ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 431 :แก้ปัญหา
ตอนที่ 431 :แก้ปัญหา
คำพูดของเธอชัดเจนมากว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไร
แต่นายกเทศมนตรีจางกลับถามออกมาเช่นนี้
หลันหงมองไปที่นายกเทศมนตรีจางด้วยความตกใจ และรู้สึกไม่ดีอยู่ในใจราวกับว่าเธอได้ทำในสิ่งที่โง่เขลา
รองนายกเทศมนตรีถังก็ตกใจเช่นกันเมื่อเห็นความไม่พอใจของนายกเทศมนตรีจางจากคำกล่าวเมื่อครู่
นายกเทศมนตรีจางพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “คุณคงเห็นแค่ว่าเจียงเสี่ยวไป๋เสนอเงินเดือนให้ครู 300 หยวนต่อเดือน แต่คุณรู้ไหมว่าค่าจ้างพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารของเขาได้เงินเดือนไม่ต่ำกว่า 100 หยวนต่อเดือน ? ”
เขาเหลือบมองพวกเขาทั้งสองอย่างไม่แยแส และพูดต่ออีกว่า “คุณคิดว่าเงินจำนวนนี้มันสูงมากแล้วใช่ไหม ? ”
เขายิ้มเยาะ แล้วกล่าวว่า “เมื่อเดือนกรกฎาคม โรงงานฟิล์มพลาสติกไม่สามารถจ่ายค่าจ้างพนักงานได้และจวนจะล้มละลายเต็มที แต่หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋เข้ามารับช่วงต่อในเดือนกันยายน ค่าแรงต่ำสุดที่พนักงานของโรงงานได้รับอยู่ที่มากกว่า 200 หยวน มีพนักงานจำนวนมากที่มีรายได้ระหว่าง 400 ถึง 500 หยวน นอกจากนี้ยังมีพนักงานมากกว่าสิบคนที่มีรายได้มากกว่า 4,000 หยวน ยิ่งไปกว่านั้น พนักงานชื่ออวี๋เต๋อสุ่ยมีรายได้ 13,699 หยวนในเดือนกันยายนและกลายเป็นเศรษฐีหมื่นหยวนในเวลาเพียงเดือนเดียว”
รองนายกเทศมนตรีถังและหลันหงต่างก็ตกตะลึง
การทำงานให้เจียงเสี่ยวไป๋มีรายได้สูงขนาดนั้นเลยเหรอ ?
สูงกว่าเงินเดือนพวกรองนายกเทศมนตรีและหัวหน้าแผนกซะอีก !
นายกเทศมนตรีจางเหลือบมองใบหน้าของรองนายกเทศมนตรีถังและหลันหง แล้วพูดว่า “ตอนนี้ คุณยังคิดว่าเงินเดือนครูของเขาที่ 300 หยวนต่อเดือนนั้นสูงอยู่หรือเปล่า ? ”
รองนายกเทศมนตรีถังและหลันหงต่างก็ทำตัวไม่ถูก ได้แต่ส่ายหน้ากันสองคน
นายกเทศมนตรีจางกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “อย่าหลงกลกับเงิน 300 หยวนที่เขียนไว้ในโฆษณา ฉันกล้ารับประกันว่าเงิน 300 หยวนนั้นของเขาเป็นเพียงแค่ตัวล่อเท่านั้น เขายังไม่ได้หงายไพ่ลับออกมา และเมื่อเขาหงายมันออกมาแล้ว รับรองเลยว่าพวกคุณครูเหล่านั้นต้องไม่อาจปฏิเสธได้แน่นอน”
รองนายกเทศมนตรีถังและหลันหงต่างก็ประหลาดใจ
หลันหงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ยังมี……ผลประโยชน์อื่นที่สูงกว่านี้อีกหรือคะ ? ”
นายกเทศมนตรีจางพยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูดว่า “แม้ผมจะไม่รู้ว่าเขามีจุดประสงค์อะไรกันแน่ แต่เท่าที่ผมรู้จักเขา ผมคิดว่าจะต้องมีเงื่อนไขบางอย่างอีกแน่นอน”
หลันหงยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “งั้น… เราไม่สามารถหยุดเขาให้ล่าครูเก่ง ๆ ไปจากหน่วยงานของรัฐได้แล้วใช่ไหมคะ ? ”
“หยุด ? ” นายกเทศมนตรีจางเหยียดยิ้มเย็นชา “ผู้อำนวยการหลัน คุณจะใช้อะไรมาหยุดเขาได้ ? ”
“คุณจะล็อคไม่ให้คนของหน่วยงานไปทำงานกับเขาหรือ ? ”
“หรือเราควรให้ค่าจ้างที่สูงขึ้นแก่ครูที่ต้องการเปลี่ยนงานด้วย ? ”
เขาโบกมือแล้วพูดว่า “มันหยุดไม่ได้หรอก ! ”
นายกเทศมนตรีจางมองออกไปนอกหน้าต่าง และนึกถึงตอนที่เจียงเสี่ยวไป๋รับสมัครพนักงานจากโรงงานเครื่องดื่มเถิงต้า
ในเวลานั้น ผู้จัดการโรงงานจ้าวเมิ่งฮู่ได้รายงานการกระทำของเจียงเสี่ยวไป๋กลางงานเลี้ยงน้ำชาที่จัดขึ้นโดยศาลาว่าการเมือง หลังจากนั้น เขาได้ติดต่อเจียงเสี่ยวไป๋เพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ และได้รับ ‘แผนการดำเนินการเพื่อคุ้มครองสิทธิของพนักงาน’ จากเขา แผนปฏิบัติการนี้มีรายละเอียดเกี่ยวกับความรับผิดชอบ สิทธิ และการคุ้มครองสิทธิของพนักงาน
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ การทำงานให้เจียงเสี่ยวไป๋จะไม่ต้องกังวลอะไร มีเพียงอนาคตที่สดใสรออยู่เท่านั้น
ดันนั้น เขามั่นใจว่าหากเจียงเสี่ยวไป๋ยังไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการ เขาจะต้องไม่เผยไพ่ลับออกมาอย่างแน่นอน
นายกเทศมนตรีจางเดินช้า ๆ กลับมาที่โต๊ะของเขา เขาเปิดลิ้นชักแล้วหยิบแผนนโยบายออกมายื่นให้รองนายกเทศมนตรีถัง โดยพูดว่า “เหล่าถัง คุณลองอ่านดู นี่เป็นรัฐสวัสดิการข้าราชการที่ร่างขึ้นมาโดยอ้างอิงจากแผนปฏิบัติการเพื่อคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ลูกจ้างของเจียงเสี่ยวไป๋”
รองนายกเทศมนตรีถังรับเอกสารปึกหนามา ซึ่งเขาไม่สามารถอ่านได้ทันที เขาพูดว่า “ผมจะกลับไปอ่านที่ห้อง แล้วจะนำกลับมาคืนคุณในภายหลัง”
นายกเทศมนตรีจางพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เหล่าถัง หลังจากอ่านแล้วช่วยแสดงความคิดเห็นด้วย หากเป็นไปได้หลังจากที่เราปรึกษาหารือกันแล้ว ผมจะรายงานเรื่องนี้ไปยังมณฑลและเริ่มนำร่องในชิงโจวก่อน”
รองนายกเทศมนตรีถังพยักหน้ารับและกล่าวว่า “สำหรับเรื่องโฆษณารับสมัครครูของเจียงเสี่ยไป๋ ผู้อำนวยการหลันและผมจะหารือเรื่องนี้อีกครั้ง ตราบใดที่เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ละเมิดกฎใด ๆ ไม่ว่าเขาจะทำอะไร เราจะมุ่งเน้นไปที่การจัดการกับปัญหาจากฝ่ายเราครับ”
นายกเทศมนตรีจางพยักหน้า “ดีมาก จำไว้ว่าการเตรียมตัวไว้ย่อมดีกว่าการปิดกั้น เรามามุ่งความสนใจไปที่การทำงานของเราเองดีกว่า”
รองนายกเทศมนตรีถังพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว “นายกเทศมนตรีจาง คุณพูดถูก ก่อนหน้านี้ผมไม่ทันคิดให้รอบคอบเอง”
นายกเทศมนตรีจางไม่ได้พูดอะไรอีก
รองนายกเทศมนตรีถังกับหลันหงจึงกล่าวคำอำลาและจากไปพร้อมกัน
เมื่อมาถึงห้องทำงานของรองนายกเทศมนตรีถัง หลันหงก็กล่าวขอโทษออกมา “ท่านรองนายก ฉันจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ดีเอง ทำให้คุณ……”
รองนายกเทศมนตรีถังโบกมือปัดแล้วพูดว่า “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้แล้ว เรามาพูดถึงวิธีจัดการเรื่องนี้กันดีกว่า”
หลันหงคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ก่อนอื่น เราควรเรียกประชุมกับผู้อำนวยการโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาทั้งหมดในเมืองผ่านทางสำนักการศึกษา เราจะประกาศเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนประถมศึกษาฉิวซู่อย่างเป็นทางการและชี้แจงว่าเป็นโรงเรียนเอกชน เราจะไม่สนับสนุนหรือกีดกันครูที่จะลาออกไปสอนที่โรงเรียนเอกชนเงินเดือนสูง แต่เราจะแจ้งว่าหลังจากลาออกไปสอนในโรงเรียนเอกชนแล้ว พวกเขาจะคงคุณวุฒิการสอนไว้ แต่จะไม่มีตำแหน่งทางราชการ”
รองนายกเทศมนตรีถังตกลงว่า “รีบจัดการประชุมโดยเร็วที่สุด ผมจะเข้าร่วมด้วย”
“เอาล่ะ เพื่อที่จะจัดการประชุมโดยเร็วที่สุด ครั้งนี้เราจะแจ้งให้โรงเรียนระดับเมืองทราบก่อน ส่วนโรงเรียนประถมของหมู่บ้านจะยังไม่ได้รับแจ้ง” หลันหงกล่าว
“ดี ! ” รองนายกเทศมนตรีถังพยักหน้าเห็นด้วย
หลังจากนั้น หลันหงก็ขอตัวลากลับไป เพื่อเตรียมจัดการประชุม
ส่วนรองนายกเทศมนตรีถังก็เปิดแผนปฏิบัติการที่นายกเทศมนตรีจางมอบให้เขา และอ่านอย่างรอบคอบ
ยิ่งอ่าน เขาก็ยิ่งประทับใจ หากข้อเสนอนี้ถูกนำไปใช้ จะเพิ่มความกระตือรือร้นของข้าราชการอย่างมาก
เขาจำได้อย่างชัดเจน นายกเทศมนตรีจางได้กล่าวว่าโครงการนี้มีแบบแผนมาจาก ‘แผนปฏิบัติการเพื่อคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ลูกจ้าง’ ของเจียงเสี่ยวไป๋
“ดูเหมือนว่าฉันจะรู้จักเจียงเสี่ยวไป๋น้อยเกินไป! ”
รองนายกเทศมนตรีถังอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
เขาหยิบบุหรี่ออกมาจุดพลางครุ่นคิด หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ดับบุหรี่ในมือแล้วเรียกหาเฉิงเสี่ยวเหวย
“เสี่ยวเฉิง เตรียมรถให้พร้อม ฉันจะไปเยี่ยมชมโรงงานต่าง ๆ ของเจียงเสี่ยวไป๋”
เฉิงเสี่ยวเหวยถามว่า “รองนายกเทศมนตรีถัง เราควรติดต่อเจียงเสี่ยวไป๋ก่อนไหมครับ ? ”
รองนายกเทศมนตรีถังโบกมือบอกว่าไม่ต้อง “ไปกันเลยเถอะ ! ”
“ครับ ! ”
เฉิงเสี่ยวเหวยตอบรับและรีบไปเตรียมตัวทันที
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่รู้เรื่องนี้ ในขณะนี้เขากำลังซื้อของในตลาดกับหลิวอี้โสว่
พวกเขาทั้งสองยุ่งอยู่กับการซื้อของ และยังซื้อประทัด เงินกระดาษสำหรับพิธีการ และกระดาษสีต่าง ๆ
ขณะที่พวกเขามุ่งหน้ากลับไปที่เจียงวาน หลิวอี้โสว่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “อาไห่โจวของนายจัดงานขาวดำ แต่อาหารไม่น้อยไปกว่างานมงคลเลย”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
หลิวอี้โสว่กล่าวว่า “ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณนายมาก ตอนนี้ทุกคนในหมู่บ้านมีเงินแล้ว และเราก็สามารถที่จะซื้อของจำนวนมากมายขนาดนี้ได้แล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบอย่างถ่อมตัวว่า “อย่าพูดอย่างนั้นเลยลุงหลิว คนในหมู่บ้านต่างทำงานหนักเพื่อหาเงินของตัวเองทั้งนั้น”
หลิวอี้โชวเหลือบมองเจียงเสี่ยวไป๋แล้วพูดว่า “เสี่ยวไป๋ นายไม่จำเป็นต้องถ่อมตัวมากนัก ทุกคนในหมู่บ้านรู้เรื่องนี้ดี”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร เขาจึงเปลี่ยนเรื่องโดยพูดว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมได้คุยกับนายกเทศมนตรีจาง เขาบอกว่าเขากำลังวางแผนที่จะนำร่องโครงการพัฒนาชนบทใหม่ในเจียงวาน……”
ขณะขับรถ เจียงเสี่ยวไป๋ก็อธิบายรายละเอียดของโครงการพัฒนาชนบท
หลิวอี้โสว่ตั้งใจฟังและพูดอย่างตื่นเต้นว่า “เยี่ยมเลย ! หากสิ่งนี้เกิดขึ้น หมู่บ้านของเราจะเจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้น”