ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 446 : เจอหยางเจี๋ยโดยบังเอิญ
ตอนที่ 446 : เจอหยางเจี๋ยโดยบังเอิญ
เมื่อออกจากบ้านของหลินฉางเกิงมา รถของเจียงเสี่ยวไป๋ก็ขับช้า ๆ ออกจากถนนซานเซิ่ง
เมื่อเขาไปถึงทางแยก เขาก็มองเห็นร่างที่คุ้นเคย จึงค่อย ๆ หยุดรถและเลื่อนกระจกรถลง
“เจียงเสี่ยวไป๋ ทำไมนายถึงมาที่นี่ล่ะ ? ”
หยางเจี๋ยเห็นว่าเป็นเจียงเสี่ยวไป๋ จึงถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“ฉันมาเยี่ยมผู้อาวุโสคนหนึ่งน่ะ บ้านของพวกเขาอยู่บนถนนซานเซิ่ง ไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี่ เธอเพิ่งกลับจากซื้อของใช่ไหม ? ” เจียงเสี่ยวไป๋มองไปที่ตะกร้าในมือของหยางเจี๋ยแล้วถามขึ้น
หยางเจี๋ยพยักหน้า “ใช่ เด็ก ๆ นอนกลางวันกัน ดังนั้นฉันจึงมาซื้อของ”
หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็เสริมว่า “นายอยากไปนั่งเล่นที่บ้านเราไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ไม่เป็นไร ไว้วันหลังฉันจะมาเที่ยวหาเด็ก ๆ อีกที”
หยางเจี๋ยยิ้มและพูดว่า “ได้ หากนายมีเวลาก็อย่าลืมพาหลินเจียอินและเจียงชานมาด้วยนะ”
“ได้สิ” เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้ารับ แล้วพูดว่า “บังเอิญเจอเธอพอดีเลย ฉันกำลังจะบอกเธอว่าอีกประมาณ 10 วัน ฉันจะไปที่หมู่บ้านซานฮวา ถ้าเธอว่างสามารถไปกับฉันได้นะ”
“เอาล่ะ ครั้งนี้ไปแล้วกลับวันถัดไปเลย”
หยางเจี๋ยถามว่า “คราวนี้นายจะไปทำอะไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋อธิบายว่า “ครั้งที่แล้ว ฉันสัญญากับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนว่าจะช่วยสร้างโรงเรียนใหม่ให้ ครั้งนี้จะฉันกลับไปเตรียมการ และพาครูเกษียณสองสามคนไปสอนที่นั่น”
หยางเจี๋ยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้คาดหวังว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะจัดการเรื่องนี้เสร็จเร็วขนาดนี้ เธอพูดว่า “เอาล่ะ ตอนไปก็แวะมาบอกฉัน ฉันจะไปด้วย”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า
เหตุผลที่เขาขอให้หยางเจี๋ยไปที่หมู่บ้านซานฮวากับเขา ก็เพราะว่าเธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของหลี่ม่านม่าน และเขาอยากให้เธอเห็นการเปลี่ยนแปลงในโรงเรียนประถมซานฮวาด้วยตาของเธอเอง
บางทีสำหรับเธอ นั่นอาจเป็นการปลอบโยนจิตใจได้ !
ในระหว่างการสนทนา เจียงเสี่ยวไป๋สังเกตเห็นเนื้อและปลาในตะกร้าของหยางเจี๋ย เขาจึงพูดคุยกับเธอตามประสาเพื่อนเก่า “จริงสิ ฉันไม่เคยถามเธอเลย สามีของเธอทำงานอะไรล่ะ ดูเหมือนชีวิตครอบครัวของเธอจะไปได้ดีไม่น้อยเลยนะ ! ”
หยางเจี๋ยตอบว่า “สามีของฉันชื่อหลี่อิงจวิ้น เขาเป็นนักกายภาพบำบัด”
“นักกายภาพบำบัด ? ” เจียงเสี่ยวไป๋ตะลึงไปเล็กน้อย และถามอย่างรวดเร็วว่า “เขาเชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพประเภทไหนหรอ ? ”
หยางเจี๋ยเหลือบมองเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความประหลาดใจแล้วพูดว่า “ทำไม ? นายรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า ? หากนายมีอาการปวดหลัง ปวดคอหรือไม่สบาย นายสามารถขอให้อิงจวิ้นนวดได้ รับรองนายจะรู้สึกสบายตัวมาก”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเบา ๆ เขาเพิ่งคิดจะเปิดร้านสปา และตอนนี้เขาได้พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการนวดแล้ว
แน่นอนว่าเขาจะมีทักษะดีหรือไม่นั้น ต้องลองพิสูจน์ดูก่อน
แต่อย่างน้อยเขาก็รู้ว่า เขากำลังทำอะไรอยู่
เจียงเสี่ยวไป๋จึงพูดว่า “เอาล่ะ เขาเปิดร้านหรือทำงานในโรงพยาบาล ? ฉันจะไปหาเขา”
หยางเจี๋ยกล่าวว่า “เขาไม่ได้เปิดร้านค้าหรือทำงานในโรงพยาบาล เขาทำงานในบ้านพักคนชราสำหรับทหารผ่านศึก ที่บ้านมีเตียงนวดเหมือนกัน เพราะปกติเพื่อนบ้านมักมาขอให้เขานวดให้เสมอ”
เจียงเสี่ยวไป๋จึงถามว่า “เขาจะกลับบ้านกี่โมง ? ฉันจะไปหาเขาที่บ้าน”
หยางเจี๋ยพูดว่า “เขากลับบ้านตอนหกโมงเย็น ถ้านายมาก็อยู่กินอาหารเย็นที่บ้านฉันด้วยกันก่อน”
เจียงเสี่ยวไป๋คิดอยู่พักหนึ่ง แล้วตอบตกลง
หลังจากบอกลาหยางเจี๋ยแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็แวะไปที่ศาลากลางก่อน
“เยี่ยมไปเลย คุณหลินวาดเสร็จเร็วขนาดนี้เลยเหรอ ? ”
เมื่อเห็นภาพวาดที่เจียงเสี่ยวไป๋นำมา นายกเทศมนตรีจากก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม หลังจากที่เขาเห็นภาพจำลอง เขาก็ชื่นชมว่า “คุณหลินเป็นปรมาจารย์จริง ๆ แบบบ้านนี้สวยงามมาก”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “คุณหลินเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมโบราณ การวาดภาพเป็นเพียงทักษะพื้นฐานเท่านั้น และเขาไม่ใช่จิตรกร”
นายกเทศมนตรีจางหัวเราะและไม่สนใจ เขาแตะภาพจำลองในมือแล้วพูดว่า “ด้วยภาพจำลองเหล่านี้ ชาวบ้านสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าอาคารบ้านเรือนในอนาคตจะเป็นอย่างไร ฉันเชื่อว่าพวกเขาจะชอบมัน”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าและกล่าวว่า “นี่คือต้นฉบับดั้งเดิม คุณสามารถจัดให้โรงพิมพ์พิมพ์เป็นสำเนา และแจกจ่ายให้กับทุกเมืองได้ เมื่อชาวบ้านอยากสร้างบ้านในอนาคต เจ้าหน้าที่ของแต่ละเมืองจะได้แนะนำพวกเขาในการเลือกประเภทบ้าน และช่วยเหลือพวกเขาในการสร้างบ้าน”
นายกเทศมนตรีจางหัวเราะเสียงดัง “ฉันจะทำตามที่คุณบอก หลังจากพิมพ์เสร็จแล้ว ฉันจะไปเจียงวานด้วยตนเอง”
“ตกลง ผมจะรอข่าวของคุณ ตอนนี้ผมต้องขอตัวก่อน ผมมีอย่างอื่นที่ต้องทำ”
“ไปเถอะ ฉันจะขอดูภาพวาดเหล่านี้ต่อ” นายกเทศมนตรีจางโบกมือ
เจียงเสี่ยวไป๋ออกมาจากห้องทำงานของนายกเทศมนตรีจาง คิดอยู่พักหนึ่งแล้วจึงไปที่ห้องทำงานของรองนายกเทศมนตรีถัง
“คุณเจียง ทำไมวันนี้คุณถึงมีเวลามาที่นี่ล่ะ ? ”
รองนายกเทศมนตรีถังดูยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบเจียงเสี่ยวไป๋ เขายื่นบุหรี่ยี่ห้ออวี้เตี๋ยที่ผลิตโดยโรงงานบุหรี่เจี้ยนหยานให้เจียงเสี่ยวไป๋หนึ่งมวน
เจียงเสี่ยวไป๋รับบุหรี่มาด้วยรอยยิ้ม เขาเคยสูบบุหรี่พวกนี้มาก่อน หลินต้าเหว่ยพ่อตาของเขาชอบสูบบุหรี่ และยังเคยให้เขามาตั้งหลายแพค
อย่างไรก็ตาม เขายังคงชินกับรสชาติของบุหรี่จงฮั๋วอยู่ดี
แต่บุหรี่พวกนั้นที่พ่อตาให้เขามา ตอนนี้เจียงไห่หยางเอาไปสูบแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋ช่วยรองนายกเทศมนตรีถังจุดบุหรี่ แล้วพูดว่า “ผมเพิ่งออกมาจากห้องทำงานของนายกเทศมนตรีจาง เพื่อส่งแบบแปลนของบ้านในชนบทหลังใหม่ให้”
โครงการชนบทใหม่นี้เป็นโครงการสำคัญในเมืองชิงโจว และยังเป็นโครงการที่นายกเทศมนตรีจาง จัดการเป็นการส่วนตัว ซึ่งรองนายกเทศมนตรีถังรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เขาเป่าวงแหวนควันออกมา พร้อมกับถอนหายใจแล้วพูดว่า “ฉันชอบบุหรี่กลิ่นนี้”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “นายกเทศมนตรีถัง คุณมาจากเจี้ยนหยางใช่ไหม ? ”
รองนายกเทศมนตรีถังพยักหน้า เขาไม่เพียงแต่มาจากเจี้ยนหยางเท่านั้น แต่ยังดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงในอำเภอเจี้ยนหยางอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เขายังสงสัยเล็กน้อย “คุณรู้ได้อย่างไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ผมได้ยินคุณบอกว่าชอบสูบบุหรี่อวี้เตี๋ย ดังนั้นผมจึงถาม”
รองนายกเทศมนตรีถังกล่าวว่า “ตอนที่ฉันเริ่มสูบบุหรี่ครั้งแรก ฉันก็สูบยี่ห้อนี้ ดังนั้นเลยชินกับมันน่ะ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า ผู้คนมักจะมีความชอบและความรู้สึกเป็นพิเศษต่อสิ่งที่พวกเขาได้สัมผัสครั้งแรก เช่นเดียวกับรักครั้งแรกที่ยังคงอยู่ในใจเสมอ
เขายิ้มและพูดว่า “ครั้งต่อไปที่ผมขอเชิญคุณไปทานอาหารเย็น เราจะดื่มเหล้าข้าวโพดเจี้ยนหยางกัน”
รองนายกเทศมนตรีถังในตอนแรกมีความสุข แต่กลับรู้สึกเบื่อเล็กน้อยและพูดว่า “เหล้าข้าวโพดเจี้ยนหยางที่อร่อยที่สุดผลิตในปี 1980 แต่ตอนนี้ไม่มีจำหน่ายแล้ว ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเบา ๆ เมื่อรู้ว่าในอนาคต ผู้นำท้องถิ่นจำนวนมากในชิงโจวชอบดื่มเหล้าข้าวโพดเจี้ยนหยางที่ผลิตในปี 1980 และ ปี 1981 เขาไม่คาดคิดว่าจะพบใครสักคนเร็วขนาดนี้ เขาจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “รองนายกเทศมนตรีถังมั่นใจได้เลย ผมมี”
รองนายกเทศมนตรีถังมองเขาด้วยความประหลาดใจแล้วถามอย่างเหลือเชื่อ “จริงเหรอ ? ”
“จริงครับ ! ” เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า
“คุณมีเท่าไหร่ ? ”
“คุณมีเป็นลังไหม ? ”
รองนายกเทศมนตรีถังถามอย่างตื่นเต้น
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “มีครับ มากกว่าหนึ่งลังแน่นอน ! ”
ในความเป็นจริง เขาทะเลาะกับพ่อตามาเป็นเวลานาน ก่อนที่จะจัดการซื้อเหล้าทั้งหมดที่ผลิตในปี 1980 ที่เก็บไว้ในโรงกลั่นเจี้ยนหยางมา
ในคลังของเขามีมากกว่า 5,000 ขวด แน่นอนว่ามีมากกว่าหนึ่งลัง !
นอกจากนี้ เขายังมีเหล้าล็อตที่ผลิตในปี 1981 อีกจำนวน 5,000 ขวดด้วย
จะว่าไปแล้ว เหตุผลที่รองนายกเทศมนตรีถังไม่สามารถซื้อเหล้าข้าวโพดล็อตที่ผลิตในปี 1980 ได้แล้วนั้นก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาเหมือนกัน
เมื่อรองนายกเทศมนตรีถังได้ยินว่าเจียงเสี่ยวไป๋มีเหล้าข้าวโพดมากกว่าหนึ่งลัง เขาก็อดไม่ได้ที่จะดีใจและพูดว่า “เยี่ยมมาก คุณมีกี่ลังล่ะ ? แบ่งขายให้ฉันหน่อยสิ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “พรุ่งนี้ผมจะเอามาให้คุณสองลัง”
รองนายกเทศมนตรีถังพูดทันทีว่า “ไม่ได้ ฉันจะขอซื้อจากคุณ คุณขายเท่าไหร่ก็เท่านั้นได้เลย”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ต้องการพูดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “ได้ เดี๋ยวผมเอามาส่งให้คุณพรุ่งนี้”