ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 424 :เปลี่ยนมุมมอง
ตอนที่ 424 :เปลี่ยนมุมมอง
เจียงเสี่ยวไป๋มีความสุขที่มองเห็นผลลัพธ์ทั้งสองแบบในอนาคตของโรงงานปูนซีเมนต์
หากผลสุดท้ายเป็นไปอย่างผลลัพธ์แรก เขาจะได้รับพันธมิตรที่แข็งแกร่ง แต่หากเป็นไปอย่างผลลัพธ์ที่สอง เขาก็จะพิจารณาทำสัญญาซื้อกิจการจากภาครัฐ
เมื่อเทียบกับความยากลำบากและผลตอบแทนที่ไม่น่าพอใจจากการเปิดโรงงานปูนซีเมนต์ในตอนนี้ เขาขอเลือกเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในภายหลังดีกว่า
นายกเทศมนตรีจางไม่รู้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋ได้คิดไปไกลแค่ไหนในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่เขาค่อนข้างผิดหวังที่เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับโรงงานปูนซีเมนต์
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาว่าเจียงเสี่ยวไป๋มีหลายเรื่องอยู่ในแผนของเขาแล้ว เขาจึงไม่กดดันประเด็นนี้และพูดว่า “เอาล่ะ ฉันจะคุยกับผู้อำนวยการหวังจากสำนักอุตสาหกรรมและผู้อำนวยการเยว่จากโรงงานปูนซีเมนต์ เราจะเร่งดำเนินการเพื่อหาวิธีแก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด”
นี่เป็นเรื่องของภาครัฐ เจียงเสี่ยวไป๋จะไม่เข้าร่วม เขาพูดต่อว่า “เมื่อรายได้ของเกษตรกรเพิ่มขึ้น พวกเขาจะพิจารณาปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของตนโดยธรรมชาติ ในอนาคตจะมีแนวโน้มที่ชาวเมืองจะสร้างบ้านใหม่มากขึ้นอย่างแน่นอน”
นายกเทศมนตรีจางและฟู่เต๋อเจิงต่างก็พยักหน้า นี่คือธรรมชาติของมนุษย์
แต่พวกเขาสงสัยว่าภาครัฐจะเข้าไปมีส่วนร่วมในที่อยู่อาศัยในชนบทได้อย่างไร ดังนั้นทั้งสองจึงมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ เพื่อรอคำอธิบายเพิ่มเติมจากเขา
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ในอดีต เมื่อเกษตรกรต้องการสร้างบ้านใหม่ พวกเขาเพียงต้องการใบรับรองจากหมู่บ้านเท่านั้น นายกเทศมนตรีจาง คุณสามารถแนะนำนโยบายที่อยู่อาศัยในชนบทแบบใหม่ที่สร้างมาตรฐานการก่อสร้างบ้านใหม่ในพื้นที่ชนบท ซึ่งจะรวมถึงกฎระเบียบ เช่น การไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่เพาะปลูกมาสร้างบ้าน การกำหนดขนาดของบ้านตามจำนวนประชากรของครอบครัว และมาตรฐานการออกแบบภายนอกที่เป็นไปตามแนวทางเดียวกันสำหรับบ้านในชนบท”
นายกเทศมนตรีจางสามารถเข้าใจสองประเด็นแรก แต่เขาพบว่าแนวคิดเรื่องมาตรฐานการออกแบบภายนอกสำหรับบ้านในชนบทนั้นแปลก เขาจึงถามว่า “จำเป็นต้องมีการออกแบบรูปแบบบ้านด้วยเหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าอย่างเคร่งขรึมและกล่าวว่า “ผมสามารถออกแบบบ้านได้หลายสไตล์ และในอนาคต เกษตรกรจะสามารถสร้างบ้านตามแบบเหล่านี้ได้ ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้บ้านดูสวยงามและใช้งานได้จริงเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย”
“เมื่อพื้นที่ชนบทของเมืองทั้งเมืองนำการออกแบบบ้านเหล่านี้มาใช้ ก็จะกลายเป็นภาพที่สวยงามในชิงโจว”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ นายกเทศมนตรีจางและฟู่เต๋อเจิงก็เริ่มสนใจและเริ่มถามคำถามเพิ่มเติม
เจียงเสี่ยวไป๋อธิบายทีละคำถามอย่างใจเย็น
อันที่จริงนี่ไม่ใช่นวัตกรรมของเขา ในสมัยนั้นประเทศได้ริเริ่มแผนการพัฒนาชนบทครบวงจรแล้ว เขาเพียงแค่ปฏิบัติตามหลักการที่กำหนดไว้เหล่านั้น
หลังจากฟังคำอธิบายของเจียงเสี่ยวไป๋แล้ว ฟู่เต๋อเจิงก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า “ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะเห็นแบบแปลนที่คุณพูดถึง คุณจะร่างแบบเสร็จเมื่อไหร่ล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “ในอีกไม่กี่วันนี้ครับ”
ฟู่เต๋อเจิงพูดอย่างมีความสุข “เยี่ยมมาก ร่างแบบแปลนออกมาแล้วก็อย่าลืมเอามาให้ฉันดูด้วยล่ะ ฉันสามารถตีพิมพ์มันในหนังสือพิมพ์ เพื่อให้คนอื่นได้เห็นล่วงหน้า”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าเห็นด้วย
หลังจากพูดคุยกันอย่างยาวนาน มื้ออาหารนี้ก็เสร็จสิ้น
อย่างไรก็ตาม นายกเทศมนตรีจางยังคงมีเรื่องที่เขาสงสัยใคร่รู้อีกมากมาย เขาจึงถามต่อ “แล้วเรื่องโรงเรือนกระจกที่คุณพูดถึงในตอนแรกล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “เรือนกระจกแห่งนี้สร้างขึ้นโดยใช้ไม้ไผ่และเหล็กเป็นโครงสร้างหลัก แล้วจึงหุ้มด้วยฟิล์มพลาสติกรักษาอุณภูมิไว้หนึ่งหรือหลายชั้น”
“ฟิล์มพลาสติกช่วยกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระหว่างการเจริญเติบโตของผัก และสร้างฉนวนที่จำเป็นภายในเรือนกระจก ทำให้สภาพในเรือนกระจกเหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของพืชผัก”
“ด้วยวิธีนี้ การปลูกผักในโรงเรือนจึงไม่ถูกจำกัดตามฤดูกาลอีกต่อไป และสามารถรับประทานผักสดนอกฤดูกาลได้ตลอดเวลา”
นายกเทศมนตรีจางตกตะลึง ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นขณะที่เขาอุทานว่า “นั่นหมายความว่าเราสามารถขายผักไปได้ทั่วประเทศใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าและกล่าวว่า “ใครไม่มี เรามี ใครมี เราก็มี เมื่อเราพัฒนาการผลิตผักเรือนกระจกในวงกว้าง เราก็สามารถขายผักให้เมืองที่ไม่สามารถปลูกผักได้ในบางฤดูกาล ดังนั้นผักนอกฤดูจากชิงโจวจะขายดีอย่างแน่นอน”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวต่อว่า “ดังนั้น คุณสามารถเรียกการพัฒนาผักเรือนกระจกว่า ‘โครงการตะกร้าผักสีเขียว’ ก็ได้ครับ ! ”
นายกเทศมนตรีจางหัวเราะร่าออกมา “ใครไม่มี เรามี ใครมี เราก็มี, ประโยคนี้ของคุณช่างน่าประทับใจเสียจริง แนวคิดโครงการตะกร้าผักสีเขียวของคุณยอดเยี่ยมมาก งั้นเราก็เร่งดำเนินการกันเถอะ ฉันอยากโปรโมตให้ทั่วทั้งเมือง”
เจียงเสี่ยวไป๋ลังเลเล็กน้อย แล้วพูดว่า “นายกเทศมนตรีจางครับ เคยมีคำพูดที่ว่า ‘สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น’ ทำไมเราไม่จัดทำโครงการนำร่องในเจียงวาน ทำนโยบายโครงการพัฒนาชนบทใหม่และ โครงการตะกร้าผักสีเขียวให้เป็นจริง จากนั้นเราจะเชิญหัวหน้าหมู่บ้าน ผู้นำระดับเทศบาลเมือง ผู้นำระดับมณฑลและตัวแทนเกษตรกรจากทั่วเมืองมาศึกษาดูงานได้ วิธีนี้ง่ายต่อการโปรโมตครับ”
นายกเทศมนตรีจางและฟู่เต๋อเจิงมองหน้ากันและยิ้ม
ผู้ชายคนนี้มักจะคิดถึงคนของตัวเองก่อนเสมอ
เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างไม่ใส่ใจ “ผมเห็นแก่ตัวสักหน่อยจะเป็นไรไป ? การทำงานเพื่อสวัสดิการของบ้านเกิดและเพื่อนชาวบ้านไม่ใช่เรื่องน่าละอาย”
“ไม่น่าละอาย ! ไม่น่าละอายเลย ! ” นายกเทศมนตรีจางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ในความเป็นจริง แม้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ แต่เขาก็ยังคงวางแผนที่จะดำเนินโครงการนำร่องในเจียงวานอยู่แล้ว
ถึงอย่างไรผู้คนในเจียงวานก็ร่ำรวยแล้ว ดังนั้นการสร้างบ้านใหม่จึงไม่ใช่ปัญหา และหมู่บ้านอื่นยังไม่มีเงินมากพอเหมือนพวกเขา
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้นะครับ ผมจะรีบส่งแผนพัฒนาโดยเร็วที่สุด และพยายามเริ่มดำเนินการในเดือนนี้เพื่อให้หลายครอบครัวได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหม่ในช่วงตรุษจีนของปีนี้”
“ดี ! ” นายกเทศมนตรีจางเห็นด้วยทันที
จากนั้น ทุกคนก็กลับบ้านของตน
วันรุ่งขึ้น เจียงเสี่ยวไป๋ไปชำระค่าธรรมเนียมการโอนที่ดิน 365 หมู่ที่ตีนเขาฉีเฟิงก่อน จากนั้นจึงไปพบรองนายกเทศมนตรีถังเพื่อรับใบอนุญาตดำเนินการเปิดโรงเรียน
ตอนนี้เขาสามารถรับสมัครครูได้อย่างเปิดเผยได้แล้ว
เขาสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้และได้รู้ว่าเงินเดือนของครูในโรงเรียนประถมกลางอันดับ 1 ของชิงโจวมีตั้งแต่ 20 หยวนไปจนถึง 80 หยวน ขึ้นอยู่กับอายุงาน ความชำนาญทางวิชาชีพและตำแหน่งของพวกเขา
หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง เจียงเสี่ยวไป๋ก็ตรงไปที่สำนักงานหนังสือพิมพ์
“หัวหน้าเจียง วันนี้คุณมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ ? ”
เย่กวงโต้วถามด้วยความเคารพ เมื่อเขาเห็นเจียงเสี่ยวไป๋
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ครั้งที่แล้วนายทำหน้าที่ได้ดีมากในการช่วยฉันรับสมัครพนักงานขับรถฝึกหัด คราวนี้ฉันต้องการให้นายช่วยเขียนโฆษณารับสมัครครูให้หน่อย”
“รับสมัคร…ครู ? ”
เย่กวงโต้วตกตะลึง เขาไม่รู้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋มีแพลนที่จะก่อตั้งโรงเรียน
การรับสมัครครูนั้นยากกว่าการรับสมัครคนขับรถฝึกหัด และยังยากยิ่งกว่าการรับสมัครพนักงานขับรถเมื่อก่อนอีกด้วย
เพราะถึงอย่างไร ทหารที่ปลดประจำการจากกองทัพบางส่วนยังสามารถขับรถได้
และในตอนที่บริษัทโลจิสติกส์กำลังรับสมัครพนักงานขับรถ ก็ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์นานกว่าสิบวัน แต่ก็ไม่มีใครสนใจ
จนกระทั่งในเวลาต่อมา ได้มีการเปลี่ยนการรับสมัครพนักงานขับรถเป็นการรับสมัครพนักงานขับรถฝึกหัด ทำให้ได้รับสมัครพนักงานจำนวน 300 คนอย่างรวดเร็ว
แต่ครูแตกต่างออกไป ครูส่วนใหญ่มีงานทำอยู่แล้ว
แล้วจะรับสมัครอย่างไร ?
มันเป็นเหมือน “การดึงตัว” มากกว่าการรับสมัครบุคลากร !
เย่กวงโต้วรู้สึกว่ามันยากมาก
แต่เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้ใส่ใจความคิดของเย่กวงโต้วมากนัก เขาพูดไปว่า “เขียนโฆษณาแบบนี้”
เย่กวงโต้วหยิบปากกาและสมุดบันทึกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“โรงเรียนประถมศึกษาฉิวซู่รับสมัครตำแหน่ง ครู เงินเดือนพื้นฐาน 300 หยวนต่อเดือน ครูที่เกษียณแล้วทุกคนที่มีอายุต่ำกว่า 65 ปีสามารถสมัครได้”
เย่กวงโต้วจ้องมองเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความประหลาดใจ หัวหน้าเจียงน่าทึ่งจริง ๆ การสรรหาครูหนุ่มสาวอาจเป็นเรื่องท้าทาย แต่ถ้ารับสมัครครูที่เกษียณแล้ว ด้วยเงินเดือนที่สูงขนาดนี้ เขาเชื่อว่าหลายคนจะสนใจ
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น
ประเด็นก็คือ ครูที่เกษียณแล้วสามารถได้รับเงินเดือนสูงถึง 300 หยวนต่อเดือน แล้วครูหนุ่มสาวที่เหลือจะคิดอย่างไร ?
พวกเขาจะไม่สนใจเชียวหรือ ?
เย่กวงโต้วรู้สึกได้ว่าเมื่อโฆษณานี้ถูกเผยแพร่ อาจสร้างความฮือฮาในแวดวงการศึกษาของชิงโจว
“หัวหน้าเจียง มีอะไรให้ผมใส่เพิ่มเติมอีกไหม ? ”
เย่กวงโต้วถามอย่างระมัดระวัง