ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 463 : ทุกคนต่างอยากได้โควต้า
ตอนที่ 463 : ทุกคนต่างอยากได้โควต้า
หลังจากทานหม้อไฟเสร็จ ผู้นำทุกคนก็กล่าวของคุณ
“เถ้าแก่เจียง หม้อไฟของคุณอร่อยกว่ากุ้งอบน้ำมันเสียอีก ทำไมคุณไม่เปิดร้านไปเลยล่ะ ? ” รองนายกเทศมนตรีถังถามอย่างตื่นเต้น
“ใช่แล้ว เถ้าแก่เจียง ถ้าคุณเปิดร้านหม้อไฟ กิจการของคุณจะต้องดีอย่างแน่นอน” ซ่งเจี้ยนจวินกล่าวออกมาอีกคน
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ร้านหม้อไฟกำลังเตรียมการอยู่ครับ คงจะเปิดทำการในเดือนหน้า”
“เยี่ยมมาก ! ” ซ่งเจี้ยนจวินถูมือของเขาไปมาแล้วพูดว่า “เถ้าแก่เจียง ฉันได้ยินมาว่าร้านกุ้งอบน้ำมันของคุณกำลังเปิดรับสมัครแฟรนไชส์เพิ่ม ถ้าร้านหม้อไฟเปิดรับสมัครแฟรนไชส์เมื่อไหร่ บอกนะ ฉันมีเพื่อนที่สนใจ……”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ หลิวเฟิ่นโต้ว เฟยตู้จือ มู่ชิงหยาง และคนอื่นก็แห่กันเข้ามาล้อมเขาทันที
“เถ้าแก่เจียง ลุงของฉันที่เป็นข้าราชการเกษียณก็สนใจ……”
“เถ้าแก่เจียง น้องสาวของฉัน……”
“เถ้าแก่เจียง พี่เขยของฉัน……”
“……”
ทุกคนต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอสมัครเป็นร้านแฟรนไชส์หม้อไฟ
พวกเขาไม่รู้ว่าเจ้าของแฟรนไชส์ร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเหอเหล่านั้นทำเงินได้เท่าไรต่อเดือน แต่พวกเขารู้ว่าธุรกิจนี้ไปได้ดีเลยที่เดียว
แต่ตอนนี้พอได้ลองกินหม้อไฟ พวกเขาถึงได้รู้ว่าหม้อไฟอร่อยกว่ากุ้งอบน้ำมัน
เจียงเสี่ยวไป๋รีบพูดว่า “ทุกคนอดใจรอก่อนนะครับ ร้านหม้อไฟจะรับสมัครแฟรนไชส์แน่นอน แต่อาจจะเกิดขึ้นในต้นปีหน้า”
ซ่งเจี้ยนจวินได้ยินแบบนั้นก็พูดขึ้นมาทันที “เถ้าแก่เจียงเปิดรับสมัครเมื่อไหร่ก็บอกฉันด้วยนะ อย่าโฆษณาเหมือนเมื่อก่อนอีก”
“เพราะหากมีการโฆษณา ผู้คนก็จะแย่งกันสมัครแฟรนไชส์ แล้วมันจะยากสำหรับเรา”
“เถ้าแก่เจียง ขอจองด้วยคนนะ ! ”
“เถ้าแก่เจียง ฉันก็อยากได้เหมือนกัน”
“เถ้าแก่เจียง……”
“……”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ดังนั้นเขาจึงได้แต่ต้องตอบตกลงไปก่อน
ฝูงชนมารวมตัวกันรอบตัวเขา และพูดคุยกันเป็นเวลานาน ก่อนจะแยกย้ายกันกลับไป
เมื่อส่งทุกคนกลับ นายกเทศมนตรีจางก็กล่าวว่า “เราจะมาที่นี่อีกสามวัน อาหารสำหรับสามวันนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่าจะเลี้ยงอะไรเรา คุณวางแผนสำหรับวันพรุ่งนี้หรือยัง ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋แทบจะเซล้มลงไปทันที คุณไม่ทำงานเหรอ คุณมาทำอะไรที่นี่ตั้งหลายวัน และยังมาถามฉันว่าวางแผนจะเลี้ยงอาหารอย่างไร นี่มันหมายความว่าอย่างไร ?
ให้ฉันเป็นพ่อครัวทำอาหารให้กินเหรอ ?
แต่เมื่อนายกเทศมนตรีจางเป็นคนพูดออกมา เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ เขาทำได้เพียงพยักหน้าด้วยความโกรธแล้วพูดว่า “ผมขอไปคิดคืนนี้ก่อน พรุ่งนี้เช้ากินข้าวเสร็จ ผมจะเข้าไปในเมืองเพื่อไปซื้อของ”
“เอาล่ะ คิดให้ดี ทางที่ดีควรหาอาหารจานใหม่มาเสนอฉันดูบ้างก็ดีนะ” นายกเทศมนตรีจางพูดด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
จนกระทั่งเจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า เขาถึงจะจากไปด้วยความพึงพอใจ
“พรุ่งนี้คุณจะทำเมนูอะไรใหม่ ๆ บ้าง”
หลินเจียอินมองเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยรอยยิ้ม เธอไม่ได้กินอาหารเมนูใหม่ของเขามานานแล้ว ซึ่งเธอเองก็อดไม่ได้ที่จะตั้งตารอเหมือนกัน
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกหดหู่ใจมากในตอนนี้ เขาไม่คิดว่าภรรยาของเขาจะเป็นเหมือนนายกเทศมนตรีจางเหมือนกัน
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดว่า “ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้กินอาหารเจียงหูก็แล้วกัน ! ”
“อาหารเจียงหู ? ” หลินเจียอินตะลึงและถามว่า “มันคืออะไร อร่อยไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเบา ๆ “เมื่อพูดถึงอาหารเจียงหู มันทำค่อนข้างง่าย คุณดูสิ ในนิยายก็มักจะเขียนเอาไว้ ‘เสี่ยวเอ้อร์ หั่นเนื้อวัวสองชั่ง แล้วเอาสุรามาให้ด้วย”
หลินเจียอินหัวเราะ “คุณกำลังจะทำน่องวัวตุ๋นใช่หรือเปล่า ? ”
เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมกำลังพูดถึงความรู้สึกนั้นต่างหาก น่องวัวตุ๋นเป็นเพียงหนึ่งในอาหารเจียงหูเท่านั้น”
“สำหรับเมนูหลัก ถ้าเป็นเนื้อสุนัขคงจะดีที่สุด”
“แต่ตอนนี้คงหาเนื้อสุนัขไม่ได้แล้ว ผมเลยจะทำไก่ขอทาน [1] แทน”
หลินเจียอินรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องเนื้อสุนัข
สุนัขมันน่ารัก ทำไมคนถึงยังกินเนื้อของมันลงได้ ?
แต่เมื่อได้ยินว่าเป็นไก่ขอทาน เธอก็กลับมารู้สึกดีอีกครั้ง
โครงเรื่องในนิยายขอทานขโมยไก่ไปทำไก่ขอทานนั้นสนุกมาก ว่ากันว่ารสชาติของไก่ขอทานไม่มีใครเทียบได้ แต่ไม่รู้ว่ามันจะอร่อยจริงหรือเปล่า
หลังจากที่พูดธุระกันเสร็จ พวกเขาก็เข้านอน
ในวันรุ่งขึ้น เจียงเสี่ยวไป๋ไม่จำเป็นต้องไปในเมืองเพื่อซื้อผัก เขาเพียงซื้อไก่ หมู และน่องวัวสามน่อง ซึ่งสามารถหาซื้อได้ในอำเภอชิงซาน
เขาขับรถไปที่อำเภอชิงซาน หลังจากซื้อของเสร็จแล้ว เขาก็ไม่รีบกลับบ้าน และตรงไปที่ภูเขาหว่าอูริมแม่น้ำตะวันออกของเมือง
ขณะนี้ สถานที่นี้คึกคักไปด้วยกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย คนงานหลายสิบคนกำลังสร้างโรงงานผักดอง
จางชุ่ยฮวาก็อยู่ในไซต์งานก่อสร้างเช่นกัน เมื่อเธอเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ เธอก็ยิ้มทักทายเขา “คนยุ่งอย่างคุณทำไมถึงมีเวลาว่างมาที่นี่ได้ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างไม่เป็นทางการว่า “วันนี้ผมไม่ได้เข้าไปในเมือง เลยแวะมาดูที่นี่”
จางชุ่ยฮวาหัวเราะเยาะ “ถ้าคุณไม่ไปในเมือง ทำไมไม่ไปอยู่กับภรรยาที่บ้าน มาที่ไซต์งานก่อสร้างทำไมล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “ทำไม ? คุณไม่อยากต้อนรับผมสินะ ! ”
จางชุ่ยฮวากล่าวว่า “คุณเป็นเจ้านาย ฉันไม่กล้าคิดแบบนั้นหรอก มีคนอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีภรรยาและลูกสาว ไม่ว่าจะไปไหนก็ต้องพาพวกเขาไปทุกที่ที่ไป มันก็แค่รู้สึกแปลกที่เจอคุณที่นี่คนเดียว”
เจียงเสี่ยวไป๋อึ้งไปครู่หนึ่ง เขาไม่คาดคิดว่าในสายตาของจางชุ่ยฮวา เขาจะมีบุคลิกเช่นนั้น
เขาแสร้งทำเป็นพูดเกินจริงไปว่า “มีที่ไหน ไม่มี”
จางชุ่ยฮวายิ้มและพูดว่า “แน่ใจหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ได้แต่หัวเราะออกมา
ทั้งสองพูดติดตลกอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะเข้าสู่หัวข้อหลัก จางชุ่ยฮวากล่าวว่า “ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของคุณ อาคารโรงงานจะถูกสร้างขึ้นเป็นบ้านกระเบื้องพื้นบ้าน แต่ความคืบหน้าอาจจะช้าเล็กน้อย”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ไม่สำคัญหรอก มันอยู่ที่คุณเลือกจะดำเนินการ ขอแค่ให้งานก่อสร้างเสร็จในต้นปีหน้าก็พอ”
จางชุ่ยฮวาพยักหน้า “ไม่มีปัญหาแน่นอน ฉันจะเร่งทำให้เสร็จก่อนปีหน้า ฉันได้ลองไปทาบทามชาวบ้านที่ทำผักดองเก่ง ๆ มาแล้ว ฉันจะให้พวกเขามาทำงานในโรงงานหลังจากสร้างโรงงานเสร็จ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “คุณสามารถตัดสินใจเรื่องพวกนี้ได้ทั้งหมดเลย แต่สิ่งสำคัญคือคุณอย่าลืมว่าต้องสั่งโถกะหล่ำปลีดองไว้ด้วย”
จางชุ่ยฮวากล่าวว่า “ครั้งล่าสุดคุณบอกว่าเมืองฝูเหลียง มณฑลกานเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำเซรามิกใช่ไหม ไม่กี่วันหลังจากนี้ ฉันว่าจะไปที่นั่นเพื่อหาโรงงานผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ เราจะได้สั่งซื้อในระยะยาว”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “คุณไปถามจู้ตงเฟิงที่ทำงานอยู่ในบริษัทโฮเนสท์ โลจิสติกส์ ได้ว่ารถของใครที่จะไปส่งสินค้าในเมืองฝูเหลียง มณฑลกานบ้าง แล้วคุณก็ขอติดรถพวกเขาไป ในอนาคตคุณก็สามารถไปเจรจาขอให้พวกเขาร่วมมือ เผื่อมีอะไรคุณก็สามารถฝากของติดรถพวกเขามาได้”
“เอาล่ะ ฉันจะไปที่เมืองในอีกไม่กี่วันแล้ว ฉนั้นจะต้องไปคุยกับจูต่งเฟิงก่อน” จางชุ่ยฮวากล่าว
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าและเดินไปรอบ ๆ สถานที่ก่อสร้างพร้อมกับจางชุ่ยฮวา ก่อนที่จะขอตัวกลับ
หลังจากกลับมาถึงบ้าน เจียงเสี่ยวไป๋ก็เชือดไก่ทั้งหมดสิบตัวที่เขาซื้อมา ทำความสะอาดและหมักไก่ด้วยเครื่องปรุงรสสูตรพิเศษ
หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนนี้แล้ว เขาก็เดินไปที่สนามหญ้าและมองไปรอบ ๆ ก่อนจะพบว่าไม่มีที่ใดที่เหมาะที่จะย่างไก่ขอทานเลย
เขาจึงหยิบเคียวแล้วขับรถไปจนสุดถนน แล้วเดินไปที่บ้านหลังเก่าพร้อมกับเคียวในมือ
ในเวลานี้ ผู้คนทุกเพศทุกวัยในเจียงวานต่างมารวมตัวกันรอบ ๆ สันเขาเพื่อดูหลิวเฟิ่นโต้ว ผู้อำนวยการสำนักงานการเกษตรกรรมที่กำลังนำคนของเขามาสร้างโรงเรือนให้ชาวบ้าน
คนจากสำนักงานการเกษตรไม่สามารถให้คำแนะนำแก่ทุกคนได้ เจียงไห่เทียนจึงอยากให้ชาวบ้านมาดูเพื่อเรียนรู้ด้วยตัวเอง
โดยพื้นฐานแล้ว แต่ละครัวเรือนจะส่งตัวแทนมาช่วยกันสร้างโรงเรือน
เพราะการดูอยู่เฉย ๆ มันต่างไปจากการลงมือทำด้วยตัวเอง
นายกเทศมนตรีจาง รองนายกเทศมนตรีถัง ซ่งเจี้ยนจวิน และคนอื่นไม่ได้อยู่ในทุ่งอีกต่อไปแล้ว เพราะพวกเขาได้รวบรวมคนกลุ่มแรกที่จะสร้างบ้านใหม่ให้ไปที่บ้านของเจียงไห่เทียน แล้วให้พวกเขาเลือกแบบแปลนบ้านที่จะสร้าง
เจียงเสี่ยวจี๋ เจียงเสี่ยวโจว หูฉางจวิน เฉิงหยวนชาง และคนอื่นล้วนก็อยู่ที่นั่น ในกลุ่มนี้มีคนทั้งหมดมากกว่า 20 คน เมื่อพวกเขาเห็นแบบแปลนบ้านที่ต้องเลือก ทุกคนก็ตกตะลึง
“นี่คือ……บ้านที่เราจะอาศัยอยู่ในอนาคตงั้นเหรอ ? ”
“มันสวยมาก ! ”
“ฉันไม่เคยเห็นบ้านที่สวยขนาดนี้มาก่อน”
“นี่สวยพอกันกับบ้านของเจียงเสี่ยวไป๋ใช่ไหม ? ”
“บ้านของเจียงเสี่ยวไป๋เป็นสไตล์เก่าแก่ ส่วนบ้านของเราเป็นสไตล์ใหม่”
“ฉันชอบแบบบ้านหลังนี้มาก……จะเลือกแบบไหนดีล่ะ อยากได้ทั้งสองหลังเลย ! ”
“โอ้ บ้านสวยขนาดนี้ ฉันจะเอาหมูและวัวมาเลี้ยงที่บ้านได้อย่างไร ? ”
“ใช่ เราอาจไม่มีปัญหาที่ได้อยู่ในบ้านดี ๆ แบบนี้ แต่วัวควายของพวกเราล่ะ จะเลี้ยงที่ไหนดี ? ”
“……”
ไก่ขอทาน [1] เมนูขึ้นชื่อของเมืองเจียงซู เป็นไก่ยัดไส้ที่ทำคล้ายกับไก่แปดสมบัติ หมักเครื่องปรุงรส ยัดไส้ด้วยขิง เห็ด และหน่อไม้ พอกด้วยดินเหลืองแล้วอบในกองฟาง