ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 472 : ไปที่หมู่บ้านเสวี่ยลั่ว
ตอนที่ 472 : ไปที่หมู่บ้านเสวี่ยลั่ว
หลังจากเข้าไปในเมืองแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็ไปรับหยางเจี๋ยก่อน
หยางเจี๋ยเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว หลังจากเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ เธอก็พูดว่า “ฉันรู้ว่านายจะพาชานชานไปด้วย ฉันเลยพาหลี่เจี้ยนและหลี่คังไปด้วย รถของนายสามารถรองรับพวกเขาได้ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “ได้สิ สบายมาก”
การไปถู่เฉิงครั้งนี้ มีครูที่จะไปสอนที่นั่นแปดคน พวกเขาถูกส่งไปยังหมู่บ้านซานฮวาด้วยรถตู้สี่คัน รถมินิแวน 130 สองคันและรถจี๊ปของเขา
รถบรรทุกมินิแวน 130 นั้นใช้ขนหนังสือและสิ่งของอื่น ๆ ที่เขาซื้อ รวมทั้งสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันของครู และอาหารแห้งบางอย่างที่จำเป็น เช่น เบคอน เต้าเจี้ยว ฟองเต้าหู้ ฯลฯ และของขบเคี้ยวอื่น ๆ อีกมากมาย
รถตู้คันหนึ่งบรรทุกครู และอีกคันบรรทุกคนงานหกคนมาด้วย
เนื่องจากครูที่เข้าร่วมในโครงการสอนอาสาสมัครในครั้งนี้เป็นครูที่เกษียณแล้วทั้งหมด จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้พวกเขาขนสิ่งของเหล่านั้นจากหมู่บ้านเสวี่ยลั่วไปยังหมู่บ้านซานฮวาด้วยตนเองได้
ถนนบนภูเขาที่ต้องเดินเท้ายาวหลายสิบลี้ ขอแค่ครูเกษียณอายุเหล่านี้สามารถเดินขึ้นไปได้ด้วยตัวเองก็ถือว่าดีมากแล้ว
ดังนั้นเจียงเสี่ยวไป๋จึงพาคนงานหกคนพร้อมคนขับมาด้วย เพื่อที่จะได้ช่วยกันขนของขึ้นไปที่หมู่บ้านซานฮวา
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋บอกว่าสบายมาก หยางเจี๋ยก็บอกให้หลี่เจี้ยนและหลี่คังขึ้นรถทันที
“น้องชานชาน ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้ง ! ”
เมื่อหลี่เจี้ยนเห็นเจียงชาน เขาก็นั่งข้างเธออย่างมีความสุขและทักทายด้วยรอยยิ้ม
หลี่คังยังตะโกนออกมาว่า “พี่ชานชาน ! ”
เจ้าตัวเล็กเคยเล่นด้วยกันมาครั้งหนึ่งและเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว ทั้งสองจึงทักทายกันทันทีที่พบกัน
เจียงชานพูดว่า “ตอนนี้พวกนายสะสมได้กี่ใบแล้ว ? ”
หลี่เจี้ยนกล่าวว่า “เราได้สะสมนายพลห้าเสือได้สองชุดแล้ว” แต่แล้ว เด็กน้อยก็เขาถอนหายใจและพูดด้วยความหงุดหงิด “น่าเสียดายที่ยังไม่ได้เล่าปี่และจูกัดเหลียง”
เจียงชานยิ้มและพูดว่า “ครั้งที่แล้วนายก็ได้รับรางวัล 50 หยวนไม่ใช่เหรอ ? ซื้อต่อไปสิ”
หลี่เจี้ยนพูดด้วยความโกรธว่า “คุณปู่ยึดเงิน 50 หยวนไปแล้ว ตอนนี้เขาซื้อล่าเถียวให้ฉันและน้องชายเพียงวันละห่อเดียวเท่านั้นแหละ”
ระหว่างทาง เด็กทั้งสามคนคุยกันเรื่องการสะสมการ์ดในล่าเถียว ส่วนเจียงเสี่ยวไป๋ก็ขับรถไปที่โรงงานเครื่องปรุงรส
หวินฮัวเหริน ถานเชียนป๋อ จางเป่าซาน จ้าวจงซิ่น และครูที่เกษียณอายุรวมแปดคน พร้อมด้วยคนขับรถสามคนและคนงานหกคนต่างก็รอเขาอยู่ สิ่งของที่ต้องขนขึ้นยานพาหนะได้ถูกจัดเตรียมไว้แล้ว
เจียงเสี่ยวไป่ทักทายครูชราสักพัก จากนั้นทุกคนก็ขึ้นรถแล้วออกเดินทาง
เพื่อไม่ให้ครูเหล่านี้เมื่อยจากการนั่งรถทางไกล เจียงเสี่ยวไป๋จึงพักรถประมาณ 20 นาทีเกือบทุก ๆ สองชั่วโมง เมื่อพวกเขามาถึงถู่เฉิง พวกเขาก็หาร้านกินข้าวก่อนเดินทางต่อ จนในที่สุด ขบวนรถของพวกเขาก็มาถึงหมู่บ้านเสวี่ยลั่วประมาณบ่ายสามโมง
การมาถึงของรถห้าคันในสถานที่เล็ก ๆ ได้ดึงดูดความสนใจของคนในท้องถิ่นจำนวนมาก
“ทำไมวันนี้รถถึงมาเยอะจัง ? ”
“พวกเขามาทำอะไรที่นี่ ? ”
“ดูแล้วมีคนลงจากรถหลายคนทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก พวกเขามาเยี่ยมญาติหรือเปล่า ? ”
“ดูไม่เหมือนเลย ดูสิ รถบรรทุกสองคันนั้นขนของมาเยอะมาก”
“……”
ในหมู่บ้านนี้มีคนไม่มากนัก ดังนั้นคนที่เห็นขบวนรถที่มาจากต่างถิ่นมากมายขนาดนี้ก็เริ่มพูดคุยและคาดเดากัน
หงข่ายหยู ประธานของสหกรณ์กำลังยืนพิงประตูเพื่อดูความตื่นเต้น เมื่อเขาเห็นร่างที่คุ้นเคยสองร่าง ใบหน้าเหี่ยวย่นของเขาก็ปรากฎรอยยิ้มขึ้นมาทันที และเดินเข้าไปหาคนคุ้นเคยอย่างรวดเร็ว
“เสี่ยวเจียง เสี่ยวหยาง พวกเธอมาทำอะไรหรอ ? ”
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋เห็นหงข่ายหยู เขาก็รีบกล่าวสวัสดี “สวัสดีลุงหง”
หยางเจี๋ยพูดว่า “ลุงหง ไม่เจอกันนาน เรามาครั้งนี้เพราะว่าเสี่ยวไป๋หาครูขึ้นมาสอนที่โรงเรียนซานฮวาได้แล้วค่ะ ! ”
หงข่ายหยูมองไปที่ครูเฒ่าผมหงอก จากนั้นจึงมองไปที่คนขับรถและคนงาน ดวงตาที่ขุ่นมัวของเขาก็ชุ่มชื้นไปด้วยน้ำตาเล็กน้อย เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาว่า “เมื่อไม่นานมานี้ ฉันได้ยินเสี่ยวเกอพูดว่ามีคนงานกลุ่มหนึ่งขึ้นมาหมู่บ้านซานฮวาเพื่อปรับปรุงโรงเรียน วันนี้คุณก็พาคุณครูมาที่นี่อีก โรงเรียนบนภูเขาเริ่มมีความหวังขึ้นมาแล้ว ! ”
“หากคุณครูหลี่รับรู้ เธอต้องมีความสุขมากแน่ ๆ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋และหยางเจี๋ยรู้สึกเศร้าเมื่อได้ยินเขาพูดถึงหลี่ม่านม่าน
เมื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคน หงข่ายหยูก็พูดด้วยท่าทีรู้สึกผิดไปว่า “โอ้ แย่จริง ฉันหยิบเรื่องเศร้าขึ้นมาพูดอีกแล้ว ฉันดีใจที่พวกคุณมาวันนี้ มานี่ มานี่ เข้ามาที่สหกรณ์เพื่อดื่มชาสักแก้วก่อนออกเดินทาง……”
เจียงเสี่ยวไป๋ปฏิเสธและพูดว่า “ลุงหง เราคงไม่มีเวลานั่งพักหรอก เราต้องรีบขนของขึ้นไปก่อน ครั้งต่อไปผมจะหาเวลามาดื่มชากับลุงนะครับ”
หงข่ายหยูกล่าวว่า “เอาล่ะ ไม่เป็นไร ไปขนของลงจากรถบรรทุกก่อนเถอะ”
หลังจากพูดจบ เขาก็หันไปบอกชาวบ้านที่มามุงดูความตื่นเต้นเสียงดัง “”ทุกคน นี่คือเสี่ยวเจียงและเสี่ยวหยาง พวกเขามาจากชิงโจว พวกเขาได้พาคุณครูอาสาสมัครเหล่านี้มาสอนนักเรียนในโรงเรียนซานฮวาของเรา ! ”
คนไม่กี่คนที่เฝ้าดูความตื่นเต้นและคาดเดาอยู่ข้าง ๆ รีบวิ่งเข้ามาทันทีหลังจากได้ยินสิ่งนี้
“ลำบากพวกคุณแล้ว มาพักก่อนเถอะ เดี๋ยวพวกเราช่วยขนของลงจากรถบรรทุกเอง ! ”
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเราเถอะ รับรองว่าไม่มีปัญหาแน่นอน”
“เสี่ยวเจียงใช่ไหม ? เราได้ยินมาว่าคุณสร้างโรงเรียนประถมขึ้นมาใหม่ในหมู่บ้านซานฮวา”
“เสี่ยวเจียง ขอบคุณมากนะ ! ”
“……”
ขณะพูดคุย ชาวบ้านหลายคนก็ปีนขึ้นไปบนรถบรรทุกมินิแวน130 และช่วยคนงานหลายคนขนของลงจากรถ
หงข่ายหยูกลับไปที่สหกรณ์ แล้วหยิบถ้วยชาหลายใบและเดินออกไปพร้อมกับกาน้ำร้อนเพื่อเทให้เหวินฮัวเหรินและคนอื่นดื่ม
“คุณครูครับ คุณแซ่อะไร ? ”
“ฉันชื่อเหวินฮัวเหริน ! ”
“สวัสดีคุณครูเหวิน ห่างจากหมู่บ้านเสวี่ยลั่วออกไปจะเป็นภูเขาสูง ถ้าลงจากรถแล้วก็ควรสวมเสื้อคลุมด้วย” หงข่ายหยูพูดขณะยื่นน้ำให้เหวินฮัวเหริน
“ขอบคุณ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันก็จะต้องออกเดินทางแล้ว เวลาเดินมันอาจจะร้อนด้วย ! ”
เหวินฮัวเหรินถือถ้วยน้ำชาที่มีเพียงน้ำต้มอยู่ในมือ เขารู้สึกอบอุ่นในหัวใจ
เขาเพิ่งจะเหยียบย่ำดินแดนแห่งนี้ แต่ผู้คนที่นี่ก็ทำให้เขารู้สึกได้ถึงความเรียบง่ายและความอบอุ่น
เขายิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าเขาตัดสินใจถูกต้องแล้วที่อาสามาสอนหนังสือที่นี่
ครูชราคนอื่นมองดูอำเภอเล็ก ๆ แห่งนี้ ซึ่งไม่ต่างจากหมู่บ้านหมู่บ้านหนึ่ง ลมเย็นพัดผ่านมา พวกเขาไม่รู้สึกหนาว แต่กลับรู้สึกอบอุ่นหัวใจมากกว่า
เหล่าครูอาสาดื่มน้ำร้อนและพูดคุยกับหงข่ายหยู พวกเขาใช้เวลาไม่นานในการขนของลงจากรถรถบรรทุก
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ลุงหง เราจะไปที่หมู่บ้านซานฮวาต่อ รถคงจะต้องฝากจอดที่หน้าประตูบ้านคุณ”
หงข่ายหยูพูดด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเจียง คุณไปเถอะ ทิ้งรถไว้ที่นี่ได้ตามสบาย ไม่ต้องกังวล ฉันจะดูแลให้เอง”
เจียงเสี่ยวไป๋ขอบคุณเขา และนำกลุ่มคนเดินขึ้นไปที่หมู่บ้านซานฮวา
ระหว่างทางภูเขาที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสีเขียว ตอนนี้ใบไม้ได้กลายเป็นสีแดง เหลืองและเขียว มีบางต้นที่ยังคงสีเขียวขจี แต่ต้นไม้ส่วนใหญ่เปลี่ยนสีไปตามฤดูกาล ลมภูเขาพัดเข้ามา ใบไม้สีเหลืองร่วงหล่นสู่ผืนดินเป็นระยะ
ไม้วอร์มวูดทั้งสองด้านของถนนหินเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเช่นกัน ทำให้การเดินทางขึ้นไปบนนั้นดูรกร้างมากยิ่งขึ้น
ครูชราต่างให้ความสนใจกับทิวทัศน์ข้างทาง พวกเขาชี้ออกไปเป็นครั้งคราวและประหลาดใจกับความงามของธรรมชาติที่นี่
เด็กน้อยสองคนอย่างหลี่เจี้ยนและหลี่คังก็ดูตื่นเต้นมากเช่นกัน
หลี่เจี้ยนกล่าวว่า “น้องชานชาน มาแข่งกันในหมู่พวกเราสามคนว่าใครจะเดินได้เร็วกว่ากัน ! ”
เจียงชานเห็นด้วยอย่างมั่นใจ “ตกลง ! ”
หลี่เจี้ยนกล่าวว่า “ใครก็ตามที่บ่นว่าเหนื่อยก่อนแล้วเดินไม่ไหว จะต้องเสียล่าเถียวไปหนึ่งห่อ”
“ฉันไม่มีปัญหา ! ” เจียงชานมั่นใจ
ในตอนแรก ทั้งหลี่เจี้ยนและหลี่คังเดินเร็วมาก พวกเขากระโดดและวิ่งเป็นครั้งคราว ทว่าเจียงชานไม่รีบร้อนหรือทิ้งระยะห่างจนมากเกินไป
“น้องชานชาน รีบหน่อย ไม่งั้นจะแพ้เอานะ ! ”
เจียงชานยิ้ม “มันยังอีกตั้งไกล จะรีบร้อนไปทำไม ! ” เธอดูเหมือนผู้ใหญ่ที่มีจิตใจสงบมาก