ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 451 ยืนกรานไม่ยอมทำตาม
ตอนที่ 451 ยืนกรานไม่ยอมทำตาม
ระหว่างทางกลับจากบ้านของหลี่อิงจวิ้น หลินเจียอินได้ถามออกมาว่า “ที่คุณมาหาหลี่อิงจวิ้น ก็เพื่อจะดึงตัวเขาไปทำงานในคลับเฮาส์ของคุณใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดขณะขับรถ “หลี่อิงจวิ้นเป็นคนมีความสามารถ ผมไม่ได้จะเอาเขามาเป็นพนักงาน แต่ผมตั้งใจจะให้เขามาเป็นหุ้นส่วนของเรา ! ”
ฮะ ?
หลินเจียอินมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋อย่างงุนงง “แล้วเขาตกลงทันทีแบบนี้เลย”
“อื้ม ! ” เจียงเสี่ยวไป๋พูดด้วยความภาคภูมิใจ “หลังจากที่คุณคลอดลูกคนที่สองแล้ว ผมจะพาคุณไปนวดเท้า คุณจะได้สบายตัว”
หลินเจียอินกล่าวว่า “แล้วทำไมต้องไปที่นั่นหลังจากคลอดลูก ? หรือว่าคลับเฮาส์ของคุณจะยังไม่เปิดจนถึงตอนนั้น ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหัว “ตอนนี้คุณกำลังตั้งครรภ์ ไม่ควรรับการฝังเข็มหรือถูกนวด เพราะมันจะส่งผลกระทบกับคุณและลูกได้ คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากที่คุณคลอด คุณได้ไปแน่นอน”
หลินเจียอินพยักหน้ารับ ก่อนจะมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ด้วยดวงตาคู่งามของเธอ แล้วกัดฟันพูดว่า “ถึงคุณจะเปิดคลับเฮาส์ แต่คุณจะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำสปาล้างเท้าและนวดที่นั่นเด็ดขาด ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงและถามออกมาว่า “ทำไมล่ะ ? ”
เขาเปิดร้านนั้นก็เพื่อจะนวดเท้าผ่อนคลายในยามที่เขารู้สึกเหนื่อย แต่ภรรยาของเขาไม่อนุญาตให้ไป แบบนี้เขาเปิดร้านไปเพื่ออะไรกัน ?
“ไม่มีเหตุผล ยังไงซะฉันก็ไม่อนุญาตให้คุณไป ! ” หลินเจียอินปฏิเสธเสียงแข็ง
“เมียจ๋า เพราะคนที่นวดเท้าเป็นหมอนวดผู้หญิง คุณเลยไม่อนุญาตให้ผมไปใช่ไหม ? ”
“ใช่ ! ” หลินเจียอินพูดตามความเป็นจริง “รู้แล้ว แต่คุณก็ยังจะทำอยู่เหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋บ่นในใจ เขาพยายามทำงานทุกอย่างเพื่อหลินเจียอิน แต่หลินเจียอินกลับดื้อรั้นแบบนี้
เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ สิ่งนี้ไม่ต่างจากเอาหินหล่นทับเท้าตัวเองเลย
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้
ในเมื่อชีวิตดีขึ้นมาขนาดนี้แล้ว เขาก็ต้องเพลิดเพลินไปกับสิ่งที่ควรจะเพลิดเพลิน
แม้ภรรยาจะไม่เห็นด้วยในตอนนี้ แต่มันก็เป็นแค่เรื่องทัศนคติเท่านั้น
เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา เพราะมันเปลี่ยนกันได้ !
เจียงเสี่ยวไป๋เปลี่ยนเรื่องทันทีและพูดว่า “เมียจ๋า คุณรู้ไหมว่าหวังผิงและภรรยาของเขาซื้อบ้านไปกี่หลังแล้ว ? ”
หลินเจียอินตกตะลึง เธอไม่คิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะถามเรื่องนี้โดยฉับพลันและพูดว่า “ฉันจะไปรู้ได้อย่างไร ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมบอกคุณแล้วว่าพวกเขาอาจจะซื้อบ้านหลายร้อยหลังในเมืองชิงโจว”
หลินเจียอินตกตะลึง “พวกเขาซื้อเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “ตอนที่ผมกำลังคุยกับหวังผิงในวันนั้น…”
หลังจากนั้น ทั้งสองก็เริ่มพูดคุยเรื่องการซื้อบ้านของหวังผิงและภรรยาของเขา หลังจากการสนทนาไปได้สักพัก เจียงเสี่ยวไป๋ก็พูดคุยเกี่ยวกับรถตู้อีกยี่สิบคันที่จะซื้อ
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้เจียงเสี่ยวไป๋เป็นคนเลือกหัวข้อการสนทนา และจะไม่ยอมให้หลินเจียอินพูดถึงเรื่องนวดเท้าอีก
รถขับมาถึงโรงจอดรถใต้ดินโดยไม่รู้ตัว
หลินเจียอินลงจากรถด้วยความงุนงง รู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างที่ยังเคลียร์กันไม่ชัดเจน แต่เธอก็จำไม่ได้แล้วว่าเรื่องอะไร
“เมียจ๋า วันนี้เรากลับบ้านช้า คุณไปนอนได้แล้ว ผมจะไปฝึกชานชานเขียนพู่กันก่อน ! ” เจียงเสี่ยวไป๋พูดหลังจากเข้ามาในห้อง
หลินเจียอินพยักหน้า เพราะตอนนี้เธอเองก็ง่วงมากแล้ว
หลังจากเรียกเจียงชานมาฝึกเขียนแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
โชคดีที่ในที่สุดฉันก็ปกปิดมันไว้และไม่เห็นด้วยกับคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลของภรรยา !
เพราะหากเขายอมทำตามภรรยาแต่โดยดี แบบนี้คงจะไม่คุ้ม !
หลังจากทำธุระเสร็จ เจียงเสี่ยวไป๋ก็กลับไปนอน
วันรุ่งขึ้นระหว่างทางเข้าไปในเมือง ในที่สุดหลินเจียอินก็จำได้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋วอกแวก ไม่ยอมรับปากเธอเรื่องการนวดที่พูดกันเมื่อคืนนี้ เธอจึงพูดว่า “สามี หลังจากที่ฉันพูดถึงการเปิดคลับเฮาส์ของคุณเมื่อคืนนี้……”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกเจ็บปวดในใจขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำนี้ มันผ่านมาตั้งหนึ่งคืนแล้วนะ ทำไมภรรยาของเขาถึงยังคิดถึงเรื่องนี้อยู่ ?
ก่อนที่หลินเจียอินจะพูดต่อ เจียงเสี่ยวไป๋ก็พูดขึ้นมาทันที “เมียจ๋า คลับเฮาส์ยังไม่ได้รับการปรับปรุงและเรายังไม่ได้จ้างพนักงานด้วยซ้ำ ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ! ”
หลินเจียอินกล่าวว่า “ฉันรู้ว่ามันเร็วไปที่จะพูด แต่ฉันแค่อยากจะบอกว่า……”
“ผมรู้ว่าคุณต้องการพูดอะไร” เจียงเสี่ยวไป๋ตอบอย่างรวดเร็วเป็นการขัดจังหวะหลินเจียอิน และพูดว่า “เรื่องนั้นมันไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ผมขอพูดเรื่องการก่อตั้งเครือบริษัทกับคุณก่อน ผมคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่นานมาก จนเมื่อคืน ในที่สุดผมก็คิดอะไรออก”
เมื่อหลินเจียอินได้ยินว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับการจัดตั้งเครือบริษัท เธอก็ไม่กล้าที่จะประมาทและพูดว่า “คุณวางแผนอย่างไรบ้าง ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “เรื่องแรก เมื่อวานเราไม่ได้ไปรับรถตู้ 20 คันใช่ไหม ? วันนี้ผมจึงจะรวบรวมหัวหน้าจากแผนกต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมไปขับรถตู้กลับมา ส่วนเรื่องที่สอง ผมจะประกาศการจัดตั้งเครือบริษัทและชี้แจงโครงสร้างองค์กรของเครือบริษัท”
“อ้อ ได้สิ ! ” หลินเจียอินพยักหน้าเห็นด้วย
ในช่วงที่ผ่านมา เธอคิดมากเกี่ยวกับการก่อตั้งเจียงเจียกรุ๊ปมาตลอด โดยมีการไปขอคำแนะนำจากผู้คนมากมาย
ผ่านไปเกือบสองเดือนแล้วที่เธอพูดถึงเรื่องนี้ ในที่สุดมันก็เป็นจริงแล้ว เธอจึงรู้สึกตื่นเต้นมาก
ระหว่างทาง เจียงเสี่ยวไป๋ได้อธิบายการเตรียมการและแผนของเขาอย่างละเอียดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยมีการถามความคิดเห็นของหลินเจียอินเป็นครั้งคราว และในที่สุดรถก็ขับมาถึงโรงงานผลิตเครื่องปรุงโดยไม่รู้ตัว
“เมียจ๋า คุณไปนั่งพักก่อน ผมจะไปแจ้งผู้จัดการเมิ่งให้เรียกพวกเขามาประชุมกัน”
หลังจากขับเข้าประตูโรงงานไป เจียงเสี่ยวไป๋ก็กล่าวออกมา
หลินเจียอินกล่าวว่า “ทำไมไม่ให้เฉินอันปิงโทรไปบอก ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “การก่อตั้งเครือบริษัทเป็นเรื่องใหญ่ ผมจะโทรไปเป็นการส่วนตัว”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาเมิ่งเสี่ยวเป่ยก่อน และบอกให้เธอพาโหยวโหย่วหยู หวังชิ่งซี เฉินอันปิง และเปากันฉวนมาที่โรงงานผลิตเครื่องปรุงเพื่อเข้าร่วมการประชุม
จากนั้นเขาก็โทรหาเฉินหยวนเฉาและให้เขาพาหยางเสวี่ยจื้อมาเข้าร่วมการประชุม
และสายสุดท้ายที่เขาโทรหาคือจวงปี้เฉิง เขาขอให้จวงปี้เฉิงแจ้งเฉินอี้เฟยและจางกุ้ยหลันมาประชุม ส่วนหลี่เฉิงหรูยังอยู่ในหมู่บ้านซานฮวาอยู่
หลังจากโทรหาคนเหล่านี้เสร็จ เขาก็คิดอยู่พักหนึ่งแล้วโทรไปที่ร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงสาขาบนถนนชิงโจว ก่อนจะบอกให้ถานเสี่ยวฟางไปเรียกหลี่ลี่ที่ร้านโยวผิ่นที่อยู่ตรงข้ามเพื่อมาเข้าร่วมการประชุม
ถานเสี่ยวฟางเป็นลูกสาวของช่างไม้ถาน เธอเคยดูแลร้านพะโล้มาก่อนและเป็นผู้จัดการคนแรกในธุรกิจของเขา
ส่วนหลี่ลี่นั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา ตั้งแต่เปิดร้าน ยังไม่มีผู้จัดการร้านโยวผิ่นเลย เขาจึงให้เธอทำหน้าที่ด้านการจัดการเกือบทั้งหมด
แม้ว่าคนสองคนนี้จะยังเด็ก แต่เจียงเสี่ยวไป๋ก็ประเมินการทำงานของพวกเธอมาเป็นเวลานานแล้ว และกำลังเตรียมที่จะมอบเวทีใหญ่ในการแสดงความสามารถให้กับพวกเธอในครั้งนี้
หลังจากโทรเสร็จ เขาก็ไปที่โรงงานแล้วโทรหาถานชิงชาน
“เสี่ยวไป๋ วันนี้เกิดอะไรขึ้น ? ” ถานชิงชานถาม
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “พี่นั่งลงก่อน เราจะเริ่มคุยเมื่อทุกคนอยู่ที่นี่กันพร้อมหน้าแล้ว”
หลังจากนั้นไม่นาน เฉินหยวนเฉา เมิ่งเสี่ยวเป่ย และคนอื่น ๆ ก็ทยอยมาถึงทีละคน
ตั้งแต่เจียงเสี่ยวไป๋เริ่มต้นทำธุรกิจของเขามา ผู้จัดการแต่ละกิจการก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขามารวมตัวกัน หลายคนรู้จักกันแค่ชื่อเท่านั้นและไม่เคยพบเจอกันมาก่อนด้วยซ้ำ
เมื่อทุกคนพบกันครั้งแรกก็ตื่นเต้นเป็นพิเศษ
“สวัสดี ผู้อำนวยการโรงงานเมิ่ง ฉันได้ยินชื่อของคุณมานานแล้ว ในที่สุดก็ได้พบกันสักทีนะ” ถานชิงชานกล่าว
“สวัสดีค่ะผู้จัดการถาน คุณเป็นคนแรก ๆ ที่มาเป็นผู้จัดการให้กับธุรกิจของผู้ช่วยเจียง ฉันขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” เมิ่งเสี่ยวเป่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เฉินหยวนเฉากล่าวว่า “ผู้จัดการเมิ่ง โรงงานผลิตฟิล์มพลาสติกของคุณในตอนนี้ทำกำไรได้มากที่สุด ฉันและชิงชานต่างหากที่ต้องขอฝากเนื้อฝากตัวกับคุณ”
เมิ่งเสี่ยวเป่ยกล่าวว่า “เราทุกคนทำงานร่วมกับผู้ช่วยเจียง แน่นอนว่าต้องดูแลซึ่งกันและกันอยู่แล้วค่ะ”
พวกเขาทั้งสามยิ้มและเริ่มพูดคุยกัน
หลี่ลี่กระซิบกับถานเสี่ยวฟาง “พี่เสี่ยวฟาง ทำไมพี่เจียงถึงเรียกเรามาที่นี่ล่ะ ? ”
ถานเสี่ยวฟางส่ายหัว “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่วันนี้มีคนมาที่นี่หลายคนเลย พี่เสี่ยวไป๋อาจจะเรียกพวกเรามาประชุมเพื่อประกาศบางอย่าง”
“อ้อ ! ”