ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 465 : เข้าใจผิด
ตอนที่ 465 : เข้าใจผิด
เจียงเสี่ยวไป๋ขุดหลุมขนาดใหญ่ในทุ่งนาข้างถนนด้วยจอบ จากนั้นก็ดันดินเนื้อดีลงกลับไปในหลุม เทน้ำครึ่งถังลงไป เอื้อมมือลงไปคนอย่างแรง จนในไม่ช้าก็ได้ดินโคลนที่ไม่แฉะเกินไป
เมื่อเหลือน้ำครึ่งถัง เจียงเสี่ยวไป๋ก็วางถังน้ำไว้ข้างหลุม หลังจากล้างมือเสร็จ เขาก็ฉีกใบตองใบใหญ่ออกแล้วนำมาห่อไก่ไว้
เดิมทีการทำไก่ขอทานควรห่อด้วยใบบัว
แต่ในเจียงวานไม่มีใบบัว ดังนั้นเจียงเสี่ยวไป๋จึงต้องใช้ใบตองแทน
หลังจากห่อไก่เสร็จแล้ว เขาก็เอาโคลนกำมือใหญ่ออกมาจากหลุมแล้วทาลงไปบนใบตองให้หนาจนไม่เห็นสีเขียว ใบตองทั้งหมดถูกคลุมด้วยโคลนหนาอีกชั้น จากนั้น เขาก็ล้างมือแล้วทำซ้ำกับไก่ตัวที่สองต่อไปในลักษณะเดียวกัน
“ป่าป๊ากำลังทำอะไรอยู่เหรอคะ ? ”
เจียงชานเห็นเขาทำเช่นนี้จึงถามด้วยความประหลาดใจ
“พ่อจะทำไก่ขอทาน ! ” เจียงเสี่ยวไป๋พูดขณะทำไปด้วย
“ไก่ขอทานคืออะไรเหรอคะ ? ” เจียงชานถามด้วยความสงสัยเพราะไม่เคยได้ยินมาก่อน
เจียงเสี่ยวไป๋เล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับที่มาของไก่ขอทาน และเจียงถิงก็ฟังด้วยความสนใจเช่นกัน
หลังจากที่ห่อไก่ทั้งสิบตัวเสร็จแล้ว ใบตองก็เหลือครึ่งแผ่น แต่โคลนในหลุมหมดไปแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋จึงขุดซ้ำอีกครั้งแล้วใส่ไก่ทั้งหมดที่ห่อด้วยโคลนลงในหลุม จัดเรียงให้ชิดกันแล้วขุดดินด้านข้างมากลบหลุม
“คุณลุงฝังไก่ทั้งหมดแล้ว ! ” เจียงถิงพูดขึ้นมา
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “ฝังมันไว้ใต้ดิน เราจะจุดไฟข้างบนนี้ เมื่อโคลนร้อน ไก่ที่ฝังอยู่ข้างใต้ก็จะสุก”
ได้ยินแบบนั้น เจียงชานก็พูดด้วยความตื่นเต้น “ป่าป๊า เรามาจุดไฟกันเถอะค่ะ ! ”
“เอาล่ะ สองคนช่วยไปเอาฟืนมาให้หน่อย”
เจียงชานและเจียงถิงรีบวิ่งไปที่ถนนทันที จากนั้นทั้งสองก็นำฟืนมา
เมื่อเจียงซือเห็นก็วิ่งไปคาบฟืนไว้ในปากและเอามาวางไว้ที่เท้าของเจียงเสี่ยวไป๋
“เจียงซือ แกเก่งมาก ! ”
เมื่อเจียงชานเห็น เธอก็ชื่นชมเจียงซือและวิ่งไปเอาฟืนมาต่อ
เจียงเสี่ยวไป๋วางฟืนบนขาตั้งและใช้เคียวตัดฟางในนาเพื่อเอามาจุดไฟ ไม่นานไฟก็เริ่มลุก และควันดำที่เป็นคลื่น ๆ ก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
เจียงไห่หยางไปเรียนรู้วิธีสร้างโรงเรือน หวังซิ่วจวี๋จึงอยู่บ้านคนเดียว เมื่อจู่ ๆ เธอก็เห็นควันสีดำลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้าน เธอจึงรีบวิ่งออกมาดู
แต่เมื่อเธอเห็นเจียงเสี่ยวไป๋จุดไฟในทุ่ง เธอก็รู้สึกโล่งใจและเดินกลับเข้าไปในบ้าน
หลายคนบนที่อยู่ในทุ่งนาตรงนั้นก็เห็นควันดำลอยขึ้นมาเช่นกัน
“ทำไมที่นั่นถึงมีควันล่ะ”
“มันมาจากทางบ้านของเจียงเสี่ยวไป๋”
“คงไม่ได้เกิดอะไรขึ้นใช่ไหม ! ”
“คงไม่หรอก เจียงเสี่ยวไป๋อยู่ที่บ้าน”
“ไม่อย่างนั้นเรา……ไปดูกันเถอะ!”
“ไปดูก็ดี จะได้ไม่ต้องกังวล”
“……”
เจียงไห่ซานและหยางซื่อหยุนรีบวิ่งลงจากเนินเขาไปที่ถนนสายหลักอย่างรวดเร็ว
“นี่……”
เจียงไห่ซานและหยางซื่อหยุนมองหน้ากัน
“เสี่ยวไป๋ จุดไฟทำอะไรที่นี่ ? ” เจียงไห่ซานถามด้วยความไม่พอใจ
หยางซื่อหยุนอ้าปากค้าง “เราคิดว่ามีไฟไหม้ในบ้านของนายซะแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋ทั้งขบขันและรู้สึกผิด เขารีบเดินออกจากทุ่งและยื่นบุหรี่ให้ทั้งสองคน
“ลุงไห่ซาน ผมขอโทษ ผมกำลังทำอาหารอยู่ แต่ไม่คิดว่ามันจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดขนาดนี้”
“ทำอาหาร ? ”
เจียงไห่ซานและหยางซื่อหยุนต่างก็ตกตะลึง หยางซื่อหยุนจึงถามว่า “ทำไมถึงมาทำที่ทุ่งนาล่ะ?”
ก่อนที่เจียงเสี่ยวไป๋จะได้ตอบ เจียงชานก็พูดเสียงดังออกมาว่า “ปู่ห้า ลุงหยุน พ่อของหนูกำลังทำไก่ขอทานอยู่ค่ะ ! ”
เจียงไห่ซานและหยางซื่อหยุนไม่รู้ว่าไก่ขอทานคืออะไร แต่คิดว่าเขาคงทำอาหารให้ผู้นำของเมืองทาน เจียงไห่ซานจึงโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร งั้นทำอาหารไปเถอะ เป็นแบบนี้ก็โล่งใจ เราจะกลับกันก่อนนะ”
หลังจากเข้าใจผิด ทั้งสองก็กลับไปด้วยความเก้อเขิน
เดินได้ไม่นานก็เห็นหลายคนวิ่งเข้ามาถามว่าควันที่เกิดขึ้นเป็นเพราะอะไร
หยางซื่อหยุนจึงอธิบายออกมาสองสามคำและบอกให้ทุกคนกลับไป
เมื่อทุกคนกลับมาที่สันเขา ก็มีข่าวแพร่สะพัดว่าเจียงเสี่ยวไป๋กำลังทำเมนูที่ชื่อว่า ‘ไก่ขอทาน’
ในเวลานี้ นายกเทศมนตรีจาง รองนายกเทศมนตรีถัง และคนอื่นก็มาที่สันเขาด้วย พวกเขาอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเมื่อได้ยินว่าเจียงเสี่ยวไป๋กำลังทำไก่ขอทาน และทำโดยการจุดไฟในทุ่งนา
“นายกเทศมนตรีจาง เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า? เราไปดูสิ่งที่เจียงเสี่ยวไป๋ทำกันดีไหม?” รองนายกเทศมนตรีถังกล่าว
นายกเทศมนตรีจางยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา ตอนนี้ยังไม่บ่ายสามโมง เขาจึงพูดว่า “ยังเร็วไปที่จะเลิกงาน อย่าเพิ่งออกไปเลย”
นายกเทศมนตรีจางไม่คิดที่จะไป ดังนั้นรองนายกเทศมนตรีถังและคนอื่นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอยู่ที่นี่ต่อไป
สภาพอากาศในฤดูใบไม้ร่วงทำให้กลางวันสั้น กลางคืนยาวนาน เมื่อเวลาประมาณห้าโมงเย็น ท้องฟ้าก็ค่อย ๆ มืดลง หลังจากสร้างเรือนกระจกสุดท้ายของวันเสร็จ ก็ถึงเวลาเลิกงาน
หลิวเฟิ่นโต้วตะโกนบอกชาวบ้าน ‘พอแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้เราค่อยมาทำกันต่อ แต่นับจากนี้ไป พวกคุณจะต้องทำเองแล้วนะ”
เจียงเสี่ยวหลี่และคนอื่นกล่าวว่า “ขอบคุณท่านผู้นำ ที่ยอมทำงานหนักเพื่อพวกเขา เราเรียนรู้วิธีการสร้างโรงเรือนจนเข้าใจหมดแล้ว พรุ่งนี้พวกคุณก็ไม่ต้องทำก็ได้ คอยดูพวกเราทำก็พอ”
หลิวเฟิ่นโต้วโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ช่วยกันทำจะได้คึกคัก”
เขาเพียงถ่อมตัวเท่านั้น แต่ที่จริงแล้วเขามีความสุข เมื่อวานนี้เขานำคนจากสำนักงานการเกษตรมาสร้างโรงเรือน พอตกกลางคืนข่าวของสถานีโทรทัศน์ก็ได้รายงานเรื่องนี้ออกมา
วันนี้นายกเทศมนตรีจางและรองนายกเทศมนตรีถังไม่ได้ลงมือ จึงเชื่อว่าในข่าวภาคค่ำคืนนี้ จะต้องมีภาพของเขาปรากฏอยู่บนจอบ้าง
วันนี้เจิ้งเจียฮุ่ยไม่ได้มาที่ทุ่ง เธอได้แต่เดินตามอยู่ข้าง ๆ นายกเทศมนตรีจาง จึงไม่มีโอกาสได้แสดงตัวตน เธอจึงใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้พูดว่า “ทุกคน คืนนี้อย่าลืมกลับไปดูข่าวนะว่าใครได้ออกทีวีบ้าง”
เจียงเสี่ยวหลี่ หยางซื่อหยุน และคนอื่นได้ยินแบบนั้นก็เริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
“เฮ้ เฮ้ ในข่าวเมื่อคืนนี้ ลุงไห่เทียน ลุงไห่โป พี่เสี่ยวจี๋และพี่เสี่ยวโจวได้ออกทีวีด้วย ! ”
“ใช่ ใช่ เหลียงซิ่วหยูก็ออกทีวีด้วย”
“ฉันก็เห็นเฉินหยวนชางด้วย”
“มีคนได้ออกทีวีเยอะมาก”
“คืนนี้ฉันน่าจะได้ออกทีวีแน่นอน เพราะฉันเห็นนักข่าวหันกล้องมาที่ฉันด้วย”
“ฉันเห็นเขาถ่ายรูปหยางซื่อหยุนด้วยนะ”
“มีคนได้ออกทีวีมากมาย แต่น่าเสียดายที่ได้ออกแค่พริบตาเดียว และไม่มีเสียง”
“ฮ่าฮ่า ฉันไม่คิดว่าเราจะได้ออกทีวีด้วย”
“……”
เจิ้งเจียฮุ่ยรู้สึกมีความสุขเมื่อได้ยินการสนทนาของชาวบ้าน
วันนี้มีเพียงมู่เสี่ยวชิงเท่านั้นที่รู้สึกหดหู่
เมื่อวานนี้ ประธานฟู่ยืมกล้องถ่ายรูปของเธอไป เพราะเขาบอกว่าเขามีทักษะการถ่ายภาพที่ดีและเขาจะสอนเธอ
แต่ผลลัพธ์ก็คือ……
พูดแล้วก็อยากร้องไห้
หลังจากที่เลือกดูรูปถ่าย ยกเว้นสองสามรูปแรกที่เธอถ่าย รูปต่อ ๆ ไปมีหลายรูปที่เบลอและใช้งานไม่ได้
เป็นผลให้เธอถูกผู้อำนวยการตำหนิอย่างรุนแรง
ดังนั้น วันนี้เธอจึงเตรียมพร้อมแล้ว ไม่ว่าประธานฟู่จะพูดอะไร เธอก็จะไม่ให้กล้องกับเขาเด็ดขาด แม้ตายก็ยอม
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนประธานฟู่จะไม่มาขอยืมกล้องถ่ายรูปจากเธอแล้วในวันนี้
เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าเมื่อวานนี้ประธานฟู่คิดอะไรของเขาอยู่
มู่เสี่ยวชิงยังคงไม่เข้าใจจนถึงตอนนี้
และก็มีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอหดหู่ใจเช่นกัน
เธอไม่เห็นเย่กวงโต้วไปที่แผนกโฆษณามาหลายวันแล้ว
เมื่อนึกถึงเย่กวงโต้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเขา
“เสี่ยวชิง มัวเหม่ออะไรอยู่ตรงนี้? รีบไปกินข้าวเย็นที่บ้านของเจียงเสี่ยวไป๋เร็วเข้า”
ตอนที่กำลังคิดอะไรอยู่เรื่อยเปื่อย ในตอนนั้นเธอก็ได้ยินเสียงของประธานฟู่
มู่เสี่ยวชิงกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง “โอ้ โอ้ โอ้ ฉันจะไปแล้วค่ะ ! ”
ขณะที่เธอรีบเดินออกมา เธอก็คิดว่าจะหาโอกาสถามเจียงเสี่ยวไป๋ในภายหลังว่าทำไมเย่กวงโต้วถึงไม่ไปทำงาน ?