ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 476 : ลาภลอย
ชายวัยกลางคนไม่ได้บอกโดยตรง แต่กลับถามว่า “แล้วคุณชื่ออะไร ? ”
“เจียงเสี่ยวไป๋ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋บอกชื่อของเขาออกมา
ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะเขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน จึงพูดว่า “ฉันนี่แหละหลัวฉางเซิง”
“สวัสดีครับนายอำเภอหลัว ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ดีใจมาก แต่เขาไม่คาดคิดว่าจะถามทางถูกคน
หลัวฉางเซิงกล่าวว่า “ดูเหมือนเราจะไม่รู้จักกัน คุณอยากเจอฉัน เพราะมีธุระอะไรหรือเปล่า ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “นายอำเภอหลัว ผมมาจากชิงโจว และได้รับความไว้วางใจจากพ่อตาของผม หลินต้าเหว่ย เขาฝากให้ผมมาเยี่ยมคุณ”
“นายอำเภอหลิน ! ” ดวงตาของหลัวฉางเซิงเป็นประกาย เขามองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความประหลาดใจ “คุณเป็นลูกเขยของนายอำเภอหลิน ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า จากนั้นก็ชี้ไปที่เจียงชานแล้วพูดว่า “นี่คือลูกสาวของผม เธอชื่อเจียงชาน”
“สวัสดีค่ะลุงหลัว ! ”
เจียงชานกล่าวสวัสดีอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
“อืม สวัสดีจ้ะ ! ” หลัวฉางเซิงยิ้มอย่างมีความสุข เขากล่าวว่า “ฉันไม่คาดคิดว่าเพื่อนเก่าจะส่งลูกเขยของเขามาหาฉันกะทันหันแบบนี้ ไปนั่งในออฟฟิศกันเถอะ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “นายอำเภอหลัว ดูเหมือนว่าคุณกำลังจะออกไปข้างนอกพอดี ผมมาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่า มันจะไม่ส่งผลกระทบต่องานของคุณใช่ไหม ? ”
หลัวฉางเซิงยิ้มพลางโบกมือปัด “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ถู่เฉิงเป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ ไม่มีเรื่องกระทบอะไรมากนัก เดิมทีฉันอยากไปเยี่ยมชมสำนักงานเหมืองถ่านหิน แต่ตอนนี้ฉันไม่รีบร้อน”
ขณะที่เขาพูด ดูเหมือนเขาจะคิดอะไรบางอย่างได้ จึงพูดว่า “ว่าแต่คุณกับลูกกินข้าวหรือยัง ? ”
“ลุงหลัวคะ เรากินข้าวก่อนมาที่นี่แล้วค่ะ”
หลัวฉางเซิงกล่าวว่า “เอาล่ะ ในเมื่อกินอะไรกันมาแล้ว งั้นก็มานั่งพักที่ออฟฟิศของฉันสักครู่ แล้วค่อยกลับไปที่บ้านของฉันในช่วงบ่าย”
“ถ้าอย่างนั้นผมต้องขอรบกวนด้วยนะครับ ! ” เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างสุภาพ
ห้องทำงานของหลัวฉางเซิงอยู่ท้ายของอาคารแถวเหล่านี้ เป็นห้องเดี่ยวเล็ก ๆ นอกจากโต๊ะและตู้เก็บเอกสารแล้ว ก็มีเตาถ่านทรงสี่เหลี่ยมพร้อมปล่องไฟอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีกาต้มน้ำอยู่ด้านบนเตา
“ถู่เฉิงไม่ได้ดีไปกว่าชิงโจว ในเดือนพฤศจิกายนอากาศหนาวทั้งเช้าและกลางคืน”
หลัวฉางเซิงพูด ก่อนจะเชิญเจียงเสี่ยวไป๋และเจียงชานให้นั่งลงข้างเตาถ่านหิน
หลังจากนั่งลงแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็มองไปที่เตาถ่านหินเปลือย และทันใดนั้นขาก็มีความคิดบางอย่างในใจ
บางทีสิ่งนี้อาจจะทำให้เขาตั้งหลักในถู่เฉิงได้
หลัวฉางเซิงหยิบกาน้ำชาเครื่องเคลือบสองใบขึ้นมา เทน้ำร้อนให้เจียงเสี่ยวไป๋และเจียงชาน แล้วถามเจียงชานว่า “ชานชาน หนูอยากกินมันเทศเผาไหม ? พอดีฉันมีมันเทศ แค่วางไว้ข้างเตาสักพักมันก็สุกแล้ว”
“ขอบคุณค่ะ หนูขออันหนึ่งนะคะ ! ” เจียงชานกล่าว
“เอาล่ะ ลุงจะเผาให้หนูก็แล้วกัน ! ” หลัวฉางเซิงพูดแล้วเดินไปที่ตะกร้าหลังโต๊ะ หยิบมันเทศสีแดงออกมาสองหัวแล้ววางไว้ข้างเตาถ่านหิน
เจียงเสี่ยวไป๋มองดูฉากนี้และหัวเราะในใจ
สถานที่แห่งนี้ดูไม่เหมือนสำนักงานนายอำเภอแม้แต่น้อย แต่เหมือนบ้านในชนบทมากกว่า
ฉากนี้ทำให้เห็นว่าตอนนี้ถู่เฉิงยากจนมาก
หลัวฉางเซิงวางมันเทศลง ตบฝุ่นบนมือของเขาแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตาถ่าน จากนั้นจึงหยิบบุหรี่ที่เสียบข้างหูออกมา
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋เห็นอย่างนั้น เขาก็หยิบไม้ขีดออกมาและจุดบุหรี่ให้หลัวฉางเซิง
แล้วถึงจุดให้ตัวเอง
หลัวฉางเซิงพ่นควันบุหรี่ออกมา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเพลิดเพลิน จากนั้นเขาก็พูดว่า “เสี่ยวเจียง ทำไมคุณถึงมาที่ถู่เฉิงล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมมีเพื่อนร่วมชั้นเคยเป็นครูสอนที่โรงเรียนประถมซานฮวา……”
แล้วเขาก็เริ่มเล่าที่มาที่ไปสั้น ๆ ว่าทำไมเขาถึงไปที่หมู่บ้านซานฮวา
รวมถึงการบริจาคงบช่วยสร้างโรงเรียนประถมขึ้นมาใหม่ และส่งครูอาสาที่เกษียณอายุแล้วจำนวนแปดคนไปที่นั่นในครั้งนี้ ทุกอย่างได้รับการบอกเล่าตามความเป็นจริง
หลังจากที่หลัวฉางเซิงได้ยินเรื่องนี้ เขาก็มองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความทึ่ง
“เสี่ยวเจียง ฉันไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำถ้าคุณไม่บอกฉัน ! ” เขาพูดด้วยสีหน้าอับอาย “ถู่เฉิงยากจนเกินไป มีประชากรน้อยและการคมนาคมก็ไม่สะดวก อย่าว่าแต่โรงเรียนบนภูเขาที่ไม่มีใครอยากขึ้นไปสอนเลย แม้แต่โรงเรียนในตัวอำเภอก็ทรุดโทรมและมีครูอยู่น้อยมาก”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “นายอำเภอหลัว ผมแนะนำว่าคุณควรใส่ใจเหมืองถ่านหินให้มาก ๆ เพราะในถู่เฉิงมีเหมืองถ่านหินเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติหลัก ในอนาคตหากมีการพัฒนาขึ้นมา เศรษฐกิจและสภาพความเป็นอยู่ของชาวถู่เฉิงจะไม่เลวร้ายแบบนี้”
หลัวฉางเซิงถอนหายใจและกล่าวว่า “มีเหมืองถ่านหินในถู่เฉิงก็จริง และรายได้ส่วนใหญ่ในปัจจุบันก็มาจากการขายถ่านหิน แต่หากมีถ่านหินแล้วไม่สามารถขนส่งออกไปได้ ปีหนึ่งมันก็ขายได้ไม่กี่ตัน”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า การคมนาคมถือเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางการพัฒนาของถู่เฉิง
หลัวฉางเซิงกล่าวว่า “อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย คุณได้ทำสิ่งที่มีประโยชน์ต่อถู่เฉิงของเรา ฉันไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือแล้วพูดอย่างนอบน้อม “ในเมื่อผมพบโอกาส ผมก็ต้องทำในสิ่งที่ผมควรทำ มันไม่ได้มากมายอะไรเลยครับ”
หลัวฉางเซิงเหลือบมองที่เจียงเสี่ยวไป๋ ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น และถามว่า “เสี่ยวเจียง คุณใช้เงินจำนวนมากเพื่อสร้างโรงเรียนประถมที่หมู่บ้านซานฮวาขึ้นมาใหม่ใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และตอบกลับด้วยท่าทางสบาย ๆ “มันไม่มากหรอกครับ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดยังไม่เกินหนึ่งแสนหยวน”
ทุกวันนี้เงินหนึ่งแสนหยวนนั้นถือเป็นเงินจำนวนไม่น้อย
แต่หลัวฉางเซิงกลับเห็นเจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างใจเย็น ราวกับไม่ได้แยแสต่อเงินจำนวนนี้เลยแม้แต่น้อย
เขาถามด้วยความตื่นเต้น “เสี่ยวเจียง ฉันขอถามหน่อยได้ไหม คุณทำอาชีพอะไรในชิงโจว ? อาชีพของคุณต้องทำเงินได้มากมายแน่ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้ปิดบังอะไร และบอกความจริงเกี่ยวกับธุรกิจที่เขาทำในชิงโจว
หลังจากฟังแล้ว หลัวฉางเซิงก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แม้ว่าเขาจะเดามานานแล้วว่าเจียงเสี่ยวไป๋น่าจะเป็นคนมีเงิน แต่เขาก็ไม่ได้คาดคิดว่าอุตสาหกรรมที่เจียงเสี่ยวไป๋ทำจะมีมากถึง 20-30 อุตสาหกรรมไปแล้ว ซึ่งมูลค่าการซื้อขายต่อเดือนที่เขาจะได้รับนั้นเกือบ 10 ล้านหยวน
ซึ่งมากกว่ารายรับทางการคลังประจำปีของที่ว่าการอำเภอถู่เฉิงหลายเท่า
นี่ไม่ต่างอะไรจากเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งเลย
เขามองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ด้วยสายตาที่สนใจมากยิ่งขึ้น สูญเสียความสงบของการเป็นนายอำเภอไปอย่างสิ้นเชิง และโพล่งออกมาว่า “เสี่ยวเจียง คุณสนใจที่จะลงทุนในถู่เฉิงไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง แน่นอนว่าเขาต้องการลงทุนในถู่เฉิง
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังสงวนท่าทีมากกว่าหลัวฉางเซิง
เขาแกล้งทำเป็นลังเลและพูดว่า “นายอำเภอหลัว เรื่องนี้…ผมยังไม่ได้พิจารณาอะไรเลย”
หลัวฉางเซิงกล่าวว่า “คุณมีบริษัทโลจิสติกส์ไม่ใช่เหรอ ? คุณมียานพาหนะมากมาย หากคุณเปิดเหมืองถ่านหินในถู่เฉิง คุณสามารถขนส่งถ่านหินออกไปได้ มันจะสร้างรายให้คุณได้อย่างแน่นอน ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกมีความสุขมากเมื่อได้ยินคำพูดนี้
การจะทำเหมืองถ่านหินในที่อื่นจะต้องต่อสู้กับผู้คนนับไม่ถ้วนเพื่อแย่งชิงมันมา แต่ตามคำพูดของนายอำเภอหลัว ตราบใดที่เขาเต็มใจมาก็สามารถดำเนินการได้ทันที
สิ่งนี้แตกต่างจากลาภลอยอย่างไร ?
“นายอำเภอหลัว ผมมาที่นี่ก็สามารถเปิดเหมืองหินได้เลยหรอครับ ? ” เจียงเสี่ยวไป๋ถามอย่างระมัดระวัง
หลัวฉางเซิงพยักหน้า “มีการเข้ามาสำรวจเหมืองถ่านหินหลายแห่งในนี้ แต่ไม่มีใครมาดำเนินการอะไรต่อเลย หากคุณเต็มใจที่จะทำ ฉันจะเขียนใบอนุญาตการขุดและใบอนุญาตดำเนินการให้คุณทันที”
แบบนี้ยังต้องลังเลอีกไหม ?
แน่นอน !
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่รีบร้อนที่จะแสดงจุดประสงค์ของเขาออกมา
เหตุผลแรก ก็เพื่อไม่ให้ตัวเองดูโลภมาก ส่วนเหตุผลที่สอง แน่นอนว่าเขาต้องการต่อสู้เพื่อผลประโยชน์สูงสุด ดังนั้นในตอนนี้เขาจึงตีหน้าเงียบ ยังไม่ตัดสินใจอะไร
หลัวฉางเซิงมีความกังวลเล็กน้อย เพราะไม่อยากที่จะปล่อยเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งไป
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเจียงเสี่ยวไป๋มีรถและคนขับ !
“เสี่ยวเจียง พ่อตาของคุณและฉันเป็นเพื่อนเก่า เมื่อคุณมีความแข็งแกร่งทางการเงิน ก็มาลงทุนที่ถู่เฉิงเถอะ ฉันสามารถให้นโยบายพิเศษแก่คุณได้ในทุกด้าน……”
หลัวฉางเซิงใช้อำนาจที่เขามีเอื้อผลประโยชน์เพื่อดึงดูดเจียงเสี่ยวไป๋