ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 422 :คุณทำได้จริงเหรอ ?
ตอนที่ 422 :คุณทำได้จริงเหรอ ?
ติงจวิ้นเจี๋ยกล่าวว่า “หลังจากที่ผมมาถึงเจียงเฉิง ผมได้เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมเป็นเวลาสองสัปดาห์ ก่อนที่จะได้รับมอบหมายตำแหน่ง ตอนนี้ผมยังอยู่ในสำนักงานเลขานุการ”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะ “คุณยังคงเดินตามเส้นทางเดิมไม่เปลี่ยน หากคุณเข้าตาผู้นำคนไหนเข้าและได้กลายเป็นเลขานุการชำนาญการ แบบนั้นก็ดีเลยสิ”
ติงจวิ้นเจี๋ยหัวเราะเช่นกัน “ผมเพิ่งมาทำงานได้ไม่นาน จะเร็วอะไรขนาดนั้น ! ตอนนี้โฟกัสกับงานตรงหน้าก่อนดีกว่า ผมโทรหาพี่เจียงก็เพราะอยากบอกว่าถ้าพี่เจียงมาเจียงเฉิงก็อย่าลืมบอกผมด้วยนะ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบรับ และจดหมายเลขโทรศัพท์ของติงจวิ้นเจี๋ยเอาไว้ พวกเขาคุยกันสักพักแล้ววางสายไป
หลังจากคิดได้แล้ว เขาก็หยิบโทรศัพท์แล้วโทรออกอีกครั้ง
ต่อสายได้ไม่นาน เสียงที่ไม่คุ้นเคยก็ดังมาจากปลายสาย
“สวัสดีครับ คุณคือใครครับ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋แนะนำตัวเองและพูดว่า “ผมต้องการพูดคุยกับนายกเทศมนตรีจางครับ”
เสียงจากอีกฝ่ายตอบว่า “โอ้ เถ้าแก่เจียงนี่เอง ผมเฉิงเสี่ยวเหวย เป็นเลขานุการของรองนายกเทศมนตรีถัง ส่วนนายกเทศมนตรีจางได้ย้ายไปที่สำนักงานแห่งใหม่แล้ว หมายเลขโทรศัพท์สำนักงานของเขาคือ…”
เจียงเสี่ยวไป๋จดหมายเลขสำนักงานแล้วพูดว่า “ขอบคุณครับเลขาเฉิง อีกไม่กี่วันร้านหัวปลาหม้อไฟแห่งใหม่ของเราจะเปิดให้บริการแล้ว ผมอยากจะเชิญรองนายกเทศมนตรีถังและคุณไปทานอาหารเย็นด้วยกัน”
เฉิงเสี่ยวเหวยดูมีความสุขมาก และตอบรับคำเชิญทันที
หลังจากวางสายโทรศัพท์แล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยิ้มเล็กน้อย การเปลี่ยนแปลงในสำนักงานแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าหลังจากที่รองนายกเทศมนตรีจางได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นนายกเทศมนตรีแล้ว รองนายกเทศมนตรีถังก็เข้ามารับตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีฝ่ายบริหารแทน
เมื่อกดหมายเลขใหม่ ก็มีเสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้นที่ปลายสาย
“สวัสดี ผมชื่อเจียงเสี่ยวไป๋ นายกเทศมนตรีจางอยู่หรือเปล่าครับ ? ”
เมื่อได้ยินชื่อของเจียงเสี่ยวไป๋ อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาว่า “สวัสดีครับเถ้าแก่เจียง ผมชื่อเฉินเซียนจิ้น เป็นเลขานุการคนใหม่ของนายกเทศมนตรีจาง นายกเทศมนตรีจางว่างอยู่ ผมจะโอนสายให้ครับ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวอย่างสุภาพว่า “สวัสดีครับเลขาเฉิน ไม่ต้องโอนสายหรอกครับ ผมตั้งใจที่จะไปเยี่ยมนายกเทศมนตรีจางด้วยตนเอง ไม่ทราบว่าท่านนายกสะดวกไหม ? ”
“สะดวกครับ คุณเจียงมาได้เลย ผมจะไปแจ้งให้นายกเทศมนตรีจางทราบเดี๋ยวนี้”
“ขอบคุณครับเลขาเฉิน แล้วพบกันครับ ! ”
“ครับ แล้วพบกันครับ ! ”
หลังจากวางสายแล้ว เจียงสี่ยวไป๋ก็บอกให้หลินเจียอินรู้ แล้วเขาถึงได้ขับรถไปยังศาลาว่าการ
ในไม่ช้า เจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้พบกับเฉินเซียนจิ้น ชายหนุ่มในวัยยี่สิบต้น ๆ เป็นชายหนุ่มที่ดูมีพลังและใบหน้าที่หล่อเหลาพร้อมรอยยิ้มตลอดเวลา
หลังจากทั้งสองทักทายกันแล้ว เฉินเซียนจิ้นก็แนะนำเจียงเสี่ยวไป๋ให้รู้จักกับสำนักงานใหม่ของนายกเทศมนตรีจาง
“โอ้ คุณหายไปนานมาก ฉันคิดว่าจะไม่ได้เจอคุณแล้วซะอีก ! ”
เมื่อเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ นายกเทศมนตรีจางก็พูดล้อเล่นอย่างสนุกสนานและดูค่อนข้างพอใจ
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะและพูดว่า “คุณมอบหมายงานให้ผมมากมาย และช่วงนี้ผมก็ยุ่งมาก ผมเพิ่งได้หยุดพัก เลยมาหาคุณที่นี่”
“คำพูดคำจาลื่นไหลไม่เบา ! ”
นายกเทศมนตรีจางทักทายเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยรอยยิ้ม และหลังจากที่เฉินเซียนจิ้นเตรียมชาแล้ว เขาก็ออกจากห้องไป
เจียงเสี่ยวไป๋แสดงความยินดีกับเขา ก่อนจะพูดว่า “ตอนนี้ที่ร้านมีเมนูใหม่แล้ว ช่วงบ่ายวันนี้ไปทานปูขนนิ่งและปูผัดเซียงล่าที่ร้านผมไหมครับ ? ”
มุมปากของนายกเทศมนตรีจางกระตุก “ถ้าคุณพูดถึงอาหารจานใหม่ในวันที่ 20 เดือนที่แล้วก็คงดี แต่นี่มันเดือนพฤศจิกายนแล้ว คุณเพิ่งมาพูดเรื่องอาหารจานใหม่กับฉันงั้นเหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม มันไม่ใช่เรื่องใหม่จริง ๆ
ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงหรือแฟรนไชส์กุ้งอบน้ำมันชิงเหอ ร้านกุ้งอบน้ำมันหลายสิบร้านในเมืองต่างก็โปรโมตปูขนนิ่งและปูผัดเซียงล่า นายกเทศมนตรีจางก็เคยไปที่นั่นสองสามครั้งเช่นกัน
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ไม่ว่าจะใหม่หรือไม่ก็ตาม แต่ผมเชิญให้คุณไปลองชิมเป็นครั้งแรก ถ้าคุณไม่ไป งั้นรอให้ผมเปิดร้านหัวปลาหม้อไฟแล้ว ผมค่อยมาเชิญคุณใหม่แล้วกัน ! ”
นายกเทศมนตรีจางหัวเราะ แล้วพูดว่า “คุณเลี้ยงทั้งที ฉันต้องไปอยู่แล้ว นอกจากนี้ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณด้วย”
ใกล้จะเลิกงานแล้ว ทั้งสองก็ออกจากสำนักงานด้วยกันและพูดคุยกันไปตลอดทาง
นายกเทศมนตรีจางพูดแนะนำว่า “ไปร้านที่ถนนกวนโปกันเถอะ ที่นั่นสะดวกให้คุณไปรับภรรยาของคุณ และอยู่ใกล้ทางกลับบ้านของคุณด้วย”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะแฮะ ๆ “ผู้นำใส่ใจขนาดนี้ มีหรือผมจะปฏิเสธ ! ”
ทั้งสองคนขึ้นรถ โดยเจียงเสี่ยวไป๋มุ่งหน้าไปยังสำนักงานของโรงงานผลิตเครื่องปรุงรสเพื่อไปรับหลินเจียอินและเจียงชาน ขณะที่นายกเทศมนตรีจางให้คนขับรถอ้อมไปรับใครสักคน
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋มาถึงร้านอาหารบนถนนกวนโปหมายเลข 13 เขาไม่เห็นรถของนายกเทศมนตรีจาง ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าผู้นำคงไปรับใครบางคนอีกแล้ว
เขาขอให้หลินเจียอินเข้าไปที่ร้านก่อนเพื่อจัดอาหาร ในขณะที่เขารออยู่นอกร้าน
ไม่นานหลังจากนั้น รถของนายกเทศมนตรีจางก็มาถึง
ตามที่คาดไว้ เขาไปรับฟู่เต๋อเจิงมาที่นี่ด้วย
ในเมืองชิงโจวมีคนไม่กี่คนที่สามารถทำให้นายกเทศมนตรีจางวนรถออกนอกเส้นทางไปรับพวกเขาได้ และฟู่เต๋อเจิงก็เป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน
“สวัสดีครับ ท่านประธานฟู่ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ทักทายด้วยรอยยิ้ม
ฟู่เต๋อเจิงกล่าวว่า “ช่วงนี้คุณยุ่งมาก ฉันแทบไม่ได้เจอคุณเลยจนฉันเกือบคิดว่าคุณได้มอบแผนกโฆษณาให้กับเย่กวงโต้วดูแลไปแล้ว”
ในช่วงนี้ มีโฆษณาจำนวนมากปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์รายวันชิงโจว และโฆษณาเกือบทั้งหมดเป็นฝีมือของเย่กวงโต้ว ไม่มีใครเห็นเจียงเสี่ยวไป๋มาที่สำนักงานหนังสือพิมพ์เลย
เจียงเสี่ยวไป๋ยื่นบุหรี่ให้ฟู่เต๋อเจิงและพูดว่า “นั่นพิสูจน์ให้เห็นว่าผมมีสายตาที่เฉียบแหลม และได้ฝึกฝนคนมีความสามารถให้ยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง”
ฟู่เต๋อเจิงหยิบบุหรี่ขึ้นมาแล้วพูดหน้าแหย “อย่าเอาเปรียบคนอื่นแล้วทำตัวไร้เดียงสาสิ”
พวกเขาทั้งสามคุยกันและหัวเราะอยู่พักหนึ่ง หลังจากสูบบุหรี่ในมือหมดลง พวกเขาก็เข้าไปในห้องส่วนตัวในร้านด้วยกัน
เนื่องจากนายกเทศมนตรีจางและฟู่เต๋อเจิงต่างก็รู้ว่าหลินเจียอินกำลังตั้งครรภ์ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถสูบบุหรี่ในห้องส่วนตัวได้
ภายในห้องส่วนตัว มีการเตรียมอาหารและเครื่องดื่มไว้แล้ว และพวกเขาก็เริ่มมื้ออาหารทันทีที่มาถึง
เจียงเสี่ยวไป๋ยังไม่ได้ดื่มเหล้าเลย แต่นายกเทศมนตรีจางและฟู่เต๋อเจิงดื่มอวยพรให้กันแล้ว หลังจากดื่มไปสามรอบ นายกเทศมนตรีจางก็ถามเจียงเสี่ยวไป๋ว่า “เรื่องโรงเรียนที่คุณพูดถึงก่อนหน้านี้ได้รับการอนุมัติแล้ว คุณวางแผนที่จะก่อตั้งที่ไหน ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกยินดีและพูดทันทีว่า “อย่างที่ผมบอกไปแล้วนายกเทศมนตรีจาง ผมอยากเปลี่ยนภูเขาฉีเฟิงให้เป็นแลนมาร์คสำคัญของชิงโจว ซึ่งครอบคลุมทุกด้านของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ที่พัก ความบันเทิง อย่างไรก็ตามมรดกทางวัฒนธรรมยังมีข้อบกพร่องอยู่เล็กน้อย ดังนั้นผมขอแนะนำให้สร้างโรงเรียนใกล้กับตีนเขาฉีเฟิง”
นายกเทศมนตรีจางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเรามาจัดสรรที่ดินที่อยู่ติดของคุณกันดีกว่า มีที่ดินผืนหนึ่งขนาดกว่า 300 หมู่ หากคุณสนใจ คุณสามารถซื้อได้ในราคาเดียวกับครั้งที่แล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นด้วยทันทีและบอกว่าเขาจะจัดการมันในวันพรุ่งนี้
นายกเทศมนตรีจางพยักหน้าและกล่าวว่า “นอกจากนี้ ในปีนี้โรงงานแปรรูปถั่วเหลืองได้รับซื้อถั่วเหลืองในหมู่บ้านต่าง ๆ เช่น ชิงซาน ชีหลี่ผิง และหลู่หยวนผิง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรในท้องถิ่นมาก ฉันสอบถามถึงแนวโน้มการขายผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองในปีหน้า หากรัฐบาลของเราส่งเสริมการเพาะปลูกถั่วเหลืองทั่วทั้งเมืองในปีหน้า เราจะคาดหวังความสำเร็จในระดับเดียวกับปีนี้ได้ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ผมไม่รู้มากนักเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันในพื้นที่ชนบท แต่ถ้ารัฐบาลเต็มใจที่จะส่งเสริมการเกษตร ก็ไม่จำเป็นต้องปลูกถั่วเหลืองเท่านั้น สามารถปลูกพริก ขิง กระเทียม แตงโม ดอกทานตะวัน ถั่วลิสง ฟักทอง และอื่น ๆ ได้ ซึ่งผมสามารถเซ็นสัญญาซื้อกับเกษตรกร รับประกันราคาและยังสอนเทคนิคการปลูกพืชเรือนกระจก อย่างเช่น กระเทียม ผักกาดขาวปลี ให้สามารถผลิตได้ตลอดทั้งปี โดยไม่คำนึงถึงฤดูกาล”
นายกเทศมนตรีจางและฟู่เต๋อเจิงต่างก็ประหลาดใจ พวกเขามองหน้ากันสักพัก ฟู่เต๋อเจิงก็พูดว่า “คุณทำได้จริง ๆ เหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “การปลูกพืชผักในเรือนกระจกได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในต่างประเทศมาเป็นเวลานาน คุณเพียงแค่ต้องอ่านหนังสือเพิ่มเติมเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้”
นายกเทศมนตรีจางกลอกตา คำอธิบายของเจียงเสี่ยวไป๋เริ่มฟังดูซ้ำซากสำหรับเขา
สิ่งที่เขาสนใจก็คือเจียงเสี่ยวไป๋เต็มใจเซ็นสัญญารับซื้อพืชผลกับเกษตรกร และส่งเสริมการเพาะปลูกในเรือน