ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 45 :การเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 45 :การเปลี่ยนแปลง
ออกจากบ้านของช่างไม้ถานแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ยังคงทำงานของตนเองต่อไป
หลังจากที่เขากลับไปที่แปลงผัก เขาเห็นหลินเจียอินสะพายกระบุงมาช่วยเขาเก็บฟักเขียว
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นดังนั้นจึงพูดว่า “คุณไม่ต้องทำงานที่หยาบและหนักแบบนี้ ให้ผมทำเถอะ”
หลินเจียอินตอบ “ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยทำมาก่อน ลำบากกว่านี้ฉันก็เคยทำมาแล้ว”
คำพูดของหลินเจียอินทำให้เจียงเสี่ยวไป๋สะอึกและรู้สึกผิดขึ้นมาทันที
“เมียจ๋า ผมขอโทษ ก่อนหน้านี้ผมทำตัวเหลวไหล ทำให้คุณต้องลำบาก ต่อจากนี้ไปผมจะไม่ปล่อยให้คุณลำบากอีกแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดออกมาด้วยความรู้สึกที่อยู่ภายในใจอย่างแท้จริง ทำให้หลินเจียอินมองออกถึงสีหน้าเศร้าหมองและความรู้สึกผิดของเขาได้อย่างชัดเจน
“ฉันขอโทษ ฉันพูดแรงไป…”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหมายความแบบนั้น…”
“ฉัน……”
หลินเจียอินรู้สึกหงุดหงิดตัวเองเล็กน้อย เธอได้แต่แอบโทษตัวเองว่าปากเร็วเกินไป เห็นได้ชัดว่าเจียงเสี่ยวไป๋เลิกนิสัยไม่ดีเหล่านั้นไปแล้ว ตอนนี้เขากลายเป็นคนดี ตั้งใจทำงานอย่างหนัก เพื่อทำให้เธอและลูกมีชีวิตที่สุขสบายขึ้น แต่เธอกลับพูดจาทำร้ายจิตใจเขา
“เมียจ๋า ผมต่างหากที่ควรจะพูดว่าผมขอโทษ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดด้วยความจริงใจ จากนั้นเขาก็พูดกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เชื่อผมเถอะ คุณเด็ดฟักเขียวใส่ตะกร้า แล้วผมจะเป็นคนแบกไปเอง”
“อืม”
หลินเจียอินไม่กล้าที่จะพูดโต้ตอบเขาอีก เธอพยักหน้ารับ แต่มุมดวงตาของเธอกลับเปียกชื้น
ผู้ชายคนนี้ดีจริง ๆ สำหรับฉันตอนนี้
“อ้อจริงสิ อีกเดี๋ยวคุณไปที่บ้านของช่างไม้ถาน เอาเงินไปให้เขา 10 หยวนด้วยนะ”
เจียงเสี่ยวไป๋เล่าเรื่องไปจ้างช่างไม้ถานทำป้ายร้านให้หลินเจียอินฟัง พลางเอาฟักเขียวใส่ตะกร้าไปด้วย
“เดี๋ยวฉันไป” หลินเจียอินพยักหน้า
……
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋แบกตะกร้าใส่ฟักเขียวไปวางไว้ที่ริมถนนลูกรังอีกสองรอบ เจียงเสี่ยวหยูก็ตะโกนมาจากริมร่องน้ำ “พี่รอง พี่สะใภ้รอง มากินข้าวกันเถอะ”
ท้องฟ้ากว้างใหญ่ แผ่นดินกว้างใหญ่ แต่อาหารนั้นสำคัญที่สุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่าให้ภรรยาได้อดอาหารจนท้องหิวเด็ดขาด
เจียงเสี่ยวไป๋และหลินเจียอินหยุดเก็บฟักเขียวและเดินไปบ้านพ่อแม่เพื่อกินข้าวเย็นด้วยกัน
ครอบครัวของเจียงไห่หยางมีคนเยอะอยู่แล้ว พวกเขาจึงเตรียมอาหารไว้สองโต๊ะ
เจียงไห่หยาง เจียงเสี่ยวไป๋ และเจียงเสี่ยวเฟิงนั่งอยู่ที่โต๊ะหลักกับเจียงไห่โป เจียงไห่เฉิง เจียงเสี่ยวชวนที่ถูกจ้างให้มาช่วยงาน ในขณะที่หวังซิ่วจวี๋ หลินเจียอิน และผู้หญิงลูกเด็กเล็กแดงคนอื่น ๆ นั่งอีกโต๊ะ
เมื่อวานซื้อเนื้อมาเยอะมาก หวังซิ่วจวี๋จึงนำมาทำอาหารสำหรับวันนี้
ด้วยโต๊ะขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยอาหารและเหล้าข้าวโพดขวดใหญ่ เจียงไห่โปและคนอื่นต่างดื่มกินจนหนำใจ
งานเลี้ยงย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดคุยถามไถ่ทุกข์สุขกัน
เจียงไห่โปกล่าวว่า “พักนี้เสี่ยวไป๋ไปได้ดีเลยนะ อาได้ยินมาว่าผัดมันฝรั่งของเสี่ยวไป๋อร่อย ทั้งยังขายดิบขายดีในเมืองด้วย”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “อาอย่าแซวผมเล่นเลย เมื่อก่อนผมทำตัวไม่ดี แต่ตอนนี้ผมกำลังเลือกเส้นทางที่ถูกต้องในการเริ่มต้นธุรกิจเล็ก ๆ เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว”
เจียงไห่โปยิ้มและพยักหน้า “ดีแล้วที่เดินทางที่ถูกที่ควร หลานเป็นคนฉลาด หากหน้าที่การงานดี พี่รองและพี่สะใภ้รองของอาก็จะพลอยมีความสุขไปด้วยในอนาคต”
“ในอนาคตยังต้องให้อาช่วยผมอีกเยอะ เอาเถอะ อาสาม ให้ผมดื่มอวยพรให้อานะ”
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋พูดจบ เขาก็ดื่มเหล้าหนึ่งแก้วให้กับเจียงไห่โป
หลินเจียอินบอกเขาไปก่อนหน้านี้แล้วว่าเธอได้ขอให้น้าสะใภ้สามของเขา เจี่ยงชุ่ยหยูไปช่วยงานในเมือง เจียงเสี่ยวไป๋จึงพูดอย่างนั้น
ส่วนผู้ช่วยอีกคน หลินเจียอินได้พูดคุยตกลงกับถานเสี่ยวฟางแล้วในตอนที่เธอนำเงินไปให้ช่างไม้ถาน
เมื่อเจี่ยงชุ่ยหยูและถานเสี่ยวฟางได้ยินว่าพวกเขาต้องการแค่ให้ช่วยขูดมันฝรั่ง แต่พวกเธอจะสามารถหาเงินได้วันละ 2 หยวน พวกเธอต่างก็ดีใจมาก
ถึงแม้ว่าค่ารถโดยสารไป-กลับจากที่นี่ถึงเมืองชิงโจวจะราคา 1 หยวน แต่เมืองชิงโจวอยู่ไม่ไกลมาก ห่างออกไปเพียง 20 ลี้ต่อเที่ยว ดังนั้นหากพวกเธอตื่นแต่เช้า พวกเธอก็ยังสามารถประหยัดค่าโดยสารได้ด้วยการเดินเท้าเข้าเมือง
แบบนี้เท่ากับว่าพวกเธอจะมีรายได้มากถึงเดือนละ 60 หยวน
เจี่ยงชุ่ยหยูและถานเสี่ยวฟางจะไม่มีความสุขได้อย่างไร ?
ตอนนั้นเจียงไห่โปออกไปทำงานเป็นลูกจ้างในแปลงนาให้กับครอบครัวของพี่รอง เขายังไม่กลับบ้าน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าภรรยาของเขาตอบตกลงหลินเจียอินไปแล้ว เขาไม่เข้าใจที่เจียงเสี่ยวไป๋พูด แค่คิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋รู้ความตอบเขาอย่างสุภาพเท่านั้น
หลายคนที่โต๊ะก็คุยกับเจียงเสี่ยวไป๋
หลังจากมื้ออาหารนี้จบลง ทุกคนได้เปลี่ยนความคิดเห็นที่มีต่อเจียงเสี่ยวไป๋ไปอย่างมาก พวกเขาคิดว่าคืนนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้โกหก ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังปรับปรุงตัวเองจริง ๆ
หลังกินมื้อเย็นแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ยังคงไปเก็บฟักเขียวต่อ
กระทั่งเวลาประมาณ 19.00 น. หวังผิงและเฝิงเจียเหอมาถึงพร้อมรถลาก ชาวบ้านที่ตกลงจะขายมันฝรั่งให้เจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินเสียงรถต่างพากันแบกมันฝรั่งไว้บนหลังแล้วรีบจ้ำมาที่ริมถนนลูกรัง
รถลากมันฝรั่งขับออกไป ตอนนี้เริ่มมีคนนำฟักเขียวมาส่งให้แล้ว
ช่างไม้ถานส่งฟักเขียว 700 กว่าชั่ง เจี่ยงชุ่ยหยูส่งให้ 300 กว่าชั่ง เจียงเสี่ยวหมิงส่ง 500 กว่าชั่ง เจียงไห่ซานส่ง 600 กว่าชั่ง หยางซื่อหยุนส่ง 400 กว่าชั่ง รวมกับที่เจียงเสี่ยวไป๋แบกมาวางไว้ก่อนหน้านี้ รวมแล้วมีฟักเขียวมากกว่า 3,000 ชั่ง
รถสองคันลากของออกไปติดต่อกันและเกิดเสียงดังแต๊ก ๆ ขึ้น ทำให้ชาวบ้านในเจียงวานเกือบทุกคนรู้ว่ามันฝรั่งลูกเล็กและฟักเขียวสามารถขายได้ในราคา 5 เหมาต่อหนึ่งชั่งแล้ว
บรรดาผู้ที่ยังมีมันฝรั่งลูกเล็กอยู่ที่บ้านได้มาหาหลินเจียอินและบอกว่าพวกเขายินดีที่จะขายมัน ส่วนผู้ที่มีฟักเขียวที่บ้านก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะขายมันให้กับหลินเจียอิน
นอกจากนี้ วันนี้หลังจากที่เจียงไห่โป เจียงเสี่ยวชวนและคนอื่นที่มาช่วยงานเจียงไห่หยางรู้ว่าหลินเจียอินกำลังต้องการใช้ไม้ไผ่เป็นจำนวนมาก เธอรับซื้อไม้แหลมที่ทำจากไม้ไผ่ 100 แท่งในราคา 1 เหมา พวกเขาต่างก็พากันมาหาหลินเจียอิน
ทันใดนั้น หลินเจียอินก็กลายเป็นบุคคลที่ร้อนแรงที่สุดในเจียงวาน มีแต่คนมาหาเธอจนพื้นบ้านไม่เคยแห้ง
ในอดีต เพราะพฤติกรรมของเจียงเสี่ยวไป๋ หลินเจียอินรู้สึกอยู่เสมอว่าเธอคงไม่สามารถเชิดหน้าชูตาในเจียงวานได้
ตอนนี้ เมื่อเห็นทุกคนประจบประแจงอยากผูกสัมพันธ์กับเธอ ในที่สุดเธอก็รู้สึกภาคภูมิใจราวกับได้เห็นแสงสว่างของวันอีกครั้ง
และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะเจียงเสี่ยวไป๋
ถ้าไม่ใช่เพราะความสามารถของเจียงเสี่ยวไป๋ในการทำผัดมันฝรั่งแสนอร่อย ไหนจะฟักเขียวตุ๋นน้ำแดง และตุ๋นฟักเขียวสไลด์แบบหมูสามชั้น เมนูที่แสนอร่อยเหล่านั้น ก็คงไม่มีการเก็บมันฝรั่งผลเล็ก ฟักเขียว และไม้ไผ่เป็นจำนวนมากแบบนี้ และคนเหล่านี้ก็คงไม่มาผูกสัมพันธ์กับเธอ
ด้านเจียงเสี่ยวไป๋ เมื่อเฝิงเจียเหอมาลากฟักเขียว เขายังให้เงิน 10 หยวนสำหรับค่าโดยสารและยังให้บุหรี่ฮาเต๋อเหมินไปอีกหนึ่งซอง
หวังผิงรู้เรื่องนี้ และเมื่อเขาเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ในวันรุ่งขึ้น เขาก็พูดว่า “ฉันเป็นน้องเขยของพี่เจียเหอและสนิทกับเขามาก ที่จริงนายไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าโดยสารและให้บุหรี่เขาทุกครั้งก็ได้”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มให้กับสิ่งนี้
เขากล่าวว่า “ฉันเชื่อว่าพวกนายสนิทกัน แต่นายเข้าใจแนวคิดผิดแล้ว”
หวังผิงเลิกคิ้วถามด้วยความประหลาดใจ “แนวคิดคืออะไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “แนวคิดเรื่องเงินและความสัมพันธ์ยังไงล่ะ”
“เงินก็คือเงิน ความสัมพันธ์ก็คือความสัมพันธ์ และถ้ามีคนสับสนระหว่างสองสิ่งนี้ ความสัมพันธ์ก็จะแย่”
“เมื่อความสัมพันธ์พังทลายลง และเรือแห่งมิตรภาพก็ล่มไปด้วย”
“หากนายยังมีแนวคิดแบบนี้ สักวันหากไม่ใช่ฉัน นายจะถูกเอาเปรียบเอาได้”
หวังผิงเกาหัวแสดงความไม่เข้าใจ
เจียงเสี่ยวไป๋ตบบ่าเขาและพูดต่ออีกว่า “ไม่สำคัญว่านายจะเข้าใจหรือไม่ ตราบใดที่นายรู้ว่าไม่ว่าความสัมพันธ์จะดีแค่ไหน แต่เงินที่ควรให้ก็ไม่ควรขาดแม้แต่หยวนเดียวเช่นกัน”
“ในโลกนี้ ถ้าปัญหาที่แก้ได้ด้วยเงินก็อย่าทำให้เสียความรู้สึก”
“ยิ่งความสัมพันธ์ดี ยิ่งต้องแยกเรื่องเงินให้ชัดเจน”
“แบบนี้ถึงจะเป็นวิธีรักษาความสัมพันธ์ได้อย่างยาวนาน”
หวังผิงมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋และรู้สึกผงะไปชั่วขณะ รู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นลึกซึ้ง สมเหตุสมผล
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าเจียงเสี่ยวไป๋เปลี่ยนไปจริง ๆ
เขามีความสามารถ เต็มไปด้วยสติปัญญา และคาดเดาไม่ได้ แตกต่างจากเจียงเสี่ยวไป๋ที่เขาคุ้นเคยมาก่อนอย่างสิ้นเชิง
“อืม ตราบใดที่เขาดีขึ้นก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ”
หวังผิงหัวเราะเยาะตัวเองและพูดว่า “เมื่อวาน นายไปโดยไม่ได้คิดบัญชี เดาสิว่าผลประกอบการของเราเมื่อวานได้เท่าไหร่ ? ”