ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 473 ตั้งโรงเรียนในที่ใหม่
ตอนที่ 473 ตั้งโรงเรียนในที่ใหม่
กลุ่มคนเดินขึ้นไปตามถนนนบนภูเขาอย่างช้า ๆ
ครูชราค่อย ๆ หมดความสนใจในทิวทัศน์ระหว่างทาง และหลายคนเริ่มหอบหายใจแรง
หลี่เจี้ยนและหลี่คังเริ่มงอแงด้วยความเหนื่อยล้า
“แม่ครับ อีกไกลแค่ไหน ? ”
“แม่ครับ ผมเดินไม่ไหวแล้ว ! ”
หยางเจี๋ยจ้องมองเด็กทั้งสองด้วยความโมโหและพูดว่า “เราเพิ่งเดินมาได้หนึ่งชั่วโมงเอง พวกลูกก็บ่นว่าเหนื่อยกันแล้ว ดูชานชานสิ เธอเป็นเด็กผู้หญิง แต่กลับไม่ร้องงอแงด้วยซ้ำว่าเธอเหนื่อย ลูกสองคนเป็นเด็กผู้ชาย ไม่อายเธอบ้างเหรอ ? ”
หลี่เจี้ยนและหลี่คังต่างก็หน้าแดงขึ้นมาทันที
หลังจากที่หยางเจี๋ยพูดเช่นนี้ เหวินฮัวเหรินและครูคนอื่นก็สังเกตเห็นว่าเจียงชานเดินได้อย่างสบาย ๆ พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
ถานเชียนป๋อจึงถามไปว่า “ชานชาน หนูไม่เหนื่อยเหรอ ? ”
เจียงชานโบกมือปฏิเสธแล้วพูดว่า “ครั้งนี้ดีกว่าครั้งที่แล้วมากค่ะ ! ”
“ครั้งนี้ ? ” ถานเชียนป๋อรู้สึกประหลาดใจ “หนูเคยไปหมู่บ้านซานฮวามาก่อนแล้วเหรอ”
เจียงชานพยักหน้า “ครั้งที่แล้ว ป่าป๊า ป้าหยาง และหนูมาที่นี่ด้วยกัน ตอนนั้นที่เราเดินขึ้นไปเป็นตอนเที่ยง พระอาทิตย์อยู่กลางหัว พวกเราเหงื่อออกไปทั่ว แต่วันนี้อากาศดีกว่ามาก และไม่ร้อนเลย”
ถานเชียนป๋อและเหวินฮัวเหรินต่างมองหน้ากัน และมองไปที่เจียงชานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ทุกคนเหนื่อยแล้ว งั้นก็พักกันสักหน่อย ยังไงก็ตามเราก็ต้องไปถึงที่นั่นก่อนมืดอยู่แล้ว”
ครั้งนี้ต่างจากคราวที่แล้ว ไม่ใช่มีแค่คนแก่และเด็กเท่านั้น แต่ยังมีคนขับรถและคนงานที่ต้องขนสิ่งของต่าง ๆ ขึ้นไปอีกด้วย การพักผ่อนระหว่างทางจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ทุกคนจึงเดินไปพักผ่อนไปตลอดทาง จนกระทั่งข้ามสะพานโซ่ ซึ่งก็เป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว
เวลานี้เกือบจะฟ้ามืดแล้ว แต่โชคดีที่มีไฟฉายที่เจียงเสี่ยวไป๋เตรียมมา เขาแจกไฟฉายให้คนละกระบอก หลังจากที่ทุกคนได้ไฟฉายไป พวกเขาก็เดินช้า ๆ โดยเปิดไฟฉายในมือของตัวเองส่องทาง
หลี่เจี้ยนทั้งเหนื่อยทั้งกลัว เขาเดินไปก็ร้องไห้ไป
ไม่ต้องพูดถึงหลี่คัง เขาเดินได้ไม่นานก็งอแงให้หยางเจี๋ยอุ้ม และหลับไปบนหลังของเธอ
ในบรรดาเด็กทั้งสามคน มีเพียงเจียงชานเท่านั้นที่ยังคงเดินไปข้างหน้าอย่างสบาย ๆ
หยางเจี๋ยจึงคิดได้อีกครั้งว่าการเลี้ยงลูกแบบเจียงเสี่ยวไป๋ที่ให้ลูกออกมาวิ่งตอนเช้าทุกวันน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด
เมื่อเธอกลับไป เธอจะเอาเรื่องนี้ไปคุยกับหลี่อิงจวิ้น บอกให้เขาพาลูกชายทั้งสองคนไปวิ่งในตอนเช้าด้วยทุกวัน
ซึ่งตอนที่พวกเขามาถึงหมู่บ้านซานฮวา ก็เป็นเวลาเกือบสองทุ่มแล้ว
ผู้คนจำนวนมากต่างฉายไฟฉายจนทำให้สุนัขในหมู่บ้านเห่าหอนอย่างดุเดือด
ชาวบ้านออกมาดูและรู้สึกประหลาดใจที่เห็นผู้คนมากมายในเวลานี้ แต่เมื่อพวกเขาเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ ลุงเกอก็ตะโกนด้วยความดีใจ “เสี่ยวเจียง นั่นคือคุณใช่ไหม ? ทำไมคุณมาถึงดึกขนาดนี้ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “วันนี้มีคนมาเยอะ ครูทุกคนก็แก่แล้ว จึงเดินช้ากว่าเดิมเล็กน้อย”
ลุงเกอเห็นคนแก่จำนวนมากในฝูงชน จึงรีบตะโกนเรียกคนอื่นในหมู่บ้านให้ออกมา “เสี่ยวเจียงพาครูมา พวกเขาขนของมามากมาย ทุกคนออกมาช่วยกันเร็วเข้า ! ”
ป้าเกอ ไหลเม่าจื่อ และคนอื่นต่างพากันสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงนั้น จากนั้นทั้งหมู่บ้านก็เริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นมาระยะหนึ่ง
ลุงเกอและคนอื่นหยิบของขึ้นหลังของตนเดินขึ้นเนินไป ไม่นาน พวกเขาก็มาถึงหน้าอาคารที่สร้างขึ้นใหม่หลายหลัง
“สร้างโรงเรียนที่นี่เหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ถาม เมื่อเขาเห็นว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ตั้งของโรงเรียนเดิม
ลุงเกอพูดว่า “หลังจากที่เสี่ยวหลี่เข้ามา เขาก็ปรึกษาเรื่องนี้กับฉัน เราจึงตัดสินใจสร้างโรงเรียนใหม่ขึ้นที่นี่ และเก็บโรงเรียนเก่าไว้เพราะไม่อยากทุบทิ้ง”
หลังจากอธิบายแล้ว เขาก็ตะโกนเข้าไปในห้องที่มีแสงสว่างจ้า “เสี่ยวหลี่ เสี่ยวหลี่…”
“ลุงเกอ มีอะไรหรือครับ ? ” เสียงของหลี่เฉิงหรูดังมาจากข้างในห้อง ไม่นานหลังจากนั้น ประตูก็เปิดออก และหลี่เฉิงหรูก็เดินออกมา
“เสี่ยวหลี่ พวกเถ้าแก่เจียงมาถึงแล้ว ! ”
เมื่อหลี่เฉิงหรูได้ยินแบบนี้ เขาก็รีบออกมาต้อนรับ เมื่อเขาเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ เขาก็รีบทักทายและพาทุกคนไปที่โรงเรียนใหม่
คนงานคนอื่นก็เปิดประตูและออกมาในเวลานี้ พวกเขาต่างช่วยกันหยิบของคนละไม้คนละมือ
หมู่บ้านซานฮวาไม่มีไฟฟ้าใช้ ดังนั้นพวกเขาจึงถือตะเกียงน้ำมันก๊าดคนละอัน
ภายใต้แสงสลัว ทุกคนต่างยุ่งอยู่กับการขนย้ายสิ่งของที่นำมาเข้าไปเก็บไว้ในอาคาร
“เถ้าแก่เจียง คุณยังไม่กินข้าวมาใช่ไหม ? ” หลี่เฉิงหรูถามขึ้นมาหลังจากเก็บข้าวของแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “ตอนอยู่ที่ถู่เฉิงก็กินไปบ้างแล้ว ครัวของพวกคุณที่นี่พร้อมไหม ? ”
ขณะที่พูด เจียงเสี่ยวไป๋ก็หยิบบุหรี่ออกมาแล้วยื่นให้หนึ่งมวน
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หยิบออกมาหนึ่งซองและมอบที่เหลือให้เขาไป
หลี่เฉิงหรูรับมันอย่างมีความสุขและพูดด้วยรอยยิ้ม “วันนั้นผมลงไปที่หมู่บ้านเสวี่ยหลัวเพื่อซื้อบุหรี่ ก็มีแต่ยี่ห้อต้าเฉียนเหมินเท่านั้น การมาเยี่ยมของเถ้าแก่เจียงช่วยสนองความโลภของผมได้จริง ๆ ”
พูดง่าย ๆ คือเขาแทบจะรอไม่ไหวที่จะสูบบุหรี่จงฮั๋ว เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาแล้วพูดว่า “ห้องครัวพร้อมครับ และต่อจากนี้ไปมันจะเป็นห้องครัวของโรงเรียน เราไปทำอาหารที่นั่นมาสองสามรอบแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “เอาล่ะ ฉันเอาพะโล้มังสวิรัติและเบคอนมาด้วย ฉันจะไปทำอาหารในครัวก่อน พวกครูคงจะหิวแล้ว”
ป้าเกอที่ยืนฟังจากด้านข้างได้ยินแบบนั้นจึงพูดขึ้นว่า “เสี่ยวเจียง คุณเดินทางมาทั้งวันแล้ว จะไปทำอาหารอีกทำไม พักผ่อนเถอะ ฉันกับพี่ไหลจะจัดการเอง”
ป้าไหลยังบอกอีกว่า “ถูกต้อง พักผ่อนเถอะ เราจะทำเอง”
เจียงเสี่ยวไป๋คิดอยู่พักหนึ่ง เขายังต้องคุยกับครูเหล่านี้อีกหลายเรื่อง ดังนั้นเขาจึงไม่ปฏิเสธและพูดว่า “เอาล่ะ งั้นผมจะไม่เกรงใจแล้วนะครับ ช่วยทำอาหารให้พวกเราด้วย เพียงแต่จำนวนคนของเราค่อนข้างเยอะนะครับ”
ป้าไหลยิ้มแล้วพูดว่า “คุณไม่จำเป็นต้องสุภาพกับเราขนาดนี้”
จากนั้น เธอก็หันไปบอกไหลเม่าจื่อ “ตาแก่ คุณไปเด็ดกะหล่ำปลี มะเขือยาว และหัวไชเท้าที่สวนมาให้ที ฉันจะทำอาหารให้เสี่ยวเจียงและคนอื่นทาน”
“ได้ ๆ ! ”
หลังจากที่ลุงไหลวางสิ่งที่เขาถืออยู่ลง เขาก็หันหลังกลับและเดินออกไป
เจียงเสี่ยวไป๋รีบพูดว่า “ลุงไหลครับ เอาไฟฉายนี้ไปด้วย” เขายื่นไฟฉายในมือให้
ลุงไหลรับมันไป แล้วส่ายไปมา “สิ่งนี้มันดีจริง ๆ สว่างมาก ! ”
ขณะที่เขาพูด เขาก็เดินไปที่สวนผักพร้อมไฟฉายในมือ
เจียงเสี่ยวไป๋หยิบไฟฉายอีกอันขึ้นมาแล้วค้นดูพะโล้มังสวิรัติ เบคอน ฟองเต้าหู้และวัตถุดิบอื่น ๆ ออกมาจากกองสิ่งของ จากนั้นหลี่เฉิงหรูก็เรียกคนงานสองคนให้ย้ายของเหล่านี้ไปที่ห้องครัว
“ครูเหวิน เรานั่งพักกันสักครู่ แล้วผมจะพาไปดูบ้านพักครูที่เตรียมไว้ให้”
หลังจากเก็บสิ่งของทุกอย่างแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็พูดกับเหวินฮัวเหริน
เหวินฮัวเหรินกล่าวว่า “คุณไปทำธุระของคุณเถอะ พวกเราแก่แล้ว ขอนั่งพักยาว ๆ ยังไงเราก็อยู่ที่นี่ ค่อยไปดูพรุ่งนี้ก็ได้”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า และเดินไปดูโรงเรียนที่สร้างขึ้นใหม่กับหลี่เฉิงหรู
โรงเรียนที่สร้างขึ้นใหม่แบ่งเป็น 3 ส่วน ด้านหน้าเป็นสนามเด็กเล่น สนามเด็กเล่นมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก พอกันกับสนามบาสเก็ตบอล 3 สนามรวมกัน
สุดสนามเด็กเล่นเป็นอาคาร 2 ชั้น มีทางเดินตรงกลางและมีห้องเรียนอยู่ด้านละ 2 ห้อง ทั้งสองด้าน รวมทั้งหมดก็มี 8 ห้องเรียน แม้ว่าจะมีชั้นอนุบาลถึงชั้น ป.6 อย่างละ 1 ห้อง แต่อีกอาคารก็มีห้องเรียนพิเศษและห้องทำงานของครู ซึ่งถือได้ว่าเป็นอาคารสำนักงานที่ครบวงจรเลยที่เดียว
ส่วนอาคารชั้นเดียวทางด้านซ้ายของสนามเด็กเล่น ซึ่งแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งคือห้องครัวและอีกส่วนหนึ่งคือโรงอาหาร
นอกจากนี้ ยังมีบ้านเป็นแถวทางด้านขวาของสนามเด็กเล่น รวมทั้งหมด 8 หลัง รวมทั้งห้องสมุดด้วย และยังมีห้องน้ำสาธารณะตรงหัวมุมอีกที่หนึ่ง
ที่ที่หลี่เฉิงหรูและคนอื่นอยู่ตอนนี้เป็นด้านหลังของโรงอาหาร มันเป็นห้องแถวสามแถว แต่ละแถวมีห้องทั้งหมด 6 ห้อง เตรียมไว้สำหรับเป็นหอพักให้ครู
ทั้งสองมองไปรอบ ๆ พร้อมไฟฉาย จากนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ก็กล่าวว่า “การมาทำงานที่นี่ยากลำบากมาก ขอบคุณพวกคุณที่ยอมทำงานหนักเพื่อพวกเขา ! ”
หลี่เฉิงหรูโบกมือแล้วพูดว่า “ชาวบ้านที่นี่ใจดีมาก ตอนเรามาที่นี่ครั้งแรก เราอาศัยทานอาหารของชาวบ้านหลายคน โดยปกติแล้วชาวบ้านจะมาช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พวกเขาพอทำได้โดยที่ไม่คิดเงิน”
ในตอนที่ทั้งสองคุยกัน ก็เห็นอีกคนถือไฟฉายเดินเข้ามา