ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 469 : จะสร้างตลาดถนนคนเดินตอนกลางคืน
- Home
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 469 : จะสร้างตลาดถนนคนเดินตอนกลางคืน
ตอนที่ 469 : จะสร้างตลาดถนนคนเดินตอนกลางคืน
หลังจากออกมาจากเกทส์เฮาส์ชิงเจียงแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็ไปตลาดอาหารสด
สองวันที่ผ่านมา เขาทำหม้อไฟและอาหารเจียงหู วันนี้เขาจึงวางแผนที่จะทำซุปหม่าล่าทัง
ซุปหม่าล่าทังและหม้อไฟอาจมีความคล้ายกัน แต่ที่จริงแล้วแตกต่างกัน
กินหม้อไฟจะกินตอนน้ำซุปเดือด เวลากินต้องกินตอนร้อน ๆ กินน้ำซุปไปพร้อมกับวัตถุดิบ รสชาติมีครบรส ทั้งหอมเครื่องเทศ เผ็ด เค็ม ฉ่ำ แต่ไม่เลี่ยน หม่าล่าทังจะรับประทานหลังปรุงสุก ซึ่งง่ายกว่าและสะดวกกว่าและรสชาติจะแตกต่างออกไป
ในไม่ช้า เจียงเสี่ยวไป๋ก็ซื้อวัตถุดิบเสร็จและกลับบ้าน
ยังไม่ถึงตอนเที่ยง นายกเทศมนตรีจางและคนอื่น ๆ จึงทำงานและยังไม่ถึงเวลาทานอาหาร พวกเขามักจะกินข้าวเที่ยงกันที่บ้านของเจียงไห่หยางเสมอ เช่น ก๋วยเตี๋ยว เต้าหู้แผ่น ซึ่งก็เป็นเมนูง่าย ๆ ขอแค่ให้อิ่มท้อง ซึ่งทุกคนรอกินอาหารมื้อใหญ่ในตอนเย็น
เจียงเสี่ยวไป๋อยู่ในห้องอ่านหนังสือโดยดูแปลนภาพของโรงเรียนประถมศึกษาฉิวซู่อย่างละเอียด จนกระทั่งประมาณบ่ายสามโมง เขาก็ได้ออกไปเตรียมอาหาร
หลังจากที่ทุกคนกินหม่าล่าทังแล้ว เขาก็ได้รับคำชมจากเหล่าผู้นำ
นายกเทศมนตรีจางกล่าวว่า “เจียงเสี่ยวไป๋ หม่าล่าทังที่คุณทำคล้ายกับซุปหม้อไฟ คุณคิดที่จะเปิดร้านแฟรนไชส์ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “หม่าล่าทังเหมาะกับตลาดกลางคืนมากกว่าครับ อย่างทำเป็นร้านแผงลอยข้างทาง ผมยังไม่คิดที่จะเปิดร้านสาขาในตอนนี้”
ซ่งเจี้ยนจวินและคนอื่นต่างก็รู้สึกผิดหวังเมื่อได้ยินเรื่องนี้ พวกเขายังคิดว่าถ้าซุปหม่าล่าทังเปิดร้านสาขาด้วย พวกเขาจะขอให้ญาติร่วมธุรกิจด้วย
ใครบ้างที่ไม่มีญาติ ?
ตราบใดที่โครงการดีพอ ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีใครทำ
อย่างไรก็ตาม เจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้เปลี่ยนน้ำเสียงและพูดว่า “นายกเทศมนตรีจาง ถ้าคุณเห็นด้วย ผมต้องการสร้างตลาดถนนคนเดินในตอนกลางคืนตรงถนนใต้ภูเขาฉีเฟิง โดยตลาดจะเริ่มเปิดตั้งแต่ประมาณหกโมงเย็นเป็นต้นไปจนถึงดึก เพื่อไม่ให้กระทบต่อการจราจรระหว่างวัน”
จู่ ๆ นายกเทศมนตรีจางก็เริ่มสนใจและพูดว่า “ก่อนหน้านี้คุณเคยบอกว่าอยากจะพัฒนาถนนอาหารไม่ใช่เหรอ ? ได้วางแผนไว้ล่วงหน้าหรือยัง ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือ “ถนนอาหารเป็นแบบร้านค้า แต่ถนนคนเดินกลางคืนเป็นแผงขายของริมถนนทั้งหมด แต่ละร้านมีขนาดเล็กและมีอาหารหลากหลายให้เลือกทาน ส่วนใหญ่เป็นอาหารทานเล่น”
หลังจากหยุดพูดชั่วคราวเขาก็กล่าวว่า “ถนนคนเดินถือได้ว่าเป็นเป็นจุดเริ่มต้นของถนนอาหาร หลังจากที่เจ้าของร้านแผงลอยริมถนนเหล่านี้เริ่มมีลูกค้ามากขึ้น ถนนอาหารของผมก็จะค่อย ๆ เป็นรูปเป็นร่าง ในเวลานั้น พวกเขาจะมีเงินไปเปิดร้านได้ และไม่ต้องคอยมาตั้งแผงขายของทุกวัน”
นายกเทศมนตรีจางยิ้ม ผู้ชายคนนี้หัวการค้าที่สุด
ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไร และถามออกมาว่า ‘นายบอกว่ามาตราส่วนค่อนข้างใหญ่ ใหญ่แค่ไหน ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋คิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “ก็เพราะถนนคนเดินนี้จะต้องมีร้านมากกว่าร้อยร้าน ! เพื่อสร้างบรรยากาศ”
นายกเทศมนตรีจาง รองนายกเทศมนตรีถัง และคนอื่นที่ได้ยินเรื่องนี้ต่างก็ตกตะลึง
รองนายกเทศมนตรีถังกล่าวว่า “แค่เปิดร้านหม่าล่าทังก็พอแล้ว เพราะต่อให้คุณเปิดร้านอาหารมากกว่าร้อยร้าน ก็คงไม่มีคนมากินมากมายขนาดนั้นหรอก ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ถนนคนเดินต้องมีร้านค้าที่หลากหลาย ไม่เพียงแค่มีหม่าล่าทังเท่านั้น เราต้องมีของทานเล่นอย่างน้อยห้าสิบหรือหกสิบอย่าง ! ”
รองนายกเทศมนตรีถังได้ยินแบบนั้นยิ่งรู้สึกประหลาดใจและโพล่งออกมาว่า “แล้วเราจะไปหาร้านค้ามากมายพวกนี้มาจากไหน ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดกับซ่งเจี้ยนจวินและคนอื่นว่า “ผู้อำนวยการซ่ง ผู้อำนวยการเฟ่ย ผู้อำนวยการหลิว ผู้อำนวยการหม่า หากคุณมีญาติคนไหนที่ยินดีจะเปิดร้านแผงลอยริมถนน ช่วยแนะนำให้ผมหน่อย ผมจะไม่พูดมาก แต่ผมรับปากว่าจะให้พวกเขามีรายได้หนึ่งหมื่นหยวนต่อปี ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร”
ทันทีที่เขาพูดจบ ซ่งเจี้ยนจวินและคนอื่นก็เริ่มตื่นเต้น
“เถ้าแก่เจียง คุณพูดจริงเหรอ ? ”
“เถ้าแก่เจียง สุภาพบุรุษต้องพูดคำไหนคำนั้นนะ ! ”
“เถ้าแก่เจียง ในเมื่อคุณพูดมันออกมาแล้ว ฉันก็จะถือว่ามันคือเรื่องจริง ! ”
“เถ้าแก่เจียงจะเริ่มเมื่อไร ? ฉันจะให้พี่เขย ลุง และลูกพี่ลูกน้องของฉันมาหาคุณพรุ่งนี้”
“เถ้าแก่เจียงไม่ต้องพูดถึงแค่สองสามคน หากคุณสามารถการันตีว่าจะทำให้พวกเขามีรายได้หนึ่งหมื่นหยวนต่อปี ฉันจะแนะนำให้คุณรู้จักสักสิบคนไปเลย”
“เถ้าแก่เจียง…”
“……”
เจียงเสี่ยวไป๋ยกมือขึ้นเพื่อหยุดพวกเขาแล้วพูดว่า “ขอบคุณผู้นำทุกท่านที่สนใจนะครับ เพียงแต่ว่านายกเทศมนตรีจางยังไม่ตกลงให้ผมสร้างถนนคนเดินในตอนกลางคืนเลย”
นายกเทศมนตรีจางเหลือบมองเจียงเสี่ยวไป๋แล้วพูดด้วยความโกรธ “”มีคนมากมายตอบรับเรื่องนี้ในเชิงบวก คุณคิดว่าฉันจะกล้าปฏิเสธไหม”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเสียงดัง “นายกเทศมนตรีจาง ผมล้อเล่นนะ ผมรู้ว่าคุณสนับสนุนทุกสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของเมืองชิงโจวอยู่แล้ว”
นายกเทศมนตรีจางพูดออกมาว่า “หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว คุณพอจะบอกฉันได้ไหมว่าร้านค้าที่คุณต้องการให้มาขายมีอะไรบ้าง ? ”
เมื่อได้ยินคำถาม เจียงเสี่ยวไป๋ก็เริ่มพูดไม่หยุด
เขาวางแผนที่จะเน้นให้มีร้านหม่าล่าทังและปิ้งย่างหม่าล่าเป็นหลัก นอกจากนี้ยังรวมถึงพวกเมนูเส้น อาหารทอด เบเกอร์รี่ ขนมดั้งเดิมของท้องถิ่น รวมถึงเมนูผัดต่าง ๆ
อย่างเช่น หอยนางรมทอด เคบับ เต้าหู้เหม็น เต้าหู้ขน บาร์บีคิว กุ้งอบ เนื้อตุ๋น บะหมี่แห้ง เกี๊ยว ก๋วยเตี๋ยวหลอด เกี๊ยวน้ำ บะหมี่เย็น บะหมี่ซวนล่าเฝิ่น ก๋วยจั๊บ ข้าวเกรียบ ก๋วยเตี๋ยวหลัวซือเฝิ่น เค้กข้าว เค้กงา แพนเค้ก เสี่ยวหลงเปา เกี๊ยวนึ่ง เกี๊ยวทอด ซุปหม้อดิน ซุปเผ็ด ซุปเครื่องในวัว ซุปคามิเลีย เหวียนเซียว ข้าวเหนียวหมัก หัวกระต่ายปรุงรสผัดหม่าล่า…
เจียงเสี่ยวไป๋พูดออกมาหลายรายการในคราวเดียว
นายกเทศมนตรีจาง รองนายกเทศมนตรีถัง ซ่งเจี้ยนจวิน และคนอื่นต่างก็ตกตะลึง แม้ว่าพวกเขาจะเพิ่งกินข้าวไป แต่ทุกคนก็ยังน้ำลายไหลเมื่อได้ยิน
เนื่องจากมีร้านอาหารอร่อยมากมายมารวมตัวกันบนถนนสายเดียว ที่นี่จึงเหมือนกับเป็นสวรรค์สำหรับนักชิมไปเลย
โลกนี้มีใครกินไม่เก่งบ้าง ?
ในจินตนาการของพวกเขาตอนนี้ ที่ถนนตีนเขาฉีเฟิงกำลังเรียงรายไปด้วยแผงร้านอาหารข้างทางต่าง ๆ ควันจากการย่างบาร์บีคิวลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ไอน้ำจากหม้อกำลังเดือด ผู้คนนับไม่ถ้วนกำลังเดินเลือกซื้อของกินเต็มท้องถนน ถือไม้เสียบและชามแบบใช้แล้วทิ้งไว้ในมือ มีขนมต่าง ๆ อยู่ในชามและกำลังมองหาของกินอื่น ๆ ไว้กินะหว่างทางต่อ
“เถ้าแก่เจียง คุณจะทำอาหารมากมายขนาดนี้ได้เหรอ”
รองนายกเทศมนตรีถังกลับมามีสติอีกครั้ง และถามด้วยความเหลือเชื่อ
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับการทำอาหาร ผมสามารถทำได้หลายอย่าง เพียงแต่ไม่สามารถพูดได้ว่ามีความเชี่ยวชาญในเมนูนั้น ๆ ”
รองนายกเทศมนตรีถังรู้สึกผิดหวังขึ้นมาทันทีและพูดว่า “คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องทำอย่างไร นั่นไม่เท่ากับที่คุณพูดมาทั้งหมดจะไร้ประโยชน์เหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “แต่ถึงผมจะทำไม่ได้ ก็ต้องมีคนที่ทำได้บ้างแหละ ! ”
รองนายกเทศมนตรีถังตกตะลึงและโพล่งออกมา “ใครจะเก่งซะจนสามารถทำเป็นทุกเมนูขนาดนั้น ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ไม่มีใครสามารถทำอาหารเป็นร้อยเมนูออกมาได้ แต่ผมสามารถหาคนหนึ่งร้อยคนที่เชี่ยวชาญการทำแต่ละเมนูมาได้ และพวกเขาก็ทำได้ดีมากด้วย”
ฮะ ?
นายกเทศมนตรีจาง รองนายกเทศมนตรีถัง ซ่งเจี้ยนจวินและคนอื่น ๆ ต่างมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความเหลือเชื่อ และสงสัยว่าเขาจะไปหาคนเหล่านี้มาจากที่ไหน
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “อาหารและขนมที่ผมพูดถึงนี้ต่างก็มีขายอยู่ทุกที่ในประเทศ บางอย่างก็เป็นขนมในท้องถิ่น ซึ่งบริษัทขนส่งของผมส่งของไปทั่วประเทศอยู่แล้ว ตราบใดที่ผมมอบหมายงานให้คนขับรถ ขอให้พวกเขาไปในแต่ละพื้นที่เพื่อค้นหาคนเหล่านี้ที่สามารถทำแต่ละเมนูได้ และจ้างพวกเขามาที่ชิงโจว สนับสนุนพวกเขาในการเริ่มต้นทำธุรกิจของตนเอง หรือจ้างพวกเขาให้มาสอนคนที่สนใจจะทำธุรกิจ ผมว่าคงใช้เวลาไม่นานหรอกจริงไหมครับ ? ”
นายกเทศมนตรีจางและคนอื่น มองหน้ากันด้วยความสับสน ต้องบอกก่อนว่าตามที่เจียงเสี่ยวไป๋บอกมานั้นคือวิธีที่ดีมาก
“เอาล่ะ หากคุณสามารถหาคนที่เชี่ยวชาญแต่ละเมนูได้ ฉันก็เห็นด้วยกับคุณ ที่จะสร้างตลาดถนนคนเดินในตอนกลางคืนที่ตีนเขาฉีเฟิง ฉันจะขอให้สำนักงานความมั่นคงสาธารณะจัดตั้งทีมมาดูแลความเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยที่นั่นตอนกลางคืน” นายกเทศมนตรีจางกล่าว
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าและพูดกับซ่งเจี้ยนจวินและคนอื่นว่า “เอาล่ะ หากพวกคุณมีญาติที่อยากเริ่มต้นธุรกิจในตลาดถนนคนเดินตอนกลางคืน ก็บอกให้พวกเขามาสมัครที่ผมได้เลย”