ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 464 : ตัดใบตอง
ตอนที่ 464 : ตัดใบตอง
หลังจากฟังการสนทนาของชาวบ้าน นายกเทศมนตรีจางและรองนายกเทศมนตรีถังก็ตกตะลึง
ต้องบอกว่าเกษตรกรนั้นใช้ชีวิตเรียบง่ายมาโดยตลอด
เมื่อพวกเขาเห็นแบบแปลนบ้านที่สวยเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเลือกอย่างสนุกสนานอย่างที่ไม่เคยเห็นมันมาก่อน แต่พอเลือกไปเลือกมา พวกเขากลับเริ่มกังวลเกี่ยวกับสถานที่เลี้ยงสัตว์แทน
ซ่งเจี้ยนจวินเป็นผู้อำนวยการสำนักงานการก่อสร้าง เขาได้ศึกษาแบบแปลนบ้านทั้งสี่แบบอย่างละเอียดมาแล้ว จึงได้อธิบายให้ชาวบ้านได้ฟัง
หลังจากได้ยิน ชาวบ้านก็ได้รู้ว่าตอนที่เจียงเสี่ยวไป๋ออกแบบบ้าน เขาได้พิจารณาถึงเรื่องการสร้างคอกหมู คอกวัว และแม้กระทั่งเล้าไก่ของชาวบ้านแล้ว
หลังจากเข้าใจแล้ว ทุกคนก็พอใจมาก
มีเพียงเจียงเสี่ยวจี๋เท่านั้นที่พูดด้วยความไม่พอใจ “เจียงเสี่ยวไป๋เป็นคนออกแบบแปลนเหล่านี้ด้วยตัวเอง พวกคุณยังไม่มั่นใจในตัวเขาอีกเหรอ ? ”
เฉินหยวนชางรีบพูดขึ้รว่า “เสี่ยวไป๋เป็นคนออกแบบมัน ยิ่งทำให้เรามั่นใจมากขึ้น เพียงแต่เรายังไม่เข้าใจในบางจุด”
หูฉางจวินยังกล่าวอีกว่า “ใช่ เราเพิ่งมาเข้าใจตอนที่ผู้อำนวยการซ่งพูดเมื่อกี้นี้”
หูฉางปิงกล่าวว่า “ในอดีต ไม่ว่าเราจะสร้างบ้านแบบไหน กลิ่นของห้องน้ำก็เป็นสิ่งที่แก้ปัญหาไม่ได้อยู่ดี แต่ตอนนี้ด้วยการออกแบบของเจียงเสี่ยวไป๋ เราสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้แล้ว”
ซ่งเจี้ยนจวินพยักหน้าและกล่าวสมทบ “คุณพูดถูก การออกแบบนี้ไม่เพียงแต่แก้ปัญหากลิ่นเหม็นของห้องน้ำได้เท่านั้น แต่ยังใช้บ่อเกรอะของส้วมมาผลิตก๊าซชีวภาพ ในอนาคตพวกคุณอาจใช้ไฟฟ้าได้สะดวกกว่าในเมืองด้วยซ้ำไป”
เฉิงหยวนชาง หูฉางปิงและคนอื่นอดยิ้มไม่ได้ ก๊าซชีวภาพของเจียงเสี่ยวไป๋สามารถทำให้น้ำร้อนขึ้นได้ ทำให้มีน้ำอุ่นอาบตลอดทั้งปี พวกเขาอิจฉามานานแล้ว
ตราบใดที่บ้านใหม่ถูกสร้างขึ้น พวกเขาก็จะมีบ้านที่สะดวกสบายเป็นของตัวเอง
จนคนในเมืองต้องอิจฉาเลยแหละ
หม่าว่านหลี่กล่าวว่า “ทุกคน ผมหม่าว่านหลี่ ผมเป็นผู้อำนวยการสำนักงานทางหลวง ตอนนี้ผมอิจฉาทุกคนที่จะได้มีบ้านดี ๆ และต้องขอแสดงความยินดีล่วงหน้าด้วย ในนามของสำนักงานทางหลวง ผมมาที่นี่เพื่อช่วยพวกคุณสร้างถนนตัดผ่านหน้าบ้านทุกหลังคาเรือน”
เจียงเสี่ยวจี๋กล่าวว่า “ผู้อำนวยการหม่า พวกเราชาวเจียงวานได้พูดคุยเรื่องนี้ตอนที่ทำประชาคมมาก่อนหน้าแล้ว เราตกลงจะทำถนนลูกรังในหมู่บ้านไปจนถึงเนินเขา ซึ่งทางเราสามารถจัดการเรื่องถนนลูกรังในเจียงวานเองได้ หากสำนักงานของคุณต้องการสนับสนุนเรา ก็ลองพิจารณาขยายถนนจากชิงซานถึงเจียงวานให้กว้างขึ้น แล้วสร้างให้เหมือนกับถนนหน้าบ้านของเจียงเสี่ยวไป๋ได้ไหมครับ?”
หม่าว่านหลี่ตกตะลึง ถนนหน้าบ้านเจียงเสี่ยวไป๋หน้ากว้างถึง 12 เมตร มีทางเท้าและช่องทางจารจรสีขาวทั้งสองด้าน ซึ่งรวมกันแล้วก็กว้างกว่า 16 เมตร ทั้งยังมีการติดไฟกิ่งทุกระยะห่าง 50 เมตรอีกด้วย
เขาไม่กล้าที่จะรับปากเลย
“เรื่องนี้……เอ่อ……”
ปกติแล้วหม่าว่านหลี่จะเป็นคนที่พูดจาเด็ดขาดมาก แต่ในตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
“แค่ก ๆ…….”
นายกเทศมนตรีจางกระแอมไอสองครั้งแล้วพูดว่า “เราได้พิจารณาสิ่งที่คุณพูดแล้ว ดูจากงบประมาณที่เรามีในตอนนี้ ถนนปัจจุบันที่กว้าง 5 เมตรจะขยายเป็นขนาด 8 เมตรได้เท่านั้น เรายังไม่สามารถขยายเป็น 12 เมตรได้ และไม่สามารถทำทางเท้าทั้งสองฝั่งของถนนได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงไฟกิ่งข้างทางเลย ตอนนี้เรายังไม่มีงบประมาณติดตั้ง งบประมาณของเราทำได้แค่เปลี่ยนผิวถนนเป็นถนนคอนกรีตเท่านั้น”
เจียงเสี่ยวจี๋และคนอื่นต่างดีใจมากเมื่อได้ยินคำพูดนี้
เขาแค่พูดไปอย่างนั้น แต่เขาไม่คาดคิดว่าผู้นำจะเห็นด้วยจริง ๆ
นายกเทศมนตรีจางกล่าวต่อ “นอกจากนี้ เรายังสามารถทำให้ถนนจากชิงโจวไปยังอำเภอชิงซานแข็งแรงขึ้นไปอีกได้”
……
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋มาถึงบนภูเขา ผู้คนที่นี่ก็ได้ทักทายเขา เขาตอบทุกคนเพียงไม่กี่คำแล้วเดินต่อไป
ไม่นาน เขาก็มาถึงป่ากล้วย
ตรงหน้าเขามีใบตองยาวประมาณสองเมตรและกว้างประมาณ 30-40 เซนติเมตร มีสีเขียวเข้มแวววาว
เจียงเสี่ยวไป๋หยิบเคียวขึ้นมาแล้วตัดใบตอง 4 ก้าน ซ้อนทับกันแล้ววางบนไหล่ของเขา ก่อนจะเดินกลับไป
แม้จะไม่หนักแต่ก็ถือไม่ง่าย เพราะมันลื่นไปหน่อย
เมื่อเขาเดินผ่านฝูงชนอีกครั้ง หลายคนก็มองมาที่เขาด้วยความสงสัย
เหลียวจวี๋จือ ป้าสะใภ้คนโตของตระกูลหูเห็นแบบนั้นก็ถามว่า “เสี่ยวไป๋ ตัดใบตองไปทำอะไรเหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบกลับ “เอาไปห่อของบางอย่างครับ”
ให้บอกว่าเอาไปห่อไก่ขอทานก็คงไม่ดี ดังนั้นเขาจึงตอบแบบขอไปที
เหลียวจวี๋จือยิ้มและพูดว่า “ถือสี่ก้านคนเดียวแบบนี้ไม่ไหวหรอก มาเถอะ ฉันจะช่วยถือหนึ่งก้าน”
จางไห่เยียน สะใภ้ครอบครัวหลิวที่อยู่ข้าง ๆ ก็ได้กล่าวว่า “เดี๋ยวฉันช่วยอีกแรง”
ในขณะที่ทั้งสองพูดก็เดินไปหาเจียงเสี่ยวไป๋ แต่ละคนก็หยิบใบตองมาวางไว้บนไหล่ของพวกเธอ
เมื่อใบตองหายไปสองก้าน เจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกว่าถือได้ง่ายขึ้นและขอบคุณทั้งสองคน
ทั้งสามคนเดินลงมาจากภูเขาตรงไปที่รถของเจียงเสี่ยวไป๋
“เสี่ยวไป๋ ลู่ลู่ทำงานให้นาย เธอสร้างปัญหาให้นายมากไหม ? ” จางไห่เยียนเดินตามหลังเจียงเสี่ยวไป๋และถามด้วยความกังวล
ลู่ลู่ที่เธอพูดถึงคือหลิวลู่ เป็นลูกสาวของเธอ ซึ่งเป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรก ๆ ที่ไปทำงานในร้านกุ้งอบน้ำมันของเจียงเสี่ยวไป๋
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องต่าง ๆ ในร้านกุ้งอบน้ำมันสักเท่าไหร่ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลิวลู่ทำงานที่ร้านสาขาไหน นับประสาอะไรกับปัญหาที่เธอสร้าง
เขายิ้มเหยเกแล้วพูดว่า “ไม่ครับ เธอไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้ผมเลย สบายใจได้”
จางไห่เยียนดูเหมือนจะโล่งใจไม่น้อย “เป็นเรื่องดีที่เธอไม่ได้สร้างปัญหาให้ ถ้าลูกของป้าไม่เชื่อฟังก็สามารถตีเธอได้เลยนะ เพราะต่อให้เสี่ยวไป๋ลงโทษเธอ ป้าก็ไม่ตำหนิหรอก”
เจียงเสี่ยวไป๋อยากจะกุมขมับตัวเอง เขาเคยคิดอยากไปสอนลูกสาวคนอื่นที่ไหนกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่จะให้เขาไปตีเลย !
เสียใจด้วยนะ มาขอผิดคนแล้ว
โชคดีที่ทางขึ้นมาบนเขาไม่ไกลนัก ไม่นานทั้งสามก็มาถึงรถจี๊ป
เจียงเสี่ยวไป๋รีบเปิดท้ายรถแล้วยัดใบตองเข้าไปข้างใน
ใบตองยาวเล็กน้อย และหลังจากใส่ไปท้ายรถ บางส่วนยังเกินออกมาจากท้ายรถ เจียงเสี่ยวไป๋ไม่สนใจและเปิดท้ายรถทิ้งไว้อย่างนั้น
“ป้าเหลียว ป้าจาง ขอบคุณที่ช่วยนะครับ ผมกลับก่อนนะครับ!”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวขอบคุณ และรีบขึ้นรถขับออกไป
ไม่เช่นนั้นเขาคงจะปวดหัวกับป้าสองคนนี้ที่พูดกันไม่หยุด
ใช้เวลาไม่นาน รถก็ขับมาถึงบ้าน เจียงเสี่ยวไป๋หยุดรถ เอาใบตองออกจากท้ายรถแล้ววางลงบนพื้น
ในเวลานี้ เจียงชานและเจียงถิงกำลังพาเจียงซือเดินลงบันไดหิน เจียงชานเห็นแบบนั้นก็ตะโกนเรียกเขา “ป่าป๊าเอาใบตองมากมายขนาดนี้มาทำอะไรเหรอคะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “พ่อจะเอามาห่ออาหารอร่อยให้หนูทาน อย่าให้สุนัขเหยียบนะ”
“มันชื่อเจียงซือ ! ” เจียงชานแก้ไขคำพูดของผู้เป็นพ่ออย่างไม่พอใจ จากนั้นก็ลูบหัวสุนัขแล้วพูดว่า “เจียงซือเชื่อฟังมาก ถ้าหนูบอกมันไม่ให้เหยียบ มันก็จะไม่เหยียบค่ะ”
“โฮ่ง ! ”
เจียงซือเงยหน้าขึ้นและเห่าออกมาราวกับเป็นการตอบรับ
เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งเดือน ลูกสุนัขได้เติบโตขึ้นจนมีความยาวมากกว่าหนึ่งฟุต ซึ่งค่อนข้างสง่างามพอ ๆ กับสุนัขพันธุ์ทิเบตันมาสทิฟที่โตเต็มไว
“เอาล่ะ โอเค เจียงซือ เจียงซือ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างช่วยไม่ได้ว่าลูกสาวของเขาเริ่มจริงจังมากขึ้นเรื่อย ๆ หากเขายังคงเรียกมันว่าลูกสุนัขต่อไป เจ้าตัวน้อยคงจะไม่มีวันปล่อยเขาไป และจะต้องบังคับให้เขาเรียกชื่อมัน
“คอยดูให้ดีล่ะ พ่อจะไปเอาของก่อน อีกสักพักจะกลับมา”
เจียงเสี่ยวไป๋ย้ำอีกครั้ง ก่อนที่จะขึ้นรถและขับออกไป
เขาจอดรถในโรงรถใต้ดินแล้ว หลังจากปิดท้ายรถจี๊ป เจียงเสี่ยวไป๋ก็กลับไปที่บ้านแล้วเอาไก่หมักทั้งหมดใส่ลงในถังใบใหญ่ จากนั้นเขาก็ไปหยิบฟืนและถังน้ำมาใส่ไว้ในรถ
เมื่อกลับมาถึงด้านล่าง ก็เห็นเจียงซือกำลังดมกลิ่นใบตอง แต่สุดท้ายก็ไม่เหยียบใบตองเลย เขาจึงโล่งใจ
เมื่อเขาหยิบถังออกจากรถ จมูกของเจียงซือก็ขยับ มันหันกลับมาทันที กระโดดไปอยู่หน้าถังหลายครั้งแล้วเห่า “โฮ่ง ! ”
“จมูกสุนัขดีจริง ๆ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตบหัวของมันแล้วพูดว่า “นี่ไม่ใช่ของแก ออกไปอยู่ตรงนั้นได้แล้ว”
“โฮ่ง ๆ ๆ ๆ ! ”
เจียงซือเห่าใส่เจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความไม่พอใจ