ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 453 : จะเข้าร่วมให้ได้
ตอนที่ 453 : จะเข้าร่วมให้ได้
การประชุมนี้กินเวลาตั้งแต่เช้าถึงเที่ยง หลังจากที่ทุกคนทานมื้อเที่ยงในโรงอาหารของโรงงานเครื่องปรุงรสเสร็จแล้ว พวกเขาก็ได้ประชุมต่อในช่วงบ่ายและสิ้นสุดการประชุมในตอนเย็น
ตอนกลับออกไป เฉินหยวนเฉา เมิ่งเสี่ยวเป่ย หลี่ลี่ ถานเสี่ยวฟาง และเย่กวงโต้วต่างก็ขับรถตู้ประจำตำแหน่งของตัวเองกลับบ้าน
ยกเว้นเฉินหยวนเฉาและอีกสี่คนที่ไม่ได้ขับรถกลับ แต่ก็ไม่สำคัญ เพราะถึงอย่างไรรถพวกนี้เจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้ยกให้เป็นรถประจำตำแหน่งของพวกเขาอยู่แล้ว
ปัจจุบัน จำนวนพนักงานในเจียงเจียกรุ๊ปที่สามารถขับรถได้มีมากกว่า 400 คน ส่วนคนที่เหลือก็ลงทะเบียนเรียนขับรถที่โรงเรียนสอนขับรถเหลียนเหออย่างต่อเนื่อง
เจียงเสี่ยวไป๋ยังขอให้เมิ่งเสี่ยวเป่ย หลี่ลี่ ถานเสี่ยวฟาง และเย่กวงโต้วหาเวลาไปสอบทำใบขับขี่อีกด้วย
พวกเขาทั้งสี่ตกลงทันที และบอกว่าจะไปพรุ่งนี้
สำหรับถานชิงชานนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้ให้รถตู้กับเขา เพราะเขาได้รถบรรทุกมินิแวน 130 ไปก่อนหน้านี้แล้ว
ถานชิงชานเองก็ไม่ได้มีการคัดค้านแต่อย่างใด เพราะการขับรถบรรทุกมินิแวนก็สะดวกดี
ทุกคนแยกย้ายกันไป ส่วนเจียงเสี่ยวไป๋ก็พาหลินเจียอินกลับบ้าน
“สามี นี่คือการประกาศเปิดเจียงเจียกรุ๊ปงั้นเหรอ ? ” หลินเจียอินถามด้วยรอยยิ้ม ขณะนั่งอยู่เบาะหลัง
ตั้งแต่ที่เธอตั้งครรภ์ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ไม่ให้เธอนั่งข้างคนขับอีกเลย
ไม่ใช่ว่าเขาอาย แค่เป็นเพราะเขากลัวสิ่งที่ไม่คาดคิด เขามั่นใจว่าเบาะหลังปลอดภัยกว่าเบาะข้างคนขับอยู่แล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋หันกลับมายิ้มให้เธอ “ยังไม่ใช่หรอก วันนี้เป็นเพียงแค่การประชุมขั้นแรกของภายในเท่านั้น เราต้องรวมความคิดของเราและสร้างโครงสร้างขององค์กรขึ้นมาก่อน ซึ่งตอนประกาศเปิดเครือบริษัทจริง ๆ เราจะต้องจัดพิธีที่ยิ่งใหญ่กว่านี้”
หลินเจียอินพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แล้วคุณวางแผนจะจัดพิธีเปิดวันไหน ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม แต่ไม่พูดอะไร
ที่จริงแล้วเขาคิดเรื่องเวลาไว้แล้ว ซึ่งจะเป็นวันที่ 12 ของเดือนหน้า และตรงกับวันเกิดของหลินเจียอินด้วย
เขาต้องการเตรียมเซอร์ไพรส์ให้กับภรรยาของเขา
แน่นอนว่าเรื่องเซอร์ไพรส์นั้นไม่สามารถบอกเจ้าตัวล่วงหน้าได้
หลินเจียอินมุ่ยริมฝีปากของเธอแล้วพูดประชดประชันออกมา “ช่างเถอะ มันไม่สำคัญหรอก ! ”
“หม่าม๊า หนูรู้ว่าป่าป๊าจะประกาศเปิดตัวตั้งเจียงเจียกรุ๊ปวันไหน ! ” เจียงชานที่กำลังเล่นรูบิคอยู่ จู่ ๆ เธอก็เงยหน้าขึ้นแล้วพูดออกมา
หลินเจียอินยิ้มและพูดว่า “ขนาดแม่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อของหนูคิดอะไร แล้วหนูรู้ได้อย่างไร หรือพ่อบอกหนูแค่คนเดียว ? ”
เจียงชานส่ายหัว “ป่าป๊าไม่ได้พูด แต่หนูก็เดาได้”
เจียงเสี่ยวไป๋เองก็มีความสุขอย่างมาก เชาพูดว่า “หนูเดาได้อย่างไร บอกพ่อได้ไหมว่าเป็นวันไหน?”
เจียงชานพูดออกมาอย่างหนักแน่น “12 ธันวาคมค่ะ ! ”
“เฮ้ย ! ” เจียงเสี่ยวไป๋อุทานและเกือบจะเหยียบเบรกรถกะทันหันแล้ว
หลังจากที่เจียงชานพูดจบ เธอก็หัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “ป่าป๊า หนูเดาถูกใช่ไหมคะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เจียงซาน เขารู้สึกเสียใจจริง ๆ ที่เขาถามคำถามโง่ ๆ เช่นนี้กับลูกสาว
และเขาก็ไม่ควรปล่อยให้ลูกสาวตอบตั้งแต่แรก !
หลินเจียอินเห็นปฏิกิริยาของเจียงเสี่ยวไป๋ เธอจึงพูดด้วยความประหลาดใจว่า “สามี ชานชานเดาถูกใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าด้วยรอยยิ้มเจื่อน “ผมตั้งใจที่จะประกาศการก่อตั้งบริษัทในวันที่ 12 ธันวาคมจริง ๆ ”
หลินเจียอินมองไปที่เจียงชานด้วยความไม่อยากจะเชื่อ และถามด้วยความประหลาดใจว่า “ชานชาน ลูกเดาได้อย่างไร ? ”
เจียงชานยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ป่าป๊ารักหม่าม๊ามาก และวันเกิดหม่าม๊าก็อยู่ไม่ไกลแล้ว หนูคิดว่าป่าป๊าน่าจะเลือกวันนั้นแน่นอน ! ”
หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็พูดด้วยความภาคภูมิใจในตัวเองว่า “ป่าป๊าคะ หนูพูดถูกไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋หันกลับมาและกลอกตาใส่เธอ แสร้งทำเป็นโกรธและพูดว่า “หนูฉลาด ต่อไปรู้อยู่แล้วก็ไม่ต้องพูดออกมานะ คนเราน่ะ อ่านเกมออกแต่ไม่ต้องพูดเปิดโปงออกมาก็ได้ เข้าใจไหม ? ”
เจียงชานหัวเราะคิกคัก “ป่าป๊าเป็นคนสอนหนูให้สังเกตและวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ แต่ป่าป๊าไม่ได้สอนให้หนูมองข้ามสิ่งต่าง ๆ โดยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้นี่คะ”
เจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินแบบนั้นก็ไปไม่เป็นทันที !
ส่วนหลินเจียอินทั้งรู้สึกประหลาดใจ มีความสุข และละอายใจไปในคราวเดียวกัน เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกสาวของเธอพูด แม้แต่ลูกสาวของเธอก็ยังเดาออก แต่ทำไมเธอถึงคิดไม่ถึงกันนะ !
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอก็พูดไม่ออกตลอดทั้งคืน
วันรุ่งขึ้น เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋มาถึงสำนักงานของโรงงานเครื่องปรุงรส เขาก็เห็นว่าช่างไม้ถานนั่งอยู่ข้างใน กำลังพูดคุยอยู่กับเฝิงเยี่ยนหง
“ลุงถาน ทำไมถึงมาที่นี่ได้ครับ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋วางกระเป๋าในมือลง เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วทักทายด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะลุงถาน ! ”
“สวัสดีค่ะคุณปู่ถาน ! ”
หลินเจียอินและเจียงชานก็กล่าวสวัสดีเช่นกัน
ช่างไม้ถานยิ้มและแตะหัวของเจียงชานเบา ๆ แต่เขาไม่ได้รับบุหรี่ของเจียงเสี่ยวไป๋ “ฉันไม่ชินกับการสูบบุหรี่ ฉันสูบยาสูบของฉันก็พอแล้ว ! ”
ในขณะที่เขาพูดอย่างนั้น เขาก็หยิบไปป์ไม้ไผ่และถุงกระดาษน้ำมันที่มีใบยาสูบออกมาจากกระเป๋าของเขา แล้วเตรียมที่จะใส่ยาสูบเข้าไป แต่หลังจากมองไปที่หลินเจียอิน เขาก็พับถุงกระดาษน้ำมันอย่างใจเย็นแล้วใส่กลับเข้าไปกระเป๋าของเขาตามเคย
“กลิ่นใบยาสูบมีนแรงมาก ฉันไม่ควรเอาออกมาสูบในบริเวณนี้ ! ”
ช่างไม้ถานพึมพำแล้วเดินตรงออกจากประตูไป
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างขมขื่น ก่อนจะเดินตามออกไป
เมื่อช่างไม้ถานออกมาข้างนอกแล้ว เขาก็หยิบไปป์ไม้ไผ่และใบยาสูบออกมาเติมให้เต็มและเริ่มสูบ
เจียงเสี่ยวไป๋เดินตามมาหาเขา พลางจุดบุหรี่ของตัวเองแล้วพูดว่า “ลุงถาน ทำไมวันนี้ถึงมาที่นี่ล่ะครับ ? ”
ช่างไม้ถานกลอกตามองมาที่เขา “นายยังมีหน้ามาเรียกฉันว่าลุงถานอยู่อีกเหรอ คำขอที่ฉันและเสี่ยวจวงเสนอให้นาย นายกลับปฏิเสธของฉัน”
“ทำไม นายคิดว่าฉันแก่เกินไปและเป็นอุปสรรคงั้นเหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างขอโทษและพูดว่า “ลุงถาน ลุงกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ? ธุรกิจของลุงแตกต่างจากของจวงปี้เฉิง ผมมีโครงการที่นั่น ซึ่งเขาสามารถเข้าร่วมได้ แต่ธุรกิจของลุงสามารถขยายได้อย่างอิสระด้วยตัวของมันเอง”
ช่างไม้ถานตะคอกออกมาอย่างเย็นชา “โอ้ นั่นหมายความว่าฉันไม่มีประโยชน์สินะ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋เอามือกุมหน้าผากของตัวเอง ทำไมลุงถานถึงตีความหมายในคำพูดของเขาผิดไปแบบนี้ ?
“ลุงถาน ดูสิ่งที่ลุงพูดสิ ฝีมือของลุงก็ยังเหมือนเดิม ไม่ใช่แค่ทั่วทั้งชิงโจว แต่เป็นทั่วทั้งประเทศ” เขาพูดพร้อมกับยกนิ้วโป้งขึ้น
ช่างไม้ถานกล่าวว่า “ในเมื่อนายเห็นคุณค่าของงานฝีมือของฉัน แล้วทำไมนายไม่ให้ฉันทำงานร่วมกับนายล่ะ ? ”
เขาพ่นควันหนาทึบออกมาแล้วพูดว่า “ฉันได้ยินมาว่านายเรียกลูกน้องมาประชุมเมื่อวานนี้ทั้งวัน และบอกว่ากำลังก่อตั้งเจียงเจียกรุ๊ป”
“ทำไม นายมีมากกว่า 20 อุตสาหกรรม แต่นายไม่สามารถรองรับโรงงานเฟอร์นิเจอร์ของฉันได้อย่างนั้นเหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดไม่ออก “ลุงถาน ไม่ใช่ว่าผมไม่ต้องการให้ลุงเข้าร่วมบริษัท แต่คือลุงไม่จำเป็นต้องติดตามผมก็ได้ ลุงทำเอง แล้วเงินที่หาได้ทั้งหมดจะเป็นของลุง แต่หากลุงมาเข้าร่วมกับผม บริษัทต้องแย่งส่วนแบ่งของลุงอีก”
ช่างไม้ถานพูดอย่างเหยียดหยาม “ฉันจำได้ว่าตอนที่ครอบครัวของฉันยากจน นายขอให้เสี่ยวฟางมาทำงานในร้านของนาย และนายยังสั่งโต๊ะ เก้าอี้ และม้านั่งที่ร้านของฉัน ในเวลาไม่กี่เดือน ฉันสามารถกลายเป็นเศรษฐีครัวเรือนหมื่นหยวนเพราะนาย”
เขาเหลือบมองที่เจียงเสี่ยวไป๋แล้วพูดต่อ “ทำไมนายถึงคิดว่าคนแก่ ๆ อย่างฉันต้องการเงินมากมายขนาดนั้นอีก”
“ฉันแค่อยากร่วมงานกับนาย เพื่อให้โรงงานเฟอร์นิเจอร์เจริญรุ่งเรืองให้ยาวนานกว่าที่เป็นอยู่ และส่งออกสินค้าไปทั่วประเทศ……”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าช่างไม้ถานจะมีความคิดเช่นนี้ เขายิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ลุงถาน ลุงอยากติดตามผมจริง ๆ เหรอ ? ”
ช่างไม้ถานกล่าวด้วยท่าทีเด็ดขาด “ตราบใดที่นายให้ฉันเข้าร่วมเจียงเจียกรุ๊ป นายจะมีโรงงานเฟอร์นิเจอร์เป็นหุ้นส่วน นายเป็นคนตัดสินใจ ส่วนฉันจะรับผิดชอบในการทำ”
เจียงเสี่ยวไป๋คิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “เอาล่ะ โรงงานเฟอร์นิเจอร์จะถูกรวมเข้ากับเจียงเจียกรุ๊ป ตอนแรกลุงลงทุนไปเท่าไหร่ ผมจะคืนเงินลงทุนให้ลุง 60% แล้วผมจะถือหุ้นในอัตรา 60% ของอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์”
ช่างไม้ถานพูดด้วยความตื่นเต้นขึ้นมาทันที “ไม่ต้อง ! ไม่ต้องคืนทุนมาให้ฉัน ! นายแบ่งไปเลย 60% และหลังจากนี้ฉันก็ให้สิทธิ์นายในการตัดสินใจทั้งหมด”
เจียงเสี่ยวไป๋เต็มใจที่จะใช้ประโยชน์จากเขาและพูดว่า “ลุงถาน ลุงพูดไปแล้วนะว่าให้ผมเป็นคนตัดสินใจทุกเรื่องในโรงงานเฟอร์นิเจอร์นับจากนี้ แต่นี่ผมเพิ่งทำการตัดสินใจแรก ลุงก็ไม่ฟัง แล้ว แบบนั้นไม่สู้ลุงเอาไปจัดการเองดีกว่าครับ ! ”
ช่างไม้ถานพูดไม่ออกและไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องทำตาม
หลังจากที่ทั้งสองตกลงกัน ช่างไม้ถานก็ขอตัวกลับไปอย่างมีความสุข
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหัว จากนั้นก็เดินเข้าไปในสำนักงาน หยิบกระเป๋าของเขาแล้วขับรถไปที่ศาลากลาง
ตอนนี้ช่างไม้ถานได้เข้าร่วมบริษัทแล้ว เขาจึงมีแนวคิดใหม่เกี่ยวกับการปรับปรุงโครงการชนบทใหม่
เพียงแต่เขาต้องไปคุยกับนายกเทศมนตรีจางก่อน