ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 44 :แบกฟักเขียว
ตอนที่ 44 :แบกฟักเขียว
วันนี้เขากลับมาเร็ว และเมื่อเขามาถึงที่เชิงเขา เขาบังเอิญเห็นหวังซิ่วจวี๋กำลังเก็บผักในแปลงผัก
“แม่”
“แม่”
“ย่า ! ”
ทั้งสามทักทายหวังซิ่วจวี๋
“กลับมากันแล้วหรือ เย็นนี้ไม่ต้องทำอาหารเย็น มากินข้าวที่บ้านเถอะ” หวังซิ่วจวี๋พูด
วันนี้ที่บ้านให้คนมาช่วยงานในแปลงนา ดังนั้นจึงทำของอร่อยไว้เยอะ
”ได้ค่ะแม่”
หลินเจียอินตอบรับ
เดิมที เจียงเสี่ยวไป๋ต้องการซื้อไก่มาตุ๋นให้ภรรยาและลูกกินบำรุงร่างกาย แต่หลินเจียอินตกลงที่จะมากินมื้อเย็นที่บ้านพ่อแม่ของเขา เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้า
เก็บเอาไว้ทำวันพรุ่งนี้ก็ไม่สาย
กลับถึงบ้าน เขานำบุหรี่กับเหล้าไปเก็บไว้ ทั้งสองพักผ่อนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็แยกย้ายกันไปทำกิจวัตรของตนเอง
หลินเจียอินไปที่บ้านสองสามหลังเพื่อซื้อมันฝรั่งลูกเล็กและบอกให้พวกเขาไปส่งที่ริมทางลูกรังเวลา 19.00 น.
ครั้งนี้รับซื้อมันฝรั่งมาได้ประมาณ 3,000 ชั่ง
เธอยังถามขอซื้อฟักเขียวจากชาวบ้านอีกด้วย หากพวกเขาขายก็ให้นำไปส่งที่ริมทางลูกรังเวลา 19.00 น. เช่นกัน
เจียงเสี่ยวไป๋แบกตะกร้าไว้บนหลัง เขาตรงไปที่สวนผักของเขาและเก็บฟักเขียวในแปลงผักของที่บ้านก่อน
หลินเจียอินปลูกฟักเขียวไว้จำนวนมาก สามารถเลือกเก็บได้ทุกหย่อม แต่ฟักเขียวลูกใหญ่เกินไป ใส่ลงตะกร้าแค่ไม่กี่ลูกก็เต็มแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋ยกตะกร้าที่ใส่ลูกฟักเขียวเต็มแล้วไปวางไว้ที่ริมทางลูกรัง
“ฉันดูไม่ผิดใช่ไหม เจียงเสี่ยวไป๋ ไอ้สารเลวนั่นกำลังแบกอะไรอยู่ด้านหลังน่ะ ? ”
“ดูเหมือนว่าจะเป็นฟักเขียวนะ”
“เขาจะเอาฟักเขียวไปไว้ไหน ? ”
“แปลกจริง ๆ ที่เขายอมแบกตะกร้าไว้บนหลัง”
“ดูเหมือนว่าเขาจะกลับบ้านมาตลอดสองสามวันแล้ว”
“ใช่ ฉันได้ยินจากชางหมิงเล่าว่าเจียงเสี่ยวไป๋ขายผัดมันฝรั่งอยู่ในเมือง เขายังบอกด้วยว่าชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวเจียงเสี่ยวไป๋ดีขึ้นมาก และผัดมันฝรั่งก็อร่อยมากเช่นกัน”
“ใช่แล้ว เจียอิน เมียของเขาเก็บมันฝรั่งมาหลายวันแล้ว”
“ทั้งเจียงไห่โป จางชางหมิง เจียงเสี่ยวหมิง หลิวซือกั๋วและครอบครัวอื่นอีกมากมายต่างขายมันฝรั่งลูกเล็กให้เขา พวกเขาเล่าว่าได้ราคาตั้งชั่งละ 5 เหมาเชียวนะ”
“เมื่อวานมีรถมาขนไปด้วย”
“อืม เจียอินมาถามขอซื้อมันฝรั่งจากครอบครัวฉันเหมือนกัน ซึ่งครอบครัวของฉันตกลงที่จะขายมันฝรั่งลูกเล็กให้เธอ”
“……”
ผู้คนที่กลับมาจากที่ทำงานต่างก็ประหลาดใจที่เห็นเจียงเสี่ยวไป๋แบกตะกร้าฟักเขียวขนาดใหญ่อยู่บนหลังของเขา
เจียงเสี่ยวไป๋เดินไปข้างถนนลูกรัง เขาเลือกที่ว่างแล้วหยิบฟักเขียวออกมาวางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ จากนั้นก็กลับไปพร้อมกับตะกร้าเปล่า
เขาประเมินว่าจะต้องวิ่งเป็นสิบรอบเพื่อเก็บฟักเขียวทั้งหมดที่สามารถเก็บได้ในสวนผัก
เขาเคยขี้เกียจ ไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับงานหนักที่ต้องเปลืองแรง
แต่ตอนนี้เขาทำมันด้วยความกระตือรือร้น
ขอเพียงเขาทำตัวดีอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ช้าก็เร็วเขาคงได้ร่วมหลับนอนกับภรรยารักอย่างที่หวัง
เขาสังเกตเห็นว่าภรรยาเริ่มมีท่าทีที่ดีต่อเขาแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋เดินขึ้นเนินไปตามทาง เขาผ่านบ้านหลังหนึ่งจึงเหลือบมอง แต่แล้วเขาก็หันหลังเดินกลับไปที่บ้านหลังนั้น
“ลุงถาน อยู่บ้านหรือเปล่า ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋เดินไปที่ลานและตะโกนเข้าไปในบ้าน
”ใคร ? ”
ชายชราวัยห้าสิบปีกว่าเดินออกมาจากห้อง เขาถือบ้องไม้ไผ่หุ้มทองแดงขนาดประมาณสามนิ้ว พลางพ่นควันออกมา
“ลุงถาน นี่ผมเอง”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“โอ้ เสี่ยวเจียงเองหรือ มีอะไรหรือเปล่า”
เมื่อเห็นว่าเป็นเจียงเสี่ยวไป๋ ถานเสวี่ยเฉาจึงกล่าวอย่างใจเย็น
เขาเป็นช่างไม้คนเดียวในเจียงวาน รู้จักกันในชื่อ ช่างไม้ถาน เขาเป็นช่างไม้ระดับปรมาจารย์ สามารถทำโต๊ะ เก้าอี้ เตียง ตู้เสื้อผ้า ตู้เก็บของและกล่องได้ทุกชนิด และเขาสามารถแกะสลักตัวอักษรบนไม้ แกะสลักตัวเลข ภาพทิวทัศน์ รูปดอกไม้และรูปนกได้เสมือนจริง
นอกจากนี้ เขายังสามารถสร้างโลงศพได้ โดยพื้นฐานแล้ว โลงศพที่ใช้กันในเจียงวานนั้นสร้างโดยช่างไม้ถาน
ช่างไม้ถานไม่เพียงเป็นที่รู้จักในเจียงวานเท่านั้น แต่ผู้คนในหมู่บ้านใกล้เคียงหลายแห่งยังมาหาเขาเพื่อซื้อเครื่องเรือนและโลงศพด้วย
โดยปกติแล้วช่างไม้ถานมีทักษะนี้ ดังนั้นเขาจึงมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างดี
แต่สถานการณ์ในครอบครัวของเขาค่อนข้างพิเศษ
ฉือต้าฟาง ภรรยาของถานเสวี่ยเฉาเจ็บป่วยจนต้องล้มหมอนนอนเสื่อเป็นเวลานาน ลูกชายคนโตอยู่ในกองกำลังต่อสู้ป้องกันตัวทางภาคใต้เมื่อไม่กี่ปีก่อน ลูกสาวคนโตแต่งงานกับลูกชายหมู่บ้านอื่น ลูกคนที่สามเป็นลูกสาวอายุ 19 ปี อาศัยอยู่ที่บ้านด้วย และลูกชายคนสุดท้องอายุเพียง 15 ปี อยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ชั้นเดียวกับเจียงเสี่ยวเหลย
ช่างไม้ถานหารายได้จากงานฝีมือของเขา เขาทั้งต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลของภรรยาที่นอนติดเตียงและยังต้องส่งเสียค่าเล่าเรียนให้แก่ลูกชายคนเล็ก ครอบครัวกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากมาก
เจียงเสี่ยวไป๋เข้าใจสถานการณ์เหล่านี้ทั้งหมด
นอกจากนี้ ตามความทรงจำของเจียงเสี่ยวไป๋ เขารู้ว่าในอนาคต ลูกสาวคนรองถานเสี่ยวฟางกับลูกชายคนเล็กถานเสี่ยวเจี๋ยต่างก็ไปขายเลือดที่ธนาคารเลือด และพวกเขาจะติดเชื้อเอดส์ทั้งคู่
เมื่อได้เห็นช่างไม้ถานอีกครั้งหลังจากเกิดใหม่ เจียงเสี่ยวไป๋จึงรู้สึกผิดอยู่บ้าง
“ลุงถาน ผมมาหาลุงเพราะอยากจะจ้างลุงให้ทำอะไรให้หน่อยได้ไหม ? ”
เมื่อได้ยินว่ามีงานมาให้ทำ ช่างไม้ถานรู้สึกดีใจมาก ช่วงนี้เขาไม่มีรายได้จากการจ้างงานมา 2-3 วันแล้ว ครอบครัวของเขากำลังลำบาก ถ้าเขามีรายได้ ความลำบากของเขาก็จะลดลง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขานึกได้ว่านายจ้างของเขาคือเจียงเสี่ยวไป๋ สีหน้าดีใจของเขาก็จางหายไปอีกครั้ง
เขากลัวว่าตนเองจะทำงานจนเหนื่อยแทบตาย แต่สุดท้ายไม่ได้เงิน นั่นจะไม่แย่ไปกว่านี้หรือ ?
“ลุงถานไม่ต้องห่วง ระยะนี้ผมมีรายได้จากการเปิดแผงขายของในเมือง ผมจ่ายค่าแรงล่วงหน้าให้ลุงได้ แล้วลุงค่อยมาช่วยผม”
เจียงเสี่ยวไป๋เป็นมนุษย์มาแล้วสองชาติ ดังนั้นเขาจะมองไม่เห็นความคิดและความกังวลของช่างไม้ถานได้อย่างไร เขาจึงพูดไปตามตรง
“นายอยากทำเครื่องใช้อะไรล่ะ ? ”
ตาของช่างไม้ถานเป็นประกาย เขาไม่สนใจนิสัยเดิม ๆ ของเจียงเสี่ยวไป๋อีกแล้ว ตราบใดที่เขาจ่ายค่าจ้างล่วงหน้าให้ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ลุงช่วยผมหาไม้ดี ๆ สักแผ่นสำหรับทำป้าย และสลักตัวอักษร ‘ร้านอร่อยสามมื้อ’ ลงบนป้ายให้ผมที ผมขอตัวใหญ่ ๆ นะ”
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง เขาพูดอีกครั้งว่า “ช่วยผมทำกระดานที่มีฐานตั้งสักสิบแผ่น ผมจะเอาไปตั้งบนพื้น ไว้ติดโฆษณา”
โฆษณาคืออะไร ช่างไม้ถานไม่เคยได้ยินมาก่อน
อย่างไรก็ตาม แค่ทำฐานตั้งให้แผ่นป้ายให้สามารถยกเคลื่อนที่ได้ ไม่ยากเกินความสามารถเขาเลย
เขาพยักหน้า หลังจากพูดคุยรายละเอียดของขนาดและรูปแบบแล้ว ในที่สุดเขาก็พูดว่า “ฉันรับงานของนาย แต่นายต้องจ่าค่าจ้างล่วงหน้ามา 1 หยวน”
ค่าจ้าง 1 หยวนไม่ใช่เงินน้อย ๆ สำหรับครอบครัวอื่น
แต่เจียงเสี่ยวไป๋ไม่สนใจ เขาพูดว่า “ผมจะให้ลุง 10 หยวน ลุงเป็นคนจัดหาแผ่นไม้ให้ผมด้วย”
“10 หยวน ? ”
ช่างไม้ถานอุทาน แม้ว่าเขาจะรับทำโลงศพตามสั่ง แต่ราคาโลงศพที่ต้องใช้เวลาทำหลายวันแค่ 2 หยวนเท่านั้น
สิ่งที่เจียงเสี่ยวไป๋ต้องการ เขาสามารถทำได้ในหนึ่งวัน
แต่เจียงเสี่ยวไป๋บอกว่ายินดีจ่ายให้ 10 หยวน
เขาเกือบจะคิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋กำลังพูดล้อเล่น และมาที่นี่เพื่อทำให้เขาดีใจชั่วครู่เท่านั้น
“ถ้าลุงตกลง ผมจะให้เจียอินนำเงินค่าจ้างล่วงหน้ามาให้ลุงก่อน”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เจียงเสี่ยวไป๋พูด ช่างไม้ถานก็มั่นใจว่าเจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้ล้อเขาเล่น ให้เขาดีใจเพียงชั่วครู่ชั่วคราว
“ตกลง ! ตกลง ! ”
ช่างไม้ถานตอบตกลงอย่างรวดเร็ว เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เสี่ยวไป๋ ลุงขอให้เสี่ยวไป๋ประสบความสำเร็จในธุรกิจ ชาวเจียงวานทั้งหมดไม่ก็คนอำเภอชิงซานไม่มีใครใจกว้างเท่านายอีกแล้ว”
เขาเรียกเจียงเสี่ยวไป๋อีกครั้ง “มา มานั่งดื่มชาในบ้านกันเถอะ”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือ “ผมต้องขอตัวก่อน ผมจะไปเก็บฟักเขียวแล้วแบกไปไว้ที่ริมถนนลูกรัง”
ช่างไม้ถานไม่เคยเห็นเจียงเสี่ยวไป๋แบกฟักเขียวมาก่อน แต่ตอนนี้เขาสังเกตเห็นว่าเจียงเสี่ยวไป๋แบกตะกร้าไว้บนหลัง เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ทำไมถึงต้องแบกฟักเขียวไปวางริมถนนลูกรังด้วยล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “อีกเดี๋ยวจะมีรถมาขนมันฝรั่งกับฟักเขียวเข้าไปไว้ในเมืองให้ผม ถ้าลุงมีฟักเขียวที่บ้านก็สามารถเก็บมันมาชั่ง รอให้รถมาแล้วลุงก็แบกไปขายให้ผม”
ช่างไม้ถานมีความสุขมากเมื่อได้ยินสิ่งนี้
เขาปลูกฟักเขียวไว้กินก็ไม่หมด ขายก็ไม่ได้ ได้แต่รอให้เน่าเสียไปในแปลงผัก
เยี่ยมมาก มีคนซื้อฟักเขียวแล้ว
“ให้ราคาเท่าไหร่ ? ”
ช่างไม้ถานถามอย่างประหม่า
“ชั่งละ 5 เหมา”
เจียงเสี่ยวไป๋คิดและเสนอราคาให้เท่ากับราคารับซื้อมันฝรั่งลูกเล็ก
“ตกลง เดี๋ยวลุงจะไปเก็บที่แปลงผักมาให้” ช่างไม้ถานกล่าวอย่างตื่นเต้น