ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 482 : ป้าให้ขนม
ตอนที่ 482 : ป้าให้ขนม
“สาวน้อย ทำไมหนูถึงมาอยู่ที่นี่คนเดียวล่ะจ๊ะ ? ”
ผู้หญิงคนนั้นเข้าหาเจียงชานด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าของเธอ แสร้งทำเป็นห่วงเป็นใยหนูน้อย
“หนูกำลังรอป้าอยู่ค่ะ ! ” เจียงชานตอบอย่างไม่คิดอะไร
“อ้อ ! ” หญิงวัยกลางคนหยิบขนมออกมาจากกระเป๋า แล้วพูดว่า “สาวน้อยหนูน่ารักมาก ป้าชอบหนูทันทีที่เจอ ป้าเอาขนมให้หนูนะ”
เจียงชานโบกมือปฏิเสธ “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ ! ”
เจียงชานมองผู้หญิงคนนี้ ดูแล้วน่าจะอายุสี่สิบกว่าแล้ว เธอลังเลว่าจะเรียกเธอว่า ‘ป้า’ หรือ ‘พี่สาว’ ดี แต่ผู้หญิงคนนั้นเรียกตัวเองว่าป้า ดังนั้นเธอจึงเรียกเธอว่าป้า
ผู้หญิงคนนั้นยัดลูกกวาดเข้าไปในมือของเจียงชาน แล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร หนูเอาไปกินได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ ! ”
เจียงชานถือลูกกวาด และจ้องมองผู้หญิงคนนั้นด้วยดวงตาเบิกกว้าง ก่อนที่จะรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ดูเป็นมิตรมากเกินไป !
“กินเลย เร็วเข้า ! ”
เมื่อเห็นเจียงชานไม่กินลูกกวาด ผู้หญิงคนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะกระตุ้นเธอ เธอมองไปทางซอยที่อยู่ติดกันซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านตัดเสื้อด้วยความกังวล
เจียงซานสังเกตเห็นสีหน้าของเธอ หนูน้อยเกิดความสงสัยจึงพูดว่า “หนูจะเก็บขนมไว้ให้น้องชายของหนูกิน ! ”
เมื่อพูดเช่นนี้ เธอเก็บขนมไว้ในกระเป๋าของเธอ และดูไม่เต็มใจที่จะกินมัน
เมื่อเห็นเช่นนี้หญิงวัยกลางคนก็รู้สึกกังวลมากขึ้น เธอฝืนยิ้มและชมเชยว่า “สาวน้อยมีน้ำใจมาก อายุยังน้อย แต่รู้จักเก็บขนมไว้ให้น้องชาย ป้าชอบสาวน้อยที่มีน้ำใจแบบหนู มา มา มา คุณป้าจะให้ขนมอีกชิ้นแก่หนู”
แน่นอนว่าเธอหยิบขนมอีกชิ้นออกมาจากกระเป๋าของเธอ และมอบให้เจียงชานพลางพูดว่า “ตอนนี้หนูมีอีกชิ้นแล้ว รีบกินเถอะ มันหวานอร่อยมากเลยนะ ! ”
……
ในอีกด้านหนึ่ง เซี่ยงหงจวี๋เข้าไปในร้านตัดเสื้อ
“อ้าว หงจู เธอซื้อไก่มาตัวหนึ่งหรือ ในบรรดาพี่น้องของเรา เธอโชคดีที่สุดที่ได้ใช้ชีวิตที่ดีกับนายอำเภอหลัว”
หลี่ต้าเจี่ยพูดด้วยสายตาอิจฉา
เซี่ยงหงจวี๋ยิ้มรับ “มันไม่เหมือนกับที่พี่พูด ครอบครัวเรามักจะทานอาหารง่าย ๆ ที่ซื้อไก่เพราะมีแขกมา และวางแผนจะเตรียมทำไก่เผ็ดให้พวกเขาในช่วงบ่าย”
“แขก ? ” หลี่ต้าเจี่ยพูด “เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ข้างๆ คุณเหรอ ? โอ้ ทำไมเธอไม่มาด้วยล่ะ ? ”
เซี่ยงหงจวี๋กล่าวว่า “ก็พี่ขอให้ฉันมาดูเสื้อผ้าใหม่ที่ฉันสั่งตัดให้กับปิงปิง ใช้เวลาดูไม่นาน ฉันก็เลยขอให้เธอรอฉันที่ทางเข้าซอย”
หลี่ต้าเจี่ยยิ้ม “เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นดูเหมือนเธออายุแค่ห้าหรือหกขวบ เธอยังเด็กมาก ปล่อยเธอไว้ตามลำพังที่ทางเข้าซอยจะดีหรือ ? ”
เซี่ยงหงจวี๋ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “เวลากลางวันแสก ๆ แบบนี้ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล เธอเป็นคนมีเหตุผลและเชื่อฟัง ฉันบอกเธอว่าอย่าเดินไปรอบ ๆ ซึ่งเธอก็จะไม่ทำมันแน่นอน”
หลี่ต้าเจี่ยไม่ได้พูดอะไรอีก เธอหยิบเสื้อคลุมผ้าฝ้ายตัวใหม่ที่เธอตัดให้กับหลัวหงปิงออกมา แล้วมอบให้เซี่ยงหงจวี๋
เซี่ยงหงจวี๋วางผักที่เธอถือไว้บนพื้นแล้วหยิบเสื้อแจ็คเก็ตผ้าฝ้ายตัวใหม่ขึ้นมา สัมผัสได้ถึงความหนาของผ้า เธอพอใจ และกางเสื้อแจ็คเก็ตออกเพื่อตรวจสอบขนาด ซึ่งเธอก็พบว่าเหมาะสมเช่นกัน
เธออุทานว่า “พี่หลี่ ฝีมือของพี่ดีขึ้นเรื่อย ๆ เลย แจ็กเก็ตผ้าฝ้ายตัวนี้สวยกว่าที่พี่ทำเมื่อปีที่แล้วเสียอีก”
หลี่ต้าเจี่ยยิ้มและพูดว่า “เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เวลาช่างผ่านไปเร็วมาก เมื่อปีที่แล้วตอนที่ฉันทำแจ็กเก็ตผ้าฝ้ายให้ปิงปิง ฉันยังรู้สึกเหมือนมันเพิ่งผ่านมาเมื่อไม่นานนี้ ตอนนี้ถึงเวลาทำอีกครั้งแล้ว”
เซี่ยงหงจวี๋เห็นด้วยว่า “ปีที่แล้วเขาเพิ่งอยู่มัธยมต้น แต่ปีนี้เขาเป็นเด็กมอปลายแล้ว เด็กผู้ชายคนนั้นโตเร็วมาก เสื้อแจ็กเก็ตผ้าฝ้ายที่ทำเมื่อปีที่แล้วมีขนาดเล็กเกินไป ปีนี้เขาใส่ไม่ได้แล้ว”
เมื่อพูดถึงลูกชายของเธอ รอยยิ้มอันมีความสุขปรากฏบนริมฝีปากของเธอ
หลี่ต้าเจี่ยกล่าวชมหลัวหงปิงอย่างเป็นธรรมชาติ โดยบอกว่าเด็กเติบโตขึ้นมาอย่างดี มีผลการเรียนดี มีไหวพริบและเชื่อฟัง ทำให้เซี่ยงหงจวี๋มีความสุขมากขึ้น
ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน เซี่ยงหงจวี๋ก็มองดูเสื้อผ้า แต่เมื่อเธอหันไปทางด้านหลังของเสื้อผ้า เธอก็อุทานออกมาทันที “อ่า ทำไมมีรูอยู่ตรงนี้ล่ะ ! ”
หลี่ต้าเจี่ยรีบหยิบเสื้อผ้าไปและเห็นว่ามีรูเล็ก ๆ ที่มุมล่างของด้านหลังชุดผ้าฝ้ายตัวใหม่ เธอจึงรีบตรวจดูอย่างระมัดระวัง รูนั้นมีรอยฟันและเธอก็อดไม่ได้ที่จะสาปแช่ง “หนูเวร พวกมันกัดเสื้อแจ็กเก็ตได้ยังไง ! ”
เซี่ยงหงจวี๋งสังเกตเห็นว่าเป็นหนูที่สร้างความเสียหาย เธอจึงพลอยหงุดหงิดไปด้วย
นี่คือแจ็กเก็ตผ้าฝ้ายตัวใหม่ที่เธอเตรียมไว้สำหรับลูกชายของเธอ และเธอไม่คาดคิดว่าจะถูกหนูกัดหลังจากทำเสร็จแล้ว เสื้อผ้าชิ้นใหม่เสียหาย และเธอรู้สึกทั้งเจ็บใจทั้งโมโห
“หงจวี๋…”
หลี่ต้าเจี่ยพูดอย่างรู้สึกผิดว่า “ฉันผิดเองที่ไม่เก็บให้ดี เราควรทำอย่างไร ? ฉันตัดชุดใหม่ให้เลยดีไหม ? ”
เซี่ยงหงจวี๋กล่าวว่า “ตัดเสื้อผ้าชุดใหม่มีค่าใช้จ่ายมากกว่าสามสิบหยวน มันไม่ง่ายเลยที่พี่จะตัดขึ้นมาใหม่ แต่ละเดือนพี่ทำเงินจากการตัดเสื้อผ้าได้เท่าไรกัน ? ”
หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว เธอก็กัดฟันแล้วพูดว่า “งั้นพี่หลี่ลองซ่อมมันดูสิ ! ”
หลี่ต้าเจี่ยกล่าวว่า “แต่หากซ่อมตรงนี้ เวลาสวมจะเห็นชัดมาก และปิงปิงคงไม่พอใจ”
เซี่ยงหงจวี๋พยักหน้าเห็นด้วย เธอก็ไม่อยากปะเสื้อแจ็คเก็ตตัวใหม่เช่นกัน ถ้าเป็นเสื้อผ้าชั้นในก็ไม่สำคัญหรอก เพราะคนอื่นจะมองไม่เห็น แต่นี่เป็นเสื้อผ้าชั้นนอก สังเกตเห็นได้ง่าย
แต่เธอก็เข้าใจสถานการณ์ครอบครัวของหลี่ต้าเจี่ยด้วย พวกเขาอาศัยรายได้จากร้านตัดเสื้อเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว แต่ละเดือนทำรายได้ไม่ถึง 30 หยวน หากให้ชดใช้ชุดใหม่ให้จริง ๆ เธอเองก็ไม่สบายใจ ดังนั้นเธอจึงเกิดความลังเลอยู่ไม่น้อย
……
ที่ทางเข้าซอย เจียงชานถูกผู้หญิงคนนั้นรบเร้า และในขณะที่เธอรอเซี่ยงหงจวี๋ที่ยังไม่ออกมา เธอก็เริ่มรู้สึกกังวลแล้ว
“คุณป้า หนูจะกินขนมทีหลัง คุณป้าไปทำงานก่อนเถอะ ป้าของหนูจะมาที่นี่เร็ว ๆ นี้ ! ”
เมื่อเธอได้ยินแบบนี้ ในใจก็รู้สึกร้อนใจไม่น้อย เธอล้มเหลวในการชักชวนเด็กหญิงตัวเล็กให้กินลูกกวาด ดังนั้นเธอจึงโน้มน้าวต่อ “สาวน้อย เสื้อผ้าของหนูสวยมาก เสื้อผ้าแบบนี้หาซื้อไม่ได้ในเมืองของเรา หนูไม่ใช่คนเมืองนี้ใช่ไหม ? ”
เจียงชานพูดว่า “ป่าป๊าซื้อเสื้อผ้าจากเจียงเฉิงมาให้หนู”
“อ่า หนูมาจากเจียงเฉิงเหรอ ? ” รอยยิ้มของผู้หญิงยิ่งสดใสยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เจียงชานส่ายหัวซ้ำแล้วพูดว่า “หนูมาจากชิงโจว หนูมาที่นี่กับป่าป๊า”
“โอ้ มาจากชิงโจว เป็นเมืองใหญ่ด้วย ใหญ่กว่าถู่เฉิงของเรามาก ! ” ผู้หญิงคนนั้นพูดด้วยรอยยิ้ม “หนูคงไม่รู้ว่าเมืองของเรามีอะไรสนุกใช่ไหม ? ”
ผู้หญิงคนนั้นมองเจียงชานด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ และใช้น้ำเสียงที่เย้ายวนใจ “ป้ารู้จักสถานที่ที่สนุกมาก สาวน้อย หนูอยากมากับป้าไหม ? ป้าจะพาหนูไปเล่นสนุก ตกลงไหม ? ”
ดวงตาของเจียงชานเป็นประกาย และเธอก็ถามว่า “คุณป้า มันเป็นสถานที่แบบไหนคะ สนุกไหม ? ”
เมื่อเห็นความตื่นเต้นของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เธอก็พูดทันทีว่า “เป็นสถานที่ที่ดีและสนุกมาก ถ้าหนูมากับป้า ไม่เพียงแต่เราจะสนุกเท่านั้น แต่คุณป้าจะซื้อขนมอร่อย ๆ ให้หนูด้วย ! ”
“คุณป้า มีอะไรอร่อยบ้าง” เจียงชานเลียริมฝีปากของเธอ แล้วพูดว่า “เมื่อวานป้าของหนูตุ๋นเนื้อสุนัขและถั่วเหลืองให้กิน มันอร่อยมาก คุณป้า สถานที่ที่คุณป้าพาหนูไปมีเนื้อสุนัขตุ๋นและถั่วเหลืองหรือเปล่าคะ ? ”
ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้าและพูดต่อ “ใช่ และมันจะยิ่งอร่อยเป็นพิเศษเมื่อใส่เต้าหู้เข้าไปด้วย ! ”
“จริงเหรอ ? ”
ผู้หญิงคนนั้นมองดูเจียงชานที่พูดอย่างตื่นเต้น และอดไม่ได้ที่จะสบถในใจ ทำไมเด็กคนนี้ถึงได้ถามมากขนาดนี้นะ ?