ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 457 : จะเป็นการเปิดแข่งกันเองไหม
- Home
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 457 : จะเป็นการเปิดแข่งกันเองไหม
ตอนที่ 457 : จะเป็นการเปิดแข่งกันเองไหม
เฉินซินยิ้มอย่างภาคภูมิใจ และดวงตาที่สวยงามของเธอกวาดไปบนใบหน้าของหลิวเจ๋อจวินและคนอื่น
พวกคุณก็น่าจะเคยเห็นตัวอย่างกันมาแล้ว !
เธอเชิดคางสีขาวราวหิมะขึ้น แล้วพูดกับจู้ตงเฟิง “รีบหาคนมาสองคนให้รับผิดชอบเป็นครูฝึกได้แล้ว ฉันจะได้กลับไปรายงานผู้ช่วยเจียง”
จู้ตงเฟิงพยักหน้า พลางชี้ไปที่หลิวเจ๋อจวินและหยางเสี่ยวหัว ก่อนจะพูดว่า “ให้พวกนายสองคนไปทำงานก่อนสักสามวัน เมื่อฉันเสร็จธุระแล้วจะไปทำแทนเอง”
“ก็ได้ ! ”
หลิวเจ๋อจวินพูดอย่างช่วยไม่ได้
“ทำไมต้องเป็นฉัน ? ”
หยางเสี่ยวหัวดูหดหู่เล็กน้อย
เฉินซินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและกล่าวว่า “หลิวเจ๋อจวิน หยางเสี่ยวหัว คุณสองคนหยุดทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ได้แล้ว ผู้ช่วยเจียงได้คัดเลือกสาวงามมายี่สิบคนในครั้งนี้ พวกเธอทุกคนยังสาวและสวยทั้งนั้น ! ”
“ฮะ ? ”
“จริงเหรอ ? ”
“หัวหน้าเฉิน อย่าโกหกพวกเรานะ ! ”
“หัวหน้าเฉิน คุณหมายความว่าอย่างไร คุณไม่ได้บอกฉันก่อนหน้านี้ว่ามีผู้หญิงนี่ ? ”
“หัวหน้า ฉันขอสมัครเป็นครูฝึกเอง ! ”
“ให้ตายเถอะ พรุ่งนี้ฉันว่าง หัวหน้าจู้ ฉันออกไปส่งของแค่วันนี้กับวันมะรืนนี้เท่านั้น พรุ่งนี้ฉันเป็นผู้สอนได้ ! ”
“ฉันไปด้วย ! ”
“ฉันไปดีกว่า ! ”
“……”
ท่าทีของพวกเขาเปลี่ยนไปทันที พวกเขากลับคำด้วยเหตุผลหลายประการ และรีบตะเกียกตะกายเพื่อที่จะขอมาเป็นครูฝึกทันที
เฉินซินตกตะลึง
จู้ตงเฟิงก็พูดไม่ออกเช่นกัน ทหารกลุ่มนี้ดูเหมือนจะไม่เคยเห็นผู้หญิงมาก่อน เมื่อพวกเขาได้ยินว่าการฝึกครั้งนี้มีแค่สาวงาม พวกเขาก็เต็มใจที่จะทิ้งเงินค่าคอมมิชชั่นไปทันที
แต่พูดตามตรง แบบนี้ก็ทำให้เธอรู้สึกประทับใจเช่นกัน
เมื่อมองดูเฉินซิน จู้ตงเฟิงก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ผู้ช่วยเฉิน แล้วครั้งนี้คุณจะต้องมาคุมฝึกอีกครึ่งเดือนไหม ? ”
เฉินซินพยักหน้าอย่างมึนงง
จู้ตงเฟิงยิ้ม และพูดกับหยวนทงและคนอื่น ๆ ไปว่า “ฉันให้โอกาสทุกคนแล้ว แต่พวกนายก็ผลักโอกาสนั้นออกไปเอง ตอนนี้จะมาแย่งกันทำไม อย่าโทษใครเลยหากว่าไม่ได้รับหน้าที่นี้ไป เพราะมันอยู่ที่ตัวพวกนายเอง ไป ไปทำงานได้แล้ว พอกลับจากทริปอาจจะได้จิบซุปบ้าง”
กัวเป่าเถียนกล่าวว่า “หัวหน้าจู้ พรุ่งนี้ฉันได้ไปที่หวงโจวที่เดียวเท่านั้น และกลับมาวันมะรืนนี้ หลังจากที่หลิวเจ๋อจวินและหยางเสี่ยวหัวสอนเสร็จในสามวันแรกแล้ว ฉันว่าง ให้ฉันไปสอนแทนได้”
หลี่ซิ่งเซี่ยยังกล่าวอีกว่า “งั้นผมไปก่อนนะหัวหน้า ผมได้หยุดเพียงสองวันเท่านั้น จะรีบกลับมาให้ทันเวลานะครับ ! ”
“ไว้ค่อยมาคุยกันใหม่เถอะ ! ” จู้ตงเฟิงดูจะหยิ่งยโสมากในเวลานี้ เขาไม่ได้ตอบรับใครในทันที
กัวเป่าเถียนพูดด้วยความกังวลไปว่า “หัวหน้าจู้ เราเป็นเพื่อนที่ดีและเป็นสหายร่วมรบ จะไว้ค่อยคุยกันได้อย่างไร ? ”
จู้ตงเฟิงยักไหล่ “ฉันเรียกชื่อนายก่อนแล้ว ! ”
กัวเป่าเถียนหยิบของบางอย่างออกมาแล้วตบมันลงไปในมือของจู้ตงเฟิง “หัวหน้าจู้ แล้วถ้าแบบนี้ล่ะ ? ”
จู้ตงเฟิงหัวเราะเสียงดัง “เอาล่ะ ไว้ฉันให้นายมาสอนในรอบที่สองละกัน ! ”
หลี่ซิ่งเซี่ยยื่นบุหรี่หนึ่งซองให้ทันทีและพูดว่า “หัวหน้า รอบที่สองก็ต้องมีสองคน ให้ตำแหน่งนั้นกับฉันอีกคนสิ ! ”
จู้ตงเฟิงเก็บบุหรี่ไว้ในกระเป๋าแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “รอบที่สองคงจะไม่ได้ งั้นนายไปรอบที่สามละกัน ! ”
หลี่ซิ่งเซี่ยพูดราวกับกำลังขอร้อง “หัวหน้า ในรอบที่สองไม่มีที่ว่างจริง ๆ เหรอ ? ”
จู้ตงเฟิงหัวเราะ “ฉันไม่ได้เป็นครูฝึกมานานแล้ว กัวเป่าเถียนและฉันจะไปรอบที่สอง ! ดังนั้นนายจะได้ไปรอบที่สามเท่านั้น ! ”
หลี่ซิ่งเซี่ยมีสีหน้าขมขื่น ในเมื่อครั้งที่สองหัวหน้าจะไปคุมฝึกเอง แล้วเขาจะทำอะไรได้ ?
เฮ้อ…ลืมไปเถอะ รอบที่สามก็รอบที่สาม !
โหยวเจิ้งและหยวนตงต่างดูหดหู่ใจ รอบหนึ่ง สอง สาม ก็เต็มแล้ว พอว่างจากการไปส่งของ ไม่รู้ว่ารอบต่อไปจะมีที่ว่างให้พวกเขาหรือเปล่า ?
“พลาดโอกาสแบบนี้ได้อย่างไร ! ”
“ชีวิตของฉันช่างน่าสังเวชนัก ! ”
“……”
เฉินซินไม่อยากเห็นคนพาลเหล่านี้ต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไป ดังนั้นเธอจึงพูดกับจู้ตงเฟิง “ถ้าเสร็จแล้ว ฉันไปก่อน อย่าลืมมาก่อนแปดโมงเช้าในวันพรุ่งนี้”
“ได้ครับ ! ”
“ผู้ดูแล ฉันสัญญาว่าจะไม่สาย ! ”
หลิวเจ๋อจวินและหยางเสี่ยวหัวยืนตรงและทำท่าเคารพแบบทหาร พร้อมทั้งพูดด้วยรอยยิ้มขี้เล่น ซึ่งทำให้เฉินซินอดที่จะหัวเราะไม่ได้
จู้ตงเฟิงยิ้มและพูดว่า “หัวหน้า คุณอยู่ที่นี่ก่อน อย่าเพิ่งรีบกลับไปเลย ให้เราเลี้ยงอาหารคุณสักมื้อเถอะ”
เฉินซินรีบปฏิเสธทันที “ฉันไม่สน ! ”
พูดจบ เธอก็ขึ้นจักรยานแล้วปั่นจากไปอย่างสง่างาม
เมื่อพูดถึงเจียงเสี่ยวไป๋ หลังจากที่เฉินซินจากไป เขาก็พาหลินเจียอินและเจียงชานกลับบ้าน
ไม่ไกลจากรถ หลินเจียอินก็ได้พูดกับเจียงเสี่ยวไป๋ไปว่า “คุณขอให้เสี่ยวเย่รับสมัครหญิงสาวมากมายเพื่อมาเป็นหมอนวดในสปาใช่ไหม ? ทำไมคุณไม่ไปเลือกเองเลยล่ะ ? ” น้ำเสียงของเธอดูประชดประชันเล็กน้อย
เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างจริงจัง “ในเมื่อผมจ้างเขามาทำงานแล้ว ก็ให้เย่กวงโต่วจัดการเรื่องนี้แทนผมไปสิ”
“ฮ่าฮ่า……” หลินเจียอินยิ้มและกำลังจะพูดต่อ แต่เจียงเสี่ยวไป๋ก็รีบพูดออกมาว่า “เมียจ๋า เราต้องไปซื้อวัตถุดิบก่อนนะ”
หลินเจียอินได้ยินแบบนั้นก็ถามด้วยความประหลาดใจ “วัตถุดิบอะไร ? ”
ในขณะที่เธอถาม เธอก็เห็นว่ารถของเจียงเสี่ยวไป๋ตรงไปทางใจกลางเมืองแทนที่จะกลับไปที่เจียงวาน
เจียงเสี่ยวไป๋จึงกล่าวว่า “นายกเทศมนตรีจางและผู้นำของบางหน่วยในเมืองจะไปที่เจียงวานในวันพรุ่งนี้ ฉะนั้นพรุ่งนี้เราต้องอยู่ที่บ้านคอยต้อนรับเขา นายกเทศมนตรีจางบอกว่าเขาอยากกินหม้อไฟ ผมเลยจะทำให้เขากิน”
หลินเจียอินพูดว่า “อ้อ” และถามด้วยความสงสัยว่า “ทำไมผู้นำเหล่านั้นถึงจะไปที่เจียงวาน ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ตอนนี้เราได้ทำโครงการนำร่องสำหรับการก่อสร้างชนบทแห่งใหม่ของเมืองชิงโจวในเจียงวาน และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้”
หลินเจียอินได้ยินที่เจียงเสี่ยวไป๋พูดถึงการก่อสร้างชนบทใหม่ แต่เธอไม่รู้ว่าโครงการนี้มันคืออะไร เธอจึงถามไปว่า “พรุ่งนี้เราจะไม่ได้เข้าไปในเมืองกันเหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “พรุ่งนี้คงไม่ได้ไปในเมืองหรอก นายกเทศมนตรีจางและคณะจะมาตั้งแต่เช้า หลังจากที่เสร็จสิ้นธุระทางนี้แล้ว ผมว่าจะไปหาลุงใหญ่เพื่อหารือกับเขาล่วงหน้า”
หลังจากที่เขาได้พูดคุยเกี่ยวกับการก่อสร้างพื้นที่ชนบทใหม่ ก่อนที่หลินเจียอินจะได้สติกลับมา รถก็ขับมาถึงตลาดผักแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋บอกให้หลินเจียอินและเจียงชานลงจากรถ จากนั้นทั้งสามคนก็ไปซื้อของด้วยกัน
ครั้งสุดท้ายที่สามคนพ่อแม่ลูกได้มาเดินตลาดด้วยกันคือตอนที่ไปกินหม้อไฟ
คราวนี้ได้มาเดินตลาดด้วยกันก็เพราะหม้อไฟอีกแล้ว
“สามี ร้านหม้อไฟของคุณจะเปิดเมื่อไหร่ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “หลังจากผ่านสองวันที่ยุ่งวุ่นวายนี้ไป ผมจะเริ่มลงมือ คราวนี้มันไม่เหมือนกับการเปิดร้านกุ้งอบน้ำมัน เพราะผมตั้งใจจะเปิดร้านหม้อไฟติดกับร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงทุกสาขา เป็นจำนวนยี่สิบร้าน และจะเปิดพร้อมกัน”
หลินเจียอินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้คาดคิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะใจกล้าขนาดที่เปิดร้านหม้อไฟ 20 แห่งในคราวเดียว เธอจึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ถ้าคุณเปิดร้านหม้อไฟทั้งหมดข้าง ๆ ร้านกุ้งอบน้ำมัน นั่นไม่เท่ากับเอาธุรกิจของตัวเองมาแข่งกันหรอกเหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะออกมาเบา ๆ “เมียจ๋า ธุรกิจประเภทอาหารแตกต่างจากธุรกิจอุตสาหกรรมอื่น ๆ ยิ่งที่ไหนมีร้านอาหารชุกชุม ทำเลที่นั่นก็มีแต่จะยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น”
หลินเจียอินคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และดูเหมือนว่าจะเป็นความจริง เธอจึงพูดว่า “แล้วร้านหม้อไฟไม่รับสมัครแฟรนไชส์เหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “เราจะรับสมัครผู้ร่วมแฟรนไชส์แน่นอน แต่ปล่อยให้ร้านค้าที่ดำเนินการโดยตรงเปิดสักสองสามเดือนก่อน เปิดรับสมัครแฟรนไชส์ในต้นปีหน้าคงจะไม่สายเกินไป”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยและซื้อของกันอยู่นั้น หลินเจียอินก็ลืมเรื่องของหมอนวดสาวไปในทันที
เจียงเสี่ยวไป๋ยังถามลูกสาวของเขาเป็นครั้งคราวว่า “ชานชาน หนูอยากกินอะไร ? ”
“เนื้อแกะ เนื้อวัว ไส้เป็ด……”