ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 458 : พูดคุยตอนกลางคืนที่บ้านลุง
ตอนที่ 458 : พูดคุยตอนกลางคืนที่บ้านลุง
หลังจากซื้อของที่จำเป็นสำหรับวันรุ่งขึ้นเสร็จ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ขับรถกลับไปที่เจียงวาน หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็หยิบไฟฉายและกระเป๋า แล้วบอกหลินเจียอินไปว่า “เมียจ๋า ผมจะออกไปข้างนอกสักพัก ชานชานเล่นอยู่กับถิงถิง อีกสักพักเธอคงกลับมา”
“เข้าใจแล้ว ! ” หลินเจียอินตอบ เมื่อเห็นเขาถือกระเป๋าอยู่ เธอก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ไปบ้านลุงไม่ใช่เหรอ ทำไมคุณถึงเอากระเป๋าติดตัวไปด้วยล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “อ้อ ผมว่าจะแวะบ้านลุงถานก่อน ผมอยากขอให้ลุงถานวาดรูปบางอย่างให้”
“เอาล่ะ ไปเถอะ รีบไปรีบกลับ” หลินเจียอินกล่าว
“พูดเสร็จ ผมถึงจะกลับมา อาจจะดึกหน่อย คุณไปนอนก่อนได้เลย ไม่ต้องรอผม” หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋พูดจบ เขาก็ออกไป
ฟ้ามืดเร็วในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ซึ่งตอนนี้ข้างนอกก็มืดแล้ว ลมจากภูเขาก็ทำให้รู้สึกหนาวเล็กน้อย
ไฟบนถนนมีเพียงในส่วนของถนนที่สร้างขึ้นใหม่นี้ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้ไฟฉาย
เจียงเสี่ยวไป๋จุดบุหรี่แล้วเดินออกไปอย่างช้า ๆ ไปยังบ้านหลังเก่า
เมื่อไปถึงทางขึ้นเนิน เขาก็โยนก้นบุหรี่ทิ้ง หยิบไฟฉายออกมา เดินช้า ๆ ไปจนถึงตีนไร่ของช่างไม้ถานแล้วตะโกนเรียก “ลุงถาน ลุงถาน ! ”
ช่างไม้ถานเดินออกจากบ้านมาเห็นเจียงเสี่ยวไป๋จึงพูดว่า “นายมาทำอะไร ? ทำไมถึงมาที่นี่ได้ล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมจะไปที่บ้านลุงของผมก่อน จึงแวะมาบอกลุง ลุงจะได้ไม่หลับก่อนตอนที่ผมกลับมา”
ช่างไม้ถานพูดว่า “เอาล่ะ ไปเถอะ ฉันยังไม่หลับหรอก ฉันจะรอนายเอง”
ในไม่ช้า เจียงเสี่ยวไป๋ก็มาถึงบ้านของเจียงไห่เทียน และเห็นประตูเปิดอยู่ ซึ่งตอนนี้ครอบครัวใหญ่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องโถงหลัก
“ลุงใหญ่ ! ”
“ป้าสะใภ้ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋เดินเข้าไปที่ลานหน้าบ้านแล้วตะโกนเรียก
ทุกคนในห้องกำลังจดจ่ออยู่กับการดูทีวี และพวกเขาก็ได้ยินว่ามีคนกำลังเรียกอยู่ข้างนอก
“เสี่ยวไป๋มาเหรอ เข้านั่งก่อน ! ”
จ้าวเต๋อหรงยืนขึ้น เธอดึงเก้าอี้ขึ้นมาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม แล้วบอกให้เจียงเสี่ยวไป๋ไปนั่งก่อน
“อาใหญ่ ! ”
“อารอง ! ”
“……”
เจียงเสียน เจียงซง และเด็กคนอื่น ๆ ยืนขึ้นและทักทายเขาอย่างอบอุ่นและสุภาพ ในจำนวนเด็กทั้งสี่คน สองคนเรียกเขาว่าอาใหญ่และอีกสองคนเรียกเขาว่าอารอง พวกเขาเรียกต่างกัน
คนที่เรียกอาใหญ่คือเจียงเสียนและเจียงฮุ่ย ลูกชายและลูกสาวของเจียงเสี่ยวโจว
ส่วนคนที่เรียกเขาว่าอารองคือลูกชายของเจียงเสี่ยวจี๋ เจียงซงและเจียงอิง เพราะอาใหญ่ของพวกเขาคือเจียงเสี่ยวโจว
เจียงเสี่ยวไป๋ยังกล่าวทักทายเจียงเสี่ยวจี๋และเจียงเสี่ยวโจว ก่อนที่เจียงเสี่ยวจี๋จะเอาบุหรี่ของเขาออกมาสูบ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยื่นบุหรี่ให้เจียงไห่เทียน เจียงเสี่ยวจี๋ และเจียงเสี่ยวโจวทีละคน
เจียงเสี่ยวจี๋ยิ้ม “บุหรี่ของนายดีกว่านี้ ฉันจะสูบของนายก่อนละกัน”
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบอย่างสุภาพ “มันเหมือนกันหมดแหละ ! ”
หลังจากแจกบุหรี่แล้ว เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋นั่งลง จ้าวเต๋อหรงก็ยื่นชาและส้มให้เขา
“วันนี้ซื้อมาจากข้างถนน สด หวานด้วย ลองชิมดูสิ”
จากนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็สังเกตเห็นว่าครอบครัวลุงใหญ่ของเขากำลังกินเมล็ดแตงโมและส้ม ระหว่างดูทีวีไปด้วย
ในอดีต คนในชนบทไม่ได้นิยมกินเมล็ดแตงโมกันมากนักหากไม่ใช่ช่วงเทศกาลสำคัญ มันกลายมาเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
ด้วยสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ มันทำให้เขาสังเกตได้ว่าตอนนี้ครอบครัวของลุงเขามีชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋มีความสุขและรับส้มมาด้วยรอยยิ้ม
เจียงไห่เทียนพูดว่า “นายมาที่นี่เพราะมีธุระบางอย่างกับฉันใช่ไหม ? ”
ขณะปอกเปลือกส้ม เจียงเสี่ยวไป๋ก็กล่าวว่า “โครงการนำร่องก่อสร้างชนบทใหม่ที่ผมบอกลุงไปครั้งก่อนจะเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ รองนายกเทศมนตรีจางจะนำคณะของเขามาจากในเมือง”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เจียงไห่เทียน เจียงเสี่ยวจี๋ และเจียงเสี่ยวโจวต่างก็มีความสุข
เจียงเสี่ยวจี๋กล่าวว่า “ตั้งแต่ที่นายพูดครั้งที่แล้ว เราได้พูดคุยกันเรื่องการทุบบ้านหลังนี้แล้วสร้างใหม่ นายพอจะมีแบบแปลนบ้านเหลือบ้างไหม ? แบบที่ยังไม่ได้สร้างมาก่อนเลยน่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “ได้สิ ผมมีแบบแปลนบ้านอยู่สี่ประเภท พรุ่งนี้พี่ว่างก็ลองไปเลือกดูได้”
เจียงเสี่ยวจีกล่าวว่า “เลือกยังไงล่ะ ? ถ้านายว่าอันไหนดี เราก็จะสร้างตามนั้นแหละ”
เจียงเสี่ยวโจวเองก็พยักหน้าเช่นกัน “ใช่แล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋คิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “แล้ว……วางแผนที่จะสร้างบ้านใหม่กี่หลังเหรอครับ ? ”
เจียงเสี่ยวจี๋กล่าวว่า “สร้างเพียงสองหลังเท่านั้น เสี่ยวโจวและฉันจะสร้างคนละหลัง พ่อกับแม่ไม่ต้องสร้างแยกแล้ว จากนี้ไปพวกเขาสามารถอยู่บ้านหลังไหนก็ได้เท่าที่พวกเขาสะดวก”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “เอาล่ะ ผมว่าเลือกสร้างบ้านที่ชั้นบนมีระเบียง หลังคาจะลดหลั่นลงมา เป็นบ้านสามส่วน ตรงกลางของชั้นหนึ่งจะมีห้องโถงหลัก ด้านหน้าของห้องโถงวางทีวี ด้านหนึ่งใช้เป็นห้องอ่านหนังสือที่เด็ก ๆ สามารถทำการบ้านได้”
“บนชั้นสอง จะมีห้องนอนสามห้องและห้องโถงเล็กหนึ่งห้อง”
เจียงเสี่ยวจี๋กล่าวว่า “เอาล่ะ บ้านหลังหนึ่งมีห้องมากกว่า 10 ห้อง แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับทุกคนแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “สิ่งสำคัญคือครั้งนี้ ผมอยากแนะนำให้ทำบ่อเกรอะในส้วมซึมที่จะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นก๊าซชีวภาพ ในอนาคต หากว่าทำตาม ที่บ้านพวกพี่ก็จะสามารถมีน้ำอุ่นไว้อาบตลอดเวลาเหมือนที่บ้านของผม”
จ้าวเต๋อหรงฉีกยิ้มแทบจะถึงใบหู จากนั้นเธอก็พูดว่า “ทุกคนในเจียงวานต่างอิจฉาที่ห้องน้ำของนายไม่เหม็นและยังมีน้ำร้อนให้อาบตลอด คราวนี้เราต้องทำบ้างแล้วล่ะ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “ใช่ครับ จะสร้างบ้านใหม่ขึ้นมาทั้งที มันต้องสะดวกกว่าที่ผ่านมา”
เจียงไห่เทียนกล่าวว่า “เสี่ยวไป๋ บอกพ่อของนายทีว่าตอนที่เรากำลังสร้างบ้านใหม่ เราจะขอไปอยู่บ้านหลังเก่าของเขาก่อน”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ไม่มีปัญหาครับ ยังไงซะมันก็ไม่มีใครอยู่ ทุกคนสามารถอยู่ได้ทั้งบ้านของพ่อแม่และบ้านเก่าของผมเลย”
เจียงไห่เทียนกล่าวขอบคุณเขา
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ลุงครับ ทำไมลุงถึงอยากสร้างบ้านใหม่ในที่ดินเดิม ไม่คิดจะย้ายไปอยู่ด้านล่างเหรอ ? จะได้สะดวกกว่านะ ? ”
เจียงไห่เทียนโบกมือ “ฉันพอใจที่ได้อยู่ที่นี่ ลุงสามของนายและคนอื่นก็ไม่ได้คิดที่จะย้ายลงมาเหมือนกัน พวกเขาคิดว่าข้างล่างมันยุ่งวุ่นวาย”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า และหยุดพยายามที่จะโน้มน้าวใจลุงของเขา
แต่ละคนมีความคิดที่แตกต่างกันไป คนส่วนใหญ่ชอบพบปะสังสรรค์ ชอบสังคม และมีน้อยคนนักที่จะเป็นแบบเขาที่ชอบอยู่อย่างสงบเงียบ
หลังจากคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เขาก็พูดว่า “ถ้าไม่เต็มใจที่จะย้ายลงไปด้านล่าง เราก็ใช้โอกาสนี้สร้างถนนและสร้างบ้านใหม่ริมถนนไปเลย”
เจียงไห่เทียนพยักหน้า “ฉันก็วางแผนเรื่องนี้ไว้เหมือนกัน ฉันได้ลองคุยกับผู้คนในละแวกนี้แล้ว ว่าจะสร้างถนนอย่างไร ผ่านที่นาของใคร”
เจียงเสี่ยวโจวกล่าวว่า “ในอดีต ไม่มีใครเต็มใจที่จะสร้างถนนผ่านที่นาของตัวเอง เพราะการสร้างถนนลัดที่นาย่อมหมายถึงผลผลิตที่จะลดลงไปด้วย แต่ตอนนี้ทุกคนในหมู่บ้านรู้ดีว่าเงินจากการทำนานั้นได้มาเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่สู้ออกไปจับกุ้งที่ได้เงินมาเร็วกว่า”
เจียงเสี่ยวจี๋กล่าวว่า “น่าเสียดายที่กุ้งเครย์ฟิชไม่มีในฤดูนี้แล้ว ช่วงนี้ผู้คนในอ่าวอยู่เฉย ๆ พวกเขาไม่ค่อยคุ้นเคยกับวิถีชีวิตแบบนี้สักเท่าไหร่”
เจียงเสี่ยวโจวยิ้มและพูดว่า “ฉันเคยหาเงินได้หลายสิบหยวนต่อวันจากการจับกุ้งเครย์ฟิช แต่ตอนนี้ฉันไม่มีกุ้งให้จับเลย ไม่รู้จะไปหาเงินมาจากไหน แน่นอนว่าฉันเองก็ไม่ชิน”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “เรากำลังดำเนินโครงการนำร่องในหมู่บ้านเพื่อพัฒนาสร้างโรงเรือนกระจกปลูกผักและทำฟาร์มแบบมืออาชีพ หลังจากที่ธุรกิจเสริมเหล่านี้เริ่มต้นขึ้น ทุกคนคงจะยุ่งกันในไม่ช้า แม้ว่าจะเป็นฤดูที่ไม่ได้จับกุ้งก็ตาม ในอนาคตเราก็จะมีรายได้ และมีแต่จะมากขึ้นเท่านั้น”
เจียงไห่เทียน เจียงเสี่ยวจี๋ และเจียงเสี่ยวโจวที่ได้ยินแบบนั้นต่างก็หัวเราะออกมา
เพราะพวกเขาต่างเชื่อว่าทุกคนต้องรอคอยวันนี้ !