักหน้าและพูดว่า “ถ้าคุณเปิดร้านแบบนี้ มันคงขายดีพอ ๆ กับร้านกุ้งอบน้ำมัน ผมคิดว่ามันสามารถเปิดได้”
เจียงเสี่ยวไป๋มองไปที่หลินเจียจวิน แล้วพูดว่า “พี่อยากเปิดร้านอาหารจริง ๆ หรือ ? ”
หลินเจียจวินพูดด้วยความไม่พอใจ “นายเห็นฉันพูดไร้สาระหรือ ? ถ้าฉันไม่อยากเปิดมัน ฉันจะบอกนายแบบนี้ไปทำไม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่การขนส่งอาจเป็นปัญหา กุ้งและปูเป็นอาหารทะเลที่ต้องปรุงอย่างสดใหม่ เร็วสุดก็ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงในการขนส่งจากทะเลสาบเหลียงจือไปยังเจียงเฉิง ช้าสุดก็ 5-6 ชั่วโมง อัตราการตายของกุ้งและปูระหว่างการขนส่งมีสูง หากไม่แก้ไขปัญหานี้ วัตถุดิบก็จะไม่สด”
ดูเหมือนหลินเจียจวินจะไม่สนใจเลย เขาพูดว่า “ตราบใดที่นายตกลงที่จะเปิดร้านกับฉัน ฉันก็จะดูแลเรื่องการขนส่งให้เอง”
เจียงเสี่ยวไป๋ค่อนข้างประหลาดใจและถามด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “แล้วพี่จะแก้ปัญหาอย่างไร ? ”