ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 436 :ผลการรับสมัคร
ตอนที่ 436 :ผลการรับสมัคร
เจียงเสี่ยวไป๋พูดไม่ออกเล็กน้อย เขาถูกไล่ออกจากห้องทำงานของนายกเทศมนตรีจางมาก่อน และตอนนี้เขาถูกหลินฉางเกิงไล่กลับ เขาเป็นคนไม่น่าคบหาขนาดนั้นเลยเหรอ ?
เขานั่งนิ่งแล้วพูดว่า “เหล่าหลิน คุณอย่าเพิ่งรีบไล่ผมออกไปสิ”
หลินฉางเกิงเหลือบมองเขา แล้วพูดว่า “ถ้าฉันไม่ไล่นายไป ฉันจะทำงานได้อย่างไร ? หรือจะให้รั้งนายไว้ให้กินข้าวกลางวันด้วยกัน ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋รีบพูดว่า “ผมยังอยากพูดกับคุณอีกสักหน่อย เราพูดคุยกันในมื้ออาหารได้ไหม ผมขอเลี้ยงอาหารกลางวันคุณเอง ดีไหมครับ ? ”
หลินฉางเกิงหัวเราะ “จะมาพูดจาอ้อมค้อมไปทำไม ? นายบอกเลี้ยงข้าวฉันก็ได้แล้วนี่”
เดิมที เจียงเสี่ยวไป๋มาเพื่อเชิญหลินชางเกิงไปกินอาหารจริง ๆ
ครั้งล่าสุดที่เขามาเยี่ยมหลินฉางเกิงคือช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ เขาบอกว่าจะขอเลี้ยงอาหารเย็นหลินฉางเกิงในอีกไม่กี่วัน แต่เพราะมีเรื่องราวมากมายประดังประเดเข้ามา เขาจึงล่าช้าและเวลาผ่านไปนานกว่าหนึ่งเดือน
“เอาล่ะ สำหรับมื้อกลางวันวันนี้ ผมจะเลี้ยงข้าวต้มหัวปลาคุณ ร้านอาหารใหม่ยังไม่เปิดอย่างเป็นทางการ คุณช่วยผมลองชิมอาหารหน่อยนะ”
หลินฉางเกิงยิ้มอย่างมีความสุข “เอาล่ะ คุณบอกว่าอยากคุยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ กับฉัน มันคือเรื่องอะไร ? แต่หากมีของอร่อยให้กินด้วย ฉันก็พร้อมรับฟัง ฮ่า ๆ…..”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและเริ่มพูดคุยรายละเอียดบางอย่างเกี่ยวกับการก่อสร้างบ้านใหม่ในชนบทให้หลินฉางเกิงฟัง ขณะที่พวกเขาคุยกัน เวลาได้ล่วงเลยมาถึงช่วงเที่ยงวันแล้ว
ตอนเที่ยง ทั้งสองออกไปด้วยกันและขับรถไปที่ร้านข้าวต้มหัวปลาบนถนนชิงโจว
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋มาถึง นายกเทศมนตรีจางก็มาถึงแล้ว
เดิมทีเขาคิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะพาหลินเจียอินมา แต่เขาไม่คาดคิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะพาชายชราคนหนึ่งมาด้วย เขาอดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็น เมื่อเขากำลังจะทักทาย เจียงเสี่ยวไป๋ก็แนะนำเขาให้หลินฉางเกิง “นี่คือนายกเทศมนตรีจางแห่งเมืองของเราครับ ! ”
หลินฉางเกิงพยักหน้าให้นายกเทศมนตรีจางและกล่าวสวัสดีด้วยท่าทางสงบนี่ “สวัสดีครับ นายกเทศมนตรีจาง ! ”
นายกเทศมนตรีจางยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น
มารยาทางสังคม ลำดับการแนะนำผู้คนมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยปกติแล้ว บุคคลที่มีตำแหน่งต่ำกว่าหรืออายุน้อยกว่าจะถูกแนะนำก่อน ตามด้วยบุคคลที่มีตำแหน่งสูงกว่าหรืออายุมากกว่า การปฏิบัตินี้เป็นสัญลักษณ์ของความเคารพและความสุภาพ
ตามลำดับการแนะนำ ควรเป็นเจียงเสี่ยวไป๋ที่แนะนำตัวเองก่อน
แต่เจียงเสี่ยวไป๋แนะนำอีกฝ่ายก่อน
แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็เข้าใจได้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้ตัดสินจากตำแหน่งของเขา แต่พิจารณาจากอายุ โดยคำนึงถึงความอาวุโส
นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่ออีกฝ่ายรู้ว่าเขาเป็นนายกเทศมนตรี ท่าทางที่สงบและเยือกเย็นของเขาทำให้นายกเทศมนตรีจางตระหนักว่าชายชราผู้ถ่อมตัวคนนี้มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา
ไม่เช่นนั้น คนธรรมดาเวลาพบกับนายกเทศมนตรีจะมีท่าทางที่สงบขนาดนี้ได้อย่างไร ?
ในชิงโจวจะมีคนแบบนี้สักกี่คนกัน ?
นายกเทศมนตรีจางลองนึกดู แต่ก็นึกไม่ออก
ในเวลานี้ เจียงเสี่ยวไป๋ยังแนะนำต่ออีกว่า “นายกเทศมนตรีจาง นี่คืออาจารย์หลินฉางเกิง ผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดีและการวิจัยสถาปัตยกรรมโบราณครับ”
นายกเทศมนตรีจางชะงักไป ใครก็ตามที่เจียงเสี่ยวไป๋เรียกว่า “อาจารย์” นั้นไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน เขารีบยื่นมือออกไปและพูดอย่างถ่อมตัวว่า “ผมจางอี้เต๋อ ยินดีที่ได้พบกับอาจารย์หลินครับ”
หลินฉางเกิงจับมือกับนายกเทศมนตรีจางอย่างเป็นธรรมชาติและพูดว่า “อย่าฟังเรื่องไร้สาระของเสี่ยวเจียงเลย ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ มันเป็นเพียงงานอดิเรกของผมน่ะ”
ความอ่อนน้อมถ่อมตนของหลินฉางเกิงทำให้นายกเทศมนตรีจางรู้สึกว่าเขาเป็นคนน่าค้นหา
ยิ่งไปกว่านั้น นามสกุล “หลิน” นั้น ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะสร้างความเชื่อมโยงถึงบุคคลหนึ่ง
ทว่าความเป็นจริงเขาคิดมากไป
“หลิน” นี้และ “หลิน” ที่เขาคิดเชื่อมโยงนั้นไม่ใช่ตระกูลเดียวกัน
หลังจากการทักทาย หวังเยว่ก็เริ่มเสิร์ฟอาหาร โดยเริ่มด้วยต้มหัวปลา ตามด้วยข้าวสวยและเครื่องเคียงเลิศรสอีกหลายอย่าง ทั้งสามคนเพลิดเพลินกับมื้ออาหารอย่างมีความสุข
เจียงเสี่ยวไป๋พอใจกับฝีมือของหวังชวง นายกเทศมนตรีจางก็อิ่มเอมใจ และหลินฉางเกิงก็พูดว่า “เมื่ออายุมากขึ้น สุขภาพฟันไม่ดีนัก แต่การกินข้าวประเภทนี้มันอร่อยจริง ๆ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มแล้วพูดว่า “เหล่าหลิน ถ้าคุณชอบทานก็มาที่นี่บ่อย ๆ แล้วผมจะเลี้ยงคุณเอง”
หลินฉางเกิงโบกมือปัด “บางครั้งการเพลิดเพลินกับเนื้อสัตว์และปลาปริมาณมากเป็นครั้งคราวก็ดี แต่การกินมากเกินไปก็ไม่ไหว การจิบชาเยอะ ๆ และกินอาหารอ่อน ๆ จะช่วยให้มีอายุยืนยาว”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้จักนิสัยของหลินฉางเกิง ดังนั้นเขาจึงหยุดโน้มน้าว และพูดว่า “ในอีกไม่กี่วัน ร้านอาหารหัวปลาหม้อไฟจะเปิดกิจการแล้ว แล้วผมจะเชิญคุณมาลองชิมอีกครั้งนะครับ”
หลินฉางเกิงตอบรับ “แน่นอน หากมีอาหารจานใหม่ อย่าลังเลที่จะชวนฉันมาลองเลย”
หลังจากนั้น เขาก็ให้เจียงเสี่ยวไป๋ไปส่งเขากลับ
นายกเทศมนตรีจางเองกล่าวคำอำลาหลินฉางเกิง และบอกว่าจะไปเยี่ยมเยียนเขาวันหลัง
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋ส่งหลินฉางเกิงกลับบ้านแล้ว เขาก็ตรงไปที่สำนักข่าว
เมื่อเย่กวงโต้วเห็นเขา ก็เหมือนกับเห็นผู้ช่วยให้รอดชีวิต “หัวหน้าเจียง ในที่สุดคุณก็มาแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างใจเย็นว่า “เกิดอะไรขึ้น ? ทำไมนายทำหน้าแบบนั้น ทำอย่างกับฉันเบี้ยวจ่ายเงินเดือนนายไปหลายเดือนอย่างนั้นแหละ”
เย่กวงโต้วอธิบายว่า “หัวหน้าเจียง ผมเกือบเป็นบ้าเพราะกลุ่มครูเกษียณทั้งชายและหญิง พวกเขาไม่มีอะไรทำอีกแล้ว จึงคอยแต่ถามผมว่าจะมีการสัมภาษณ์เมื่อไหร่ คุณยังไม่ได้บอกผมเรื่องนี้ ดังนั้นผมจึงไม่กล้าตัดสินใจเอง”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือ แล้วพูดว่า “ตอนนี้เราต้องจำแนกกลุ่มครูเกษียณ เพราะฉันอยากรู้ว่ามีครูหนุ่มสาวมาสมัครบ้างไหม ? ”
เย่กวงโต้วกล่าวทันทีว่า “ไม่เพียงเท่านั้น มีครูหนุ่มสาวเข้าออกไม่ต่ำกว่าร้อยคน ไม่เพียงแต่ครูจากโรงเรียนประถมศึกษาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงครูจากโรงเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลายด้วย”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกยินดี เขาไม่คาดคิดว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น
สำหรับการเป็นครูในโรงเรียนประถมศึกษา โดยทั่วไปแล้วผู้สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยครูก็เพียงพอแล้ว ส่วนครูในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นจะสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยครู ซึ่งอย่างน้อยก็ในระดับอนุปริญญา และครูโรงเรียนมัธยมปลายมักจะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือสูงกว่า
“มา มา เอาแบบฟอร์มลงทะเบียนของครูมัธยมต้นและครูมัธยมปลายพวกนั้นมาให้ฉันดู”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวด้วยความสนใจอย่างมาก
ในขณะที่เย่กวงโต้วยื่นแบบฟอร์มการลงทะเบียน เขาถามด้วยสีหน้างุนงงว่า “หัวหน้าเจียง คุณไม่จ้างครูโรงเรียนประถมเหรอ ? ทำไมถึงสนใจครูโรงเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลายมากกว่าล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “การฆ่าไก่ด้วยมีดเชือดวัวนั้นเบาแรงกว่าเยอะ”
“ฮ่า ฮ่า ! ”
เย่กวงโต้วแค่นหัวเราะออกมา
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่สนใจและหยิบแบบฟอร์มลงทะเบียนมาอ่านอย่างละเอียด
หวังเหมิง: อายุ 33 ปี เป็นครูคณิตศาสตร์ที่โรงเรียนมัธยมปลายอันดับ 1 ในเมืองชิงโจว สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเจียงเฉิง
หลี่อู๋: อายุ 29 ปี เป็นครูคณิตศาสตร์ที่โรงเรียนมัธยมปลายอันดับ 1 ของเมืองชิงโจว สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
……
หยูเหวินฮวา: อายุ 30 ปี ครูสอนภาษาจีนที่โรงเรียนมัธยมชิงหยุนในเมืองชิงโจว สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเจียงเฉิง
หลี่เซียงหยาง: อายุ 28 ปี ครูสอนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนมัธยมชิงหยุนในเมืองชิงโจว สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยจินหลิง
ถังซานฉาว: ครูสอนภาษาจีนที่โรงเรียนมัธยมซูหยวนในเมืองชิงโจว อายุ 26 ปี สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเจียงเฉิง
ซ่งหมิงหมิน: ครูสอนดนตรีที่โรงเรียนมัธยมซูหยวน ในเมืองชิงโจว อายุ 25 ปี สำเร็จการศึกษาจากสถาบันศิลปะเจียงเฉิง
……
เจียงเสี่ยวไป๋อ่านใบสมัครเหล่านี้อย่างอารมณ์ดี
เขาตรวจสอบใบสมัครของครูโรงเรียนประถมศึกษา ก็พบว่ามีครูจากโรงเรียนประถมศึกษาอันดับ 1 อันดับ 2 และอันดับ 3 ของเมืองชิงโจวทั้งหมด
มีแม้กระทั่งครูบางคนมาจากโรงเรียนประถมศึกษาในชนบท
ขณะที่เขาอ่านใบสมัคร เจียงเสี่ยวไป๋ได้เลือกแบบฟอร์มที่เขาเห็นว่าเหมาะสมอย่างระมัดระวัง โดยใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง เพื่อตรวจสอบใบสมัครการลงทะเบียนของครูหนุ่มสาวทั้งหลาย
“หัวหน้าเจียง ถ้าอย่างนั้น…..คุณยังต้องการดูใบสมัครของครูที่เกษียณแล้วเหล่านั้นไหม ? ”
เย่กวงโต้วถามอย่างระมัดระวัง
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “แน่นอน ดูสิ เอามา เอาใบสมัครทั้งหมดมาเลย”
เย่กวงโต่วนำใบสมัครของครูที่เกษียณอายุราชการมา ซึ่งหนากว่าใบสมัครของครูที่อายุน้อยอยู่มาก
จากนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็อ่านดูอย่างละเอียดอีกครั้ง
แต่คราวนี้ ความเร็วใบการดูใบสมัครเขาเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขั้นแรกเขาตรวจสอบอายุ จากนั้นจึงตรวจดูลายมือ และสุดท้ายดูว่าพวกเขาสอนวิชาอะไร
ทันใดนั้น ใบสมัครฉบับหนึ่งก็ดึงดูดความสนใจของเจียงเสี่ยวไป๋