ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 428 :ไม่รอแล้ว
ตอนที่ 428 :ไม่รอแล้ว
วันนี้ที่สำนักข่าวรายวันชิงโจวก็มีชีวิตชีวามากเช่นกัน
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีแต่คนโทรเข้ามาสอบถามเรื่องรับสมัครครู ซึ่งทำให้หงเหว่ย หัวหน้าแผนกบรรณาธิการเริ่มหงุดหงิด
“สายด่วนข่าวกลายเป็นสายด่วนสมัครงานแล้ว มันเกิดอะไรขึ้น ! ”
มู่เสี่ยวชิงหัวเราะและพูดว่า “เอาล่ะ สายด่วนข่าวมักจะไม่ค่อยมีคนโทรเข้า ถือว่ามันเป็นการสนับสนุนงานของเสี่ยวเย่แล้วกัน”
หงเหว่ยบ่นว่า “ถ้ายังสนับสนุนเขาอีก คิดว่าเขาคงจะลาออกจากสำนักข่าวแล้ว”
เฉินไป๋เฉิงกล่าวว่า “ใครบอกว่าเขาจะไม่ทำล่ะ ? ตอนแรกที่ประธานฟู่ขอให้เขาย้ายไปแผนกโฆษณา เรายังคิดว่ามันน่าเสียดาย แต่ดูเขาตอนนี้สิ เขามีรายได้รวมโบนัสประจำเดือนตุลาคมมากกว่า 200 หยวน ในขณะที่เราเพิ่งทำเงินได้ไม่กี่สิบหยวนเท่านั้น ทำเอาฉันอยากย้ายไปที่ไปแผนกโฆษณาเลย”
มู่เสี่ยวชิงยิ้มและพูดว่า “เสี่ยวเย่ก็ใช้ได้เลย เขายังแบ่งงานโฆษณามาให้เราเขียนด้วย ทำให้รายได้ของเราเพิ่มขึ้นมากกว่าสิบหยวนเมื่อเดือนที่แล้ว ! ”
เฉินไป่เฉิงกลอกตาไปที่เธอแล้วพูดติดตลก “เสี่ยวชิง ทำไมเธอถึงพูดแทนเย่กวงโต้วตลอดเลยล่ะ ? เธอชอบเขาใช่ไหม ? ”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา หงเหว่ย หวังเสี่ยวหยา และเยว่ฉินต่างก็หัวเราะออกมา
มู่เสี่ยวชิงกระทืบเท้า ใบหน้าของหญิงสาวแดงขึ้นเล็กน้อย “ถ้าฉันชอบเขาจะเป็นไรไป เขาทั้งหล่อ มีความสามารถ ถือเป็นคนที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง ! ”
เยว่ฉินพูดว่า “ถ้าเธอชอบเขาก็บอกเขาไปสิ ! ”
หวังเสี่ยวหยาหัวเราะและพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องให้เธอพูดอะไร ครั้งหนึ่งฉันเคยเห็นเสี่ยงเยว่จมอยู่กับความคิดและพึมพำกับตัวเองว่า ‘เสี่ยวชิง ! เสี่ยวชิง ! ‘ เป็นประจำ เขาจะต้องชอบเธอเหมือนกันแน่นอน”
มู่เสี่ยวชิงเมื่อได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกมีความสุข ใบหน้าของเธอแดงก่ำ เธอพูดอย่างเขินอายว่า “คงไม่ใช่หรอก ! ”
หงเหว่ยและคนอื่นระเบิดเสียงหัวเราะอีกครั้ง
ทันใดนั้น ชายและหญิงสูงอายุกลุ่มหนึ่งก็เข้ามาในสำนักงาน ทำให้ทุกคนประหลาดใจ หงเหว่ยเห็นแบบนั้นจึงถามว่า “มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ ? ”
ชายชราที่เป็นผู้นำกล่าวว่า “นี่คือที่สายด่วน 1745 หรือเปล่า ? พวกเรามาสมัครงาน”
“ใช่ เรามาเพื่อสมัครงาน”
“ใครเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ? ”
“……”
หงเหว่ยเห็นว่าคนกลุ่มนี้ประกอบด้วยคนมากกว่าสิบคน ทุกคนดูมีสีหน้าตื่นเต้น เขาจึงพูดอย่างรวดเร็วว่า “เราเป็นแผนกบรรณาธิการ พวกคุณสามารถไปสมัครงานได้ที่แผนกโฆษณา”
จากนั้น เขาก็ตะโกนออกมาว่า “มู่เสี่ยวชิง พา……ครูเหล่านี้ไปที่แผนกโฆษณา”
“ได้ค่ะ ! ” มู่เสี่ยวชิงตอบรับอย่างรวดเร็วและทักทายกลุ่มคนชรา “คุณครูทุกท่านตามฉันมาค่ะ คนที่สัมภาษณ์คุณชื่อเย่กวงโต้ว……”
คนกลุ่มใหญ่จากไป และสำนักงานของแผนกนักข่าวก็กลับมาเงียบสงบในที่สุด
หงเหว่ยรู้สึกหงุดหงิดมาก นี่มันอะไรกัน ?
ไม่ได้ เขาต้องคุยกับเจียงเสี่ยวไป๋และบอกเจียงเสี่ยวไป๋ว่าอย่าให้คนที่จะมาสัมภาษณ์เข้ามาที่สำนักข่าว
ใช่ จะต้องติดตั้งสายด่วนแยกสำหรับแผนกโฆษณาด้วย
หงเหว่ยถอนหายใจและเดินปรี่ไปยังห้องทำงานของฟู่เต๋อเจิง
……
ทางด้านโรงงานผลิตเครื่องปรุงรส รองนายกเทศมนตรีถังและหลันหง รอจนถึงเที่ยงวัน เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยังไม่กลับมา ทั้งสองก็เริ่มร้อนใจ
“นายกเทศมนตรีถัง ผู้อำนวยการหลัน ตอนนี้เป็นเวลาอาหารกลางวันแล้ว ไม่อย่างนั้นเราไปทานอาหารกลางวันในโรงอาหารด้วยกันไหมคะ ? ” เฝิงเยี่ยนหงกล่าว
รองนายกเทศมนตรีถังไม่มีความอยากอาหารในขณะนี้ เขาพูดว่า “ผมยังไม่หิว แล้วเจียงเสี่ยวไป๋จะกลับมากินอาหารกลางวันไหม ? ”
เฝิงเยี่ยนหงยิ้มอย่างเจื่อนและตอบว่า “รองนายกเทศมนตรีถัง เรื่องนี้ฉันไม่รู้จริง ๆ ”
รองนายกเทศมนตรีถังโบกมือแล้วพูดว่า “ลืมไปเถอะ ผมจะไม่รอเขาแล้ว ผู้อำนวยการหลัน คุณก็อยู่ทานอาหารกลางวันที่นี่ก็แล้วกัน เมื่อเจียงเสี่ยวไป่กลับมาก็พาเขาไปที่สำนักงานของของผมด้วย”
“ได้ค่ะ รองนายกเทศมนตรีถัง คุณกลับไปก่อนก็ได้ ฉันจะพาเขาไปที่ห้องทำงานของคุณทันทีที่เขามาถึง” หลันหงกล่าวด้วยความเคารพ
รองนายกเทศมนตรีถังพยักหน้า และกลับไปด้วยอารมณ์หดหู่พร้อมกับเฉิงเสี่ยวเหวย
หลันหงตามเฝิงเยี่ยนหงไปที่โรงอาหารเพื่อทานอาหารกลางวัน และอยู่รอเจียวเสี่ยวไป๋ต่อไป
เธอรอจนถึงบ่ายสี่โมงกว่า ๆ
เฝิงเยี่ยนหงดูนาฬิกาของเธอแล้วพูดขอโทษ “ผู้อำนวยการหลัน ตอนนี้สี่โมงกว่าแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋น่าจะไม่มาที่นี่แล้วค่ะ”
หลันหงรออยู่ที่นี่เกือบทั้งวัน ระหว่างที่รอ รองนายกเทศมนตรีถังก็โทรมาหลายสาย แต่เมื่อเขาได้ยินว่าเจียงเสี่ยวไป๋ไม่มา เธอก็ทั้งโกรธและวิตกกังวล เธอพูดอย่างไม่เต็มใจว่า “ปกติคุณเลิกงานกี่โมง ? บางทีเขาอาจจะมาก่อนคุณเลิกงานก็ได้”
เฝิงเยี่ยนหงกล่าวว่า “ปกติแล้วเราจะเลิกงานเวลาห้าโมงครึ่ง แต่เจียงเสี่ยวไป๋มักจะกลับบ้านหลังสี่โมงเย็น”
ฮะ ?
หลันหงตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะโทรหารองนายกเทศมนตรีถังเพื่อรายงานสถานการณ์
“ช่างเถอะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ ! ”
รองนายกเทศมนตรีถังทำได้เพียงพูดอย่างช่วยไม่ได้
หลังจากวางสายแล้ว หลันหงก็บอกเฝิงเยี่ยนหงว่า “เยี่ยนหง ถ้าพรุ่งนี้เจียงเสี่ยวไป๋มาแล้ว รบกวนคุณช่วยบอกให้เขาไปพบฉันที่สำนักงานการศึกษาด้วย”
นอกจากนนี้ เธอยังกล่าวเสริมว่า “ไม่ ทันทีที่เขามาถึง ให้โทรหาฉันและอย่าปล่อยให้เขาออกไปไหนเสียก่อนล่ะ”
เฝิงเยี่ยนหงพยักหน้ารับ
ย้อนกลับไปในตอนเช้าของเจียงเสี่ยวไป๋ เขาได้เดินเล่นกับหลินเจียอินและเจียงชานในภูเขาฉีเฟิง หลังจากเล่าแผนอันยิ่งใหญ่ของเขาแล้ว เขาก็พาพวกเธอไปที่อำเภอชิงซาน
วันนี้จางชุ่ยฮวาไม่ได้ไปที่สำนักงานของโรงงานผลิตเครื่องปรุงรส แต่กำลังรอเจียงเสี่ยวไป๋ในชิงซาน
“คุณควรจะมาถึงแต่เช้าไม่ใช่เหรอ ? ”
“ทำไมถึงใช้เวลาเดินทางนานขนาดนั้นเลยล่ะ ? ”
เมื่อเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ จางชุ่ยฮวาก็บ่นอย่างไม่พอใจ
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและตอบว่า “เจียอินพี่สาวของคุณกำลังตั้งครรภ์ ดังนั้นเมื่อผมพาพวกเธอมาที่ภูเขาฉีเฟิงด้วย ผมจึงต้องเดินช้าลงเล็กน้อยและใช้เวลาพอสมควร”
หลังจากได้ยิน จางชุ่ยฮวาไม่รู้จะพูดอะไร ดังนั้นเธอจึงบอกให้ทั้งสามนั่งลง ในขณะที่เธอไปทำอาหาร
หลังจากรับประทานอาหารแล้ว จางชุ่ยฮวาก็พาทั้งสามคนไปทางทิศตะวันออกของอำเภอ
ขณะที่พวกเขาผ่านสี่แยกที่นำไปสู่บ้านของหลี่ม่านม่าน เจียงเสี่ยวไป๋ก็มองขึ้นไปที่ป่าไผ่สีเขียวบนเนินเขา บ้านกระเบื้องเล็ก ๆ หลายหลังมองเห็นได้เลือนลางและดูเงียบสงบเป็นพิเศษ จนเกือบจะเรียกได้ว่าค่อนข้างรกร้าง
เขาถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ และหันหลังกลับเพื่อเดินต่อไป
หลังจากเดินออกจากเมืองไปประมาณหนึ่งกิโลกว่า จางชุ่ยฮวาก็ชี้ไปที่เส้นทางภูเขาเล็ก ๆ ริมฝั่งแม่น้ำแล้วพูดว่า “สถานที่แห่งนี้เหมาะที่สุดถ้าคุณต้องการตั้งโรงงาน”
เจียงเสี่ยวไป๋มองไปรอบ ๆ และเห็นว่าสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำชิง มีภูเขามีแม่น้ำและไม่มีบ้านเรือนตั้งอยู่โดยรอบ โดยเฉพาะเนินเขาเล็ก ๆ ลูกนั้นที่ดูมีเอกลักษณ์คล้ายบ้านกระเบื้องหลังเล็ก ๆ
เขาพยักหน้าและพูดว่า “ผมคิดว่าทำเลนี้ดีมาก ดังนั้นมาตั้งโรงงานผักดองที่นี่กันเถอะ”
เดิมทีเขาวางแผนที่จะจัดตั้งโรงงานผักดองในเมืองชิงโจวเพื่อรับที่ดิน
แต่หลังจากที่นายกเทศมนตรีจางมอบที่ดินเชิงพาณิชย์และที่พักอาศัยสองแปลงที่ตีนเขาฉีเฟิงให้ เขาก็วางแผนใหญ่ในใจที่จะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นศูนย์กลางการค้าในชิงโจว ซึ่งรวมถึงห้างสรรพสินค้า โรงแรม ถนนอาหาร สวนสนุกสำหรับเด็ก สวนน้ำ สวนสาธารณะและอาคารพักอาศัย ดังนั้นหากให้มาตั้งโรงงานผักดองไว้ตีนเขาฉีเฟิงอีกคงไม่เหมาะสม
ในเมื่อเขาไม่สามารถขอที่ดินเพิ่มจากนายกเทศมนตรีจางได้ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนความสนใจไปที่อำเภอชิงซานแทน
ด้วยความทรงจำจากชาติก่อนของเขา เขารู้ว่าชิงซานจะถูกรวมเข้ากับเขตเมืองในอนาคต เมื่อถึงตอนนั้นที่ “ถนนโจวซาน” ถูกขยายขึ้นแล้ว จะตั้งโรงงานผักดองที่อำเภอชิงซานหรือเมืองชิงโจวล้วนไม่ต่างกัน
เมื่อเห็นว่าเขาพอใจกับสถานที่แล้ว จางชุ่ยฮวาก็พูดว่า “เอาล่ะ เราจะไปหานายอำเภอฉง ฉันได้แจ้งให้เธอทราบแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า จากนั้นพวกเขาก็กลับไปที่ตัวอำเภอ และตรงไปที่ว่าการอำเภอ