ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 478 : เตรียมลงทุนในถู่เฉิง
ตอนที่ 478 : เตรียมลงทุนในถู่เฉิง
หลัวฉางเซิงมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋แล้วพูดว่า “ร้อยใบอาจไม่พอ ฉันจะออกไปซื้อเพิ่มอีกสองสามกองแล้วกัน”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็ออกไปโดยไม่รอให้เจียงเสี่ยวไป๋ได้พูดอะไรต่อ
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงพร้อมกับอ้าปากกว้าง
หม่าลี่ดึงเจียงเสี่ยวไป๋ให้นั่งลงแล้วพูดว่า “ฉันจะไปหาของดี ๆ เอามาแกล้มเหล้าก่อน” หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็ลุกขึ้นเดินไปที่ในครัว
ไม่นานหลังจากนั้น หม่าลี่ก็กลับมาพร้อมพริกแห้งจำนวนหนึ่งในกำมือ ซึ่งเป็นพริกแบบเส้นยาว พริกหนึ่งเส้นยาวประมาณสิบเซนติเมตรและหนาเท่ากับนิ้วกลาง
หม่าลี่วางพริกแห้งทีละเม็ดรอบ ๆ เตาถ่านและเริ่มพลิกมันไปมา
เจียงชานถามอย่างสงสัยว่า “ลุงหม่ากำลังย่างพริกอยู่หรือคะ ? ”
หม่าลี่ยิ้มพลางพูดว่า “พริกแห้งย่างแบบนี้ทำให้กินข้าวหมดสามชามได้เลยนะ จิ้มเกลือแล้วกินเปล่า ๆ ก็อร่อย ! ”
แม้ว่าเจียวเสี่ยวไป๋จะชอบอาหารรสเผ็ด แต่เขาก็ยังรู้สึกละอายใจเมื่อเห็นพลังความบ้าดีเดือดของหม่าลี่
และดูเหมือนว่าหยินซื่อก็จะชอบพริกย่างนี้ด้วยเช่นกัน เพราะเขาก็ช่วยกลับพริกเป็นครั้งคราว
สักพัก ผิวของพริกก็เงาและมีกลิ่นหอมฉุนโชยออกมา
“ฮัดชิ้ว ! ”
“ฮัดชิ้ว ! ”
เจียงชานทนความฉุนไม่ไหวจึงจามหลายครั้ง !
หม่าลี่ยิ้มแล้วพูดว่า “ชานชาน กลิ่นของมันเป็นอย่างไรบ้าง ? ”
เจียงชานปิดจมูกของเธอแล้วพูดว่า “กลิ่นหอมค่ะ แต่มันฉุนจนทำให้หนูจามไม่หยุด ! ”
หยินซื่อพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นหนูกล้ากินมันไหม ? ”
เจียงชานกล่าวว่า “ไว้หนูจะลองดูค่ะ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว ตอนนี้เขาเริ่มกังวลเกี่ยวกับมื้ออาหารคืนนี้จริง ๆ
ในตอนที่หลัวฉางเซิงกลับมา เขาถือชามดินเผาหลายใบที่มัดด้วยเชือกป่าน และนำมะเขือยาวสองสามผลกลับมาด้วย
หม่าลี่หยิบมะเขือยาวขึ้นมาด้วยสีหน้ามีความสุขและวางไว้ข้างเตาถ่านเพื่อย่างมัน เขาพูดว่า “น่าเสียดายที่ฤดูกาลนี้ไม่มีพริกเขียว ไม่งั้นหลังจากย่างกับมะเขือยาวแล้วเอามาตำ ปรุงรสนิดหน่อย ใส่ไข่ที่ต้มไว้สองฟองลงไป คงจะอร่อยน่าดู”
เจียวเสี่ยวไป๋ฟังแล้ว จึงพูดว่า “ตอนนี้ที่ชิงโจวของเรากำลังทำโครงการนำร่องก่อสร้างพื้นที่ชนบทใหม่และพัฒนาการปลูกผักเรือนกระจกที่สามารถปลูกผักนอกฤดูได้ รองนายอำเภอหม่า คุณอยากสร้างโรงเรือนกระจกบ้างไหม ? ในอนาคตต่อให้เป็นฤดูหนาว คุณก็สามารถกินพริกสดได้ตลอดเวลา”
ดวงตาของหม่าลี่เป็นประกาย จากนั้นหลัวฉางเซิงก็วางชามดินเผาในมือของเขาลง และนั่งลงข้าง ๆ เจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความอยากรู้อยากเห็นและขอคำแนะนำ
เจียวเสี่ยวไป๋ไม่ได้ปิดบังความลับอะไร เขาอธิบายรายละเอียดของวิธีการสร้างโรงเรือนกระจก วิธีการปลูกผักในโรงเรือน รวมทั้งวิธีดูแลและเก็บเกี่ยว
หลัวฉางเซิงวิ่งเข้าไปในบ้านและหยิบสมุดบันทึกขึ้นมา เขาจดทุกสิ่งที่เจียงเสี่ยวไป๋พูดทีละขั้นตอนและถามอย่างระมัดระวังเมื่อไม่เข้าใจ
เจียงเสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ผู้นำในยุคนี้เป็นคนที่ซื่อตรงและทำงานอย่างจริงจัง ส่วนไหนที่ไม่รู้ก็พร้อมที่จะพัฒนาโดยไม่ห่วงเรื่องหน้าตา ขอแค่ได้พัฒนาพื้นที่ของตนเองให้ดีขึ้น
“เสี่ยวเจียง ขอบคุณมาก ! ”
หลังจากถามเกี่ยวกับการปลูกผักเรือนกระจกแล้ว หลัวฉางเซิงก็ปิดสมุดบันทึกและพูดขอบคุณเขาอย่างซาบซึ้ง
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือ “ไม่เป็นไรครับ ถู่เฉิงเป็นเมืองอยู่ห่างไกล อาจจะขายผักนอกฤดูกาลได้ยาก เพราะอย่างไรผักก็จำเป็นต้องขายในราคาที่ดี และการรักษาความสดเป็นสิ่งสำคัญมาก”
“แต่หลังจากที่เกษตรกรในถู่เฉิงพัฒนาผักนอกฤดูกาลได้แล้ว อย่างน้อยก็ช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนผักในท้องถิ่นลงได้”
หลัวฉางเซิงและหม่าลี่พยักหน้า แม้ว่าเกษตรกรในถู่เฉิงจะปลูกผักนอกฤดูกาลเพื่อส่งไปขายยังที่อื่นไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็สามารถแก้ไขปัญหาการดำรงชีวิตของคนในท้องถิ่นได้
หลัวฉางเซิงถอนหายใจ “ถู่เฉิงมีทรัพยากรน้อย อยู่ในพื้นที่ห่างไกล การพัฒนาเศรษฐกิจจึงเป็นเรื่องที่ยากมาก”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะอยู่ในใจ ถู่เฉิงไม่ใช่ว่ามีทรัพยากรน้อย ในทางกลับกัน ถู่เฉิงมีทรัพยากรมากมาย เพียงแต่ความสามารถในการพัฒนาของปัจจุบันยังไม่เพียงพอ ประกอบกับข้อจำกัดด้านการขนส่ง จึงต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง กว่าที่ถู่เฉิงจะพัฒนาขึ้นมาแซงหน้าเมืองอื่นได้
เขามองดูท่าทางกังวลของหลัวฉางเซิงและรู้สึกทนไม่ไหวเล็กน้อย จึงพูดออกมาว่า “นายอำเภอหลัว คุณอยากให้ผมลงทุนในถู่เฉิงไม่ใช่เหรอ ? ผมมีความคิดแล้ว มีธุรกิจที่ผมสามารถทำและสร้างรายได้ได้อย่างรวดเร็ว”
หลัวฉางเซิง หม่าลี่และหยินซื่อต่างมองมาที่เจียวเสี่ยวไป๋ จากนั้นหลัวฉางเซิงก็ถามด้วยความประหลาดใจ “ธุรกิจอะไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ชี้ไปที่เตาถ่านหินที่ตอนนี้พวกเขากำลังนั่งรายล้อมอยู่
หลัวฉางเซิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็หัวเราะและพูดว่า “คุณกำลังพูดถึงการทำเตาถ่านหินนี้งั้นเหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า
หลัวฉางเซิงกล่าวว่า “เตาถ่านหินนี้ไม่มีเทคนิคอะไรมากใครก็สามารถทำได้ คงทำเงินไม่ได้หรอก”
หม่าลี่ก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ทุกวันนี้มีคนซื้อเตาถ่านหินมาไว้ที่บ้านกันเยอะ เตาถ่านหินใช้ได้นานหลายปี ถึงจะทำออกมาก็ขายได้ไม่ง่ายเลย”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “เตาถ่านหินแบบนี้ไม่สามารถทำกำไรได้จริง แต่ผมสามารถออกแบบเตาถ่านหินที่สวยงาม กว่านี้และใช้งานได้จริง แถมประหยัดตัวถ่านหินอีกด้วย”
หลัวฉางเซิงตกตะลึงในตอนแรก จากนั้นจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “ทำไมเตาถ่านหินถึงต้องสวยงาม การประหยัดถ่านหินถือเป็นจุดขาย แต่ยังไม่ใช่ข้อเปรียบ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “เอาเป็นว่า สิ่งที่ผมจะออกแบบไม่สามารถเรียกได้ว่าเตาถ่านหินได้อีกต่อไป แต่จะเรียกว่าโต๊ะผิงไฟเหมาะสมกว่า”
“โต๊ะผิงไฟ ? ”
หลัวฉางเซิง หม่าลี่ และหยินซื่อพูดพร้อมกันและมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความงุนงง
เจียงเสี่ยวไป๋จึงขอให้หลัวฉางเซิงนำกระดาษและปากกามาให้เขา จากนั้นจึงเริ่มวาดภาพบนกระดาษอย่างรวดเร็ว
เขามีทักษะด้านศิลปะอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา ที่จะวาดโต๊ะผิงไฟสามมิติขึ้นมาได้ในเวลาอันสั้น
ไม่นานหลังจากนั้น รูปของโต๊ะผิงไฟก็ถูกร่างลงไปบนกระดาษ
หลัวฉางเซิง หม่าลี่ และหยินซื่อต่างเข้ามาดู
‘เตาถ่าน’ ที่วาดลงบนกระดาษบิดเบือนความเข้าใจของพวกเขาไปทันที ด้านล่างเป็นทรงลูกบาศก์ ด้านบนเป็นลักษณะคล้ายโต๊ะสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ตรงกลางมีวงกลมหลายชั้น มีรูเล็ก ๆ อยู่ด้านในศูนย์กลางของวงกลม นอกจากนี้ยังมีปล่องไฟอยู่ด้านหนึ่งของตัวโต๊ะ
“นี่คือ…โต๊ะผิงไฟที่คุณพูดถึง ? ”
หลังจากที่หลัวฉางเซิงเห็น เขาก็ประหลาดใจ เพราะมันสวยงามและใช้งานได้จริงอย่างที่เจียงเสี่ยวไป๋พูดเลย
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “การทำโต๊ะผิงไฟประเภทนี้ไม่ซับซ้อน โดยส่วนใหญ่แบ่งออกเป็นสองส่วน: เตาไฟและโครงโต๊ะด้านนอก” เขาชี้ไปที่เตาถ่านหินที่อยู่ตรงหน้าเขาแล้วถามว่า “น่าจะมีโรงงานที่ผลิตเตาแบบนี้ในถู่เฉิงใช่ไหมครับ ? ”
หลัวฉางเซิงพยักหน้าและกล่าวว่า “ไม่ถือว่าเป็นโรงงาน เพราะมันเป็นเพียงที่ผลิตขนาดเล็กเท่านั้น”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ไม่สำคัญครับ ขอแค่มีที่ผลิตก็พอ”
จากนั้น เขาก็ถามอีกว่า “แล้วเหล็กล่ะครับ ? ถู่เฉิงไม่ขาดแคลนเหล็กใช่ไหม ? ”
หลัวฉางเซิงกล่าวว่า “เหมืองถ่านหินของถู่เฉิงอุดมไปด้วยทรัพยากร และยังมีแร่เหล็กอีกด้วย แต่ก็ไม่มากนัก มีโรงทำเหล็กในท้องถิ่น แต่คุณภาพของเหล็กที่ผลิตได้อยู่ในระดับปานกลาง ไม่สามารถใช้ในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ได้ ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “มีสองอย่างนี้ก็พอแล้วครับ ! ”
หลัวฉางเซิงมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋อย่างเคร่งขรึมแล้วพูดว่า “คุณอยากทำเตาไฟนี้จริง ๆ เหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “นายอำเภอหลัว คุณขอให้ผมมาลงทุนที่ถู่เฉิงไม่ใช่เหรอ ? หากคุณยินดี ผมจะตั้งโรงงานทำเตาไฟก่อน คุณพอจะให้ที่ดินบางส่วนกับผมเพื่อสร้างโรงงานไหม ? ”
หม่าลี่พูดว่า “เถ้าแก่เจียง แน่นอนว่าเรายินดีอย่างมากที่คุณจะมาตั้งโรงงานที่นี่ แต่คุณมีตลาดแล้วเหรอ ? ”
ในความเป็นจริง เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋เห็นเตาถ่านหินในสำนักงานของหลัวฉางเซิง เขาก็มีความคิดที่จะจัดตั้งโรงงานผลิตเตาไฟในถู่เฉิงขึ้นมาทันที
ในอนาคต หลังจากที่ก๊าซธรรมชาติได้รับความนิยม เตาที่ใช้แก๊สธรรมชาติจะกลายเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นสำหรับครอบครัวในเมือง ในขณะที่โต๊ะที่ใช้ถ่านหินและทำจากไม้จะกลายเป็นตัวเลือกแรกสำหรับครอบครัวในชนบท
ตลาดนี้ถือว่าใหญ่มาก