ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 40 : ฉันก็อยากมีพ่อแบบนี้เหมือนกัน
ตอนที่ 40 : ฉันก็อยากมีพ่อแบบนี้เหมือนกัน
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นสายตาของพนักงานสาวเหล่านั้นก็รู้ได้ทันทีว่าพวกเธอคิดอะไรอยู่ ?
”ชานชาน มานี่มา เสี่ยวกังได้เสื้อผ้าแล้ว ต่อไปก็เป็นคิวของหนูแล้วนะ”
“ขอบคุณค่ะ ป่าป๊า ! ”
บึ้ม……
พนักงานขายคนสวยรู้สึกเหมือนโดนตบหน้า เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าตัวเล็ก
เมื่อมองไปที่เด็กหญิงตัวเล็กที่เรียกเขาว่าป่าป๊ะ ซึ่งน่าตาของเธอสะสวยราวกับหยกแกะสลักสีชมพู ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ แม่ของเธอก็คงจะสวยน่าดู
พนักงานขายคนสวยเห็นแบบนั้นก็รู้สึกหงุดหงิดทันที
อนิจจา คนที่หมายตากลายเป็นของคนอื่นไปแล้ว
”ป่าป๊ะคะ ชุดนี้สวยจัง”
”เอาสิ ! ”
”ป่าป๊ะคะ ชุดนี้สวย”
”เอาสิ ! ”
“ป่าป๊ะ รองเท้าคู่นี้สวยมากเลยค่ะ”
”เอาเลย ! ”
“ป่าป๊ะ”
”เอา ! ”
“……”
“……”
“……”
“……”
บทสนทนาระหว่างสองป่าป๊ะลูก ทำเอาคนขายคนสวยอึ้งไปชั่วขณะ ตราบใดที่ลูกสาวเรียกว่า ป่าป๊ะ เขาก็จะซื้อให้ทันที
เธอก็อยากจะเรียกเขาว่า ป่าป๊ะ ด้วยอีกคน !
คงจะมีความสุขมาก ที่ได้เป็นลูกสาวของเขา !
“คนสวย มาช่วยฉันที”
ในตอนที่พนักงานขายคนสวยกำลังรู้สึกหดหู่ใจอยู่นั้น ทันใดนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ก็เรียกเธอให้ไปถือของให้
อ่า เขาเรียกฉันว่าคนสวยงั้นหรือ
พนักงานขายแสดงสีหน้าประหลาดใจ และเดินไปด้วยความตื่นตระหนก “มีอะไรให้ช่วยหรือคะ”
“โอ้ ฉันต้องการซื้อชุดชั้นในให้ภรรยา ช่วยดูให้ฉันหน่อยได้ไหม”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวอย่างตรงไปตรงมา
อ่า ?
พนักงานขายคนสวยถึงกับตกตะลึง ธรรมชาติของผู้ชายมักจะเขินอายในเรื่องแบบนี้ไม่ใช่หรือ ? ผู้ชายซื้อชุดชั้นในให้เมีย มันต้องใช้ความกล้าแค่ไหน ?
หรือเขาจะเป็นคนตรงไปตรงมา
รักเมียจริง ๆ
พนักงานขายคนสวยรู้สึกอิจฉาตาร้อนภรรยาของเขาทันที
และแอบหมั่นไส้เล็กน้อย
ผู้ชายที่ดีแบบนี้ ทำไมฉันไม่เจอเขาก่อนหน้านี้ ?
”แล้วแฟนของคุณใส่ไซร์อะไรคะ”
หลังจากสงบสติอารมณ์ได้ พนักงานขายคนสวยก็ถามด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ
บึ้ม……
เจียงเสี่ยวไป๋เองก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย
มันก็ผ่านมานานหลายสิบปีแล้ว เขาไม่รู้ขนาดของภรรยาเลยจริง ๆ
ตัวเธอมันประมาณไหนกันนะ
เมื่อเขาเหลือบมองพนักงานขายคนสวย ทั้งรูปร่าง ส่วนสูง หน้าอก สะโพก เขาก็แอบเปรียบเทียบในใจอย่างเงียบ ๆ
“เธอสูงกว่าคุณ ! ”
“ใหญ่กว่าคุณ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวออกมาด้วยความรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
วู้ วู้..
พนักงานขายได้ยินแบบนั้นก็แทบจะร้องไห้
ทำไมถึงใจร้ายกับเธอแบบนี้
ในที่สุด เจียงเสี่ยวไป๋ก็ซื้อชุดชั้นใน 3 ชุด กระโปรง 2 ตัว เสื้อ 2 ตัว และกางเกง 2 ตัว ให้กับภรรยาของเขาภายใต้สีหน้าไม่พอใจของพนักงานขายคนสวย
แน่นอนว่ายังมีรองเท้าอีกสองคู่
รองเท้าคู่เดียว จะไปเพียงพอต่อการเดินทางตลอดชีวิตอันแสนยาวนานได้อย่างไร ?
เมื่อเอามาคิดราคา เสื้อผ้าชุดใหม่และรองเท้าของหวังกัง อยู่ที่ 42 หยวน
ของเจียวชาน 76 หยวน
ของภรรยา 128 หยวน
รวมทั้งหมด 246 หยวน
เจียงเสี่ยวไป๋จ่ายเงินโดยไม่ลังเลและไม่เคยรู้สึกว่าการใช้เงินเป็นเรื่องที่น่าเสียดายสำหรับเขา
สำหรับพ่อแม่ของเขา เขาก็อยากจะซื้อเสื้อผ้าให้พวกท่านเหมือนกัน แต่เขาไม่รู้ขนาดตัวของพวกท่านจริง ๆ
เขาจึงเลือกที่จะซื้อผ้าที่ขายเป็นฟุตกลับไป แล้วให้พวกท่านไปหาช่างตัดเย็บเองจะง่ายกว่า
“คุณครับ ผมเอาผ้าสีฟ้านั้น 2 จั้ง”
”และก็เอาผ้าลายดอกอีก 2 จั้ง”
”เอ่อ..เอาผ้าโพลีเอสเตอร์อีก 2 จั้งครับ”
เจียงเสี่ยวไป๋เดินไปที่เคาน์เตอร์ที่ซื้อผ้า เขาชี้ไปที่ผ้าหลายชนิดที่อยู่ข้างใน แล้วซื้อผ้าไปหลายผืน
อา ?
ดวงตาของพนักงานขายเบิกกว้าง
สำหรับคนธรรมดา การจะซื้อผ้าไปสักผืนนั้นต้องเลือกแล้วเลือกอีก เพราะกว่าจะเอาเงินแต่ละหยวนแต่ละเหมามาซื้อนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แต่ชายคนนี้กลับชี้นิ้วสั่งทีเดียวถึง 6 ผืนโดนไม่แม้แต่จะคิด และยังเลือกผ้าที่ดีที่สุดอีกด้วย
ผ้า 6 จั้งที่เขาซื้อไปนั้นราคา 41 หยวน 8 เหมา
ยังไม่จบแค่นั้น เจียงเสี่ยวไป๋ยังตรงไปที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่มต่อ
พรุ่งนี้ที่บ้านพ่อกับแม่จะเรียกคนมาช่วยงาน ไม่ต้องซื้อเหล้ายี่ห้อดีเกินไป ซื้อเหล้าข้าวโพดสัก 5 ขวดก็พอแล้ว
ดังนั้นเขาต้องซื้อเหล้าดี ๆ กลับไปให้พ่อและพี่น้องของเขาได้ดื่ม
เหล้าเหมาไถในตอนนี้ก็ราคาไม่แพงเท่าไหร่ ขวดละ 2 หยวนเท่านั้น
”สหาย เอาเหล้าข้าวโพด 5 ขวด และเหมาไถอีก 5 ขวด”
ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวจะเอากลับไปไม่หมดล่ะก็ เขาก็อยากจะซื้อเหมาไถทั้งหมดที่มีในห้างตอนนี้กลับไปจริง ๆ
ทำไมในยุคนี้เหมาไถถึงราคาถูกอย่างนี้ ถ้าไม่ซื้อกลับไปก็คงโง่มาก
เขาเองก็คิดที่จะซื้อกลับไปให้หมด และค่อย ๆ ดื่ม ต่อให้ดื่มไม่หมดก็เก็บไว้ดื่มต่อไป ยิ่งนานก็ยิ่งมีรสชาติที่ดี ช่วยประหยัด เพราะหลังจากนี้ราคาของเหมาไถจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หากว่าซื้อไปเก็บไว้ตอนนี้ คงคุ้มค่าและประหยัดเงินกว่าอย่างแน่นอน
ยิ่งทิ้งไว้นานเท่าไหร่ ในอนาคตมันก็ยิ่งมีราคาแพง และประมูลได้ราคาเท่านั้น และยังเป็นที่ต้องการมากกว่าเหมาไถใหม่อีกไม่ใช่หรือ ?
เจียงเสี่ยวไป๋ตัดสินใจได้แบบนั้นก็วางแผนไว้ว่าหากมีโอกาส เขาจะมาซื้อเหมาไถทั้งหมดที่มีในห้างกลับไป
ครั้งนี้เขามีตั๋วเหล้า เหล้าข้าวโพดจึงเหลือเพียงขวดละ 4 เฟิน 5 หลี แต่เหล้าเหมาไถยังคงมีราคา 2 หยวน แต่หากไม่มีตั๋ว จะมีราคา 2 หยวน 2 เฟินต่อขวด
ดังนั้นเขาจึงจ่าค่าเหล้าไปในราคา 14 หยวน 5 เฟินด้วยกัน
มือทั้งสองมือเต็มไปด้วยสิ่งของ เขาจึงไม่สามารถจูงมือเจ้าตัวเล็กทั้งสองคนได้ จึงทำได้เพียงเดินตามหลังพวกเขา
เมื่อกลับมาที่ร้านน้ำชา หลินเจียอิน, หวังผิง และเฝิงเยี่ยนหงต่างก็ตกตะลึงเมื่อเห็นเจียงเสี่ยวไป๋กลับมาพร้อมข้าวของมากมายพะรุงพะรัง
เขาต้องเสียเงินไปเท่าไหร่กับของพวกนี้
“หม่าม๊า อาเจียงซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ผมด้วย”
“หม่าม๊า ป่าป๊าซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้หนูด้วยค่ะ”
เจ้าตัวน้อยทั้งสองเอาเสื้อผ้าและรองเท้าที่ซื้อมาใหม่ไปอวดแม่ของพวกเขา
เมื่อได้ยินว่า เจียงเสี่ยวไป๋ซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้หวังกังด้วย เฝิงเยี่ยนหงก็ทั้งดีใจและเกรงใจ เธอพูดว่า “ฉันเกรงใจ ต่อไปนายไม่ต้องซื้ออะไรให้เสี่ยวกังแล้วนะ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าว “เสี่ยวกังก็เป็นหลานชายของผมเหมือนกัน ผมต้องซื้อให้เขาอยู่แล้ว”
“งั้นก็ขอบคุณมาก ๆ เสี่ยวไป๋” เฝิงเยี่ยนหงกล่าว
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือแล้วพูดว่า “นี่ก็เย็นมากแล้ว ผมว่าจะกลับบ้านก่อน แล้วพวกคุณจะปิดร้านกันกี่โมง”
เฝิงเหยียนหงกล่าวว่า “ทำไมไม่นอนที่นี่ มันฝรั่งที่เหลือก็ยังไม่ได้ขนเข้ามาในเมือง นายกลับไปนอนที่บ้าน แล้วมันจะมีที่ว่างหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “พอดีพรุ่งนี้ที่บ้านพ่อกับแม่จะเรียกคนมาช่วยงาน ผมรับปากพวกท่านว่าจะซื้อเหล้าและหมูกลับไปให้ ยังไงวันนี้ผมก็ต้องกลับไปก่อน ”
เฝิงเยี่ยนหงพยักหน้าด้วยความเข้าใจ หากว่าเป็นแบบนี้ เธอก็ไม่กล้าที่จะเซ้าซี้ให้พวกเขาอยู่ต่อ
“ถ้างั้นพวกนายก็รีบกลับเถอะ มันเย็นมากแล้ว”
“ส่วนเรื่องร้านไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันจะขายที่เหลือและเก็บร้านให้”
เฝิงเยี่ยนหงกล่าว
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “จากนี้ ผมคิดว่าตั้งแต่ตอนเย็นเป็นต้นไป จะให้พวกพี่ขายให้ และเราจะแบ่งเงินกัน 50-50 ”
เฝิงเยี่ยนหงและหวังผิงต่างก็ตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดนี้
หากว่าแบ่งเงินกัน 50 ต่อ 50 จริงๆ อย่างนั้นมันก็ได้เงินเยอะเลยสิ
”ไม่ ไม่ ไม่ต้องมาแบ่งเงินให้เราหรอก เราช่วยนายขายมันได้” ทั้งหวังผิงและเฝิงเยี่ยนหงกล่าว
สุภาพบุรุษนั้นช่วยเหลือใครแล้วต้องไม่หวังผลตอบแทน
เพราะการขายผัดมันฝรั่งของเจียงเสี่ยวไป๋ จึงทำให้ร้านน้ำชาของพวกเขามีรายได้เพิ่มขึ้นเท่าตัว ซึ่งพวกเขาก็พอใจกับมันมาก ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องเอาเงินจากธุรกิจของเจียงเสี่ยวไป๋อีก
”ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาคุยกันก็ได้ครับ มันเย็นแล้ว ผมต้องรีบกลับก่อน พรุ่งนี้ยังมีเวลาคุยกันอีกเยอะ” เจียงเสี่ยวไป๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นมา
ทั้งเฝิงเยี่ยนหงและหวังผิงต่างก็พยักหน้า
เจียงเสี่ยวไป๋ยังคงขี่จักรยานของหวังผิงกลับไปที่เจียงวานโดยมีเจียงซานนั่งอยู่ข้างหน้าและหลินเจียอินนั่งซ้อนท้ายอยู่ด้านหลัง
ส่วนของที่ซื้อมาก็เอาใส่ไว้ในตะกร้าด้านหน้า และให้หลินเจียอินถือที่เหลือ
“เมียจ๋า วันนี้คุณทำงานหนักมาก เป็นยังไงบ้าง”
ระหว่างทาง เจียงเสี่ยวไป๋หันกลับมาและถามหลินเจียอิน
เจียงเสี่ยวไป๋ซื้อของมาหลายอย่าง แค่เหล้าอย่างเดียวก็ 10 ขวดแล้ว เขาซื้อหมูอีก 12 ชิ้น และเสื้อผ้าถุงใหญ่
ซึ่งมันค่อนข้างหนัก
ของที่หลินเจียอินถือก็ค่อนข้างหนักทั้งนั้น โชคดีที่เธอเป็นหญิงสาวชนบท ของพวกนี้จึงไม่ได้หนักเกินไปสำหรับเธอ
เมื่อได้ยินเจียงเสี่ยวไป๋ถามแบบนี้ หลินเจียอินก็รู้สึกชื่นใจ เขากำลังเป็นห่วงฉันจริง ๆ ใช่ไหม
แต่เมื่อเธอนึกถึงจำนวนเงินที่เจียงเสี่ยวไป๋นำไปใช้จ่ายในวันนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธ จึงบิดไปที่เอวของเจียงเสี่ยวไป๋อย่างรุนแรง
“เฮ้ เมียจ๋า มันอันตราย ผมกำลังปั่นจักรยานอยู่”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกเจ็บเอวจากการถูกบิดอย่างรุนแรง แต่เขาก็มีความสุขและได้แต่ตะโกนออกมาตลอดทาง
”อะไรของคุณ คุณขี่จักรยานเป็นไหม”
หลินเจียอินกล่าวด้วยความโกรธ
เจียงเสี่ยวไป๋ต้องการจะบอกว่าสิ่งสำคัญไม่ใช่จักรยาน แต่สิ่งสำคัญคือเขาเป็นคนขี่ และมันก็อันตรายมาก !
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่กล้าพูดมันออกมาในตอนนี้
เธอยิ้มอย่างเขินอายและพูดว่า “นี่ถือเป็นการฝึกฝนทักษะ ไม่ช้าก็เร็วคุณก็จะขี่มันคล่องเอง ? ”