ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 483 : ปัญหาเกิดจากหนู
ตอนที่ 483 : ปัญหาเกิดจากหนู
ใจของหญิงวัยกลางคนเต็มไปด้วยความโกรธ แต่เธอยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้าและพูดว่า “ใช่ ใช่แล้ว สาวน้อย เธอชอบกินถั่วเหลืองตุ๋นกับเนื้อสุนัข ป้าจะพาไปกิน”
“จริงหรือคะ ? ”
ดวงตาโตของเด็กหญิงตัวเล็กกะพริบด้วยความตื่นเต้นขณะที่เธอถาม
“แน่นอน ! ” ผู้หญิงคนนั้นยืนยันว่า “ป้าจะโกหกหนูไปทำไมล่ะ ? ”
“’งั้นก็เยี่ยมไปเลยค่ะ ! ” เจียงชานปรบมือของเธออย่างมีความสุขและตะโกนเสียงดัง
ผู้หญิงคนนั้นตกใจจนสะดุ้งและพูดอย่างรวดเร็วว่า “หนูไม่จำเป็นต้องเสียงดังขนาดนั้น เราไปกันเถอะ ! ”
“อ้อ ! ” เจียงชานตอบและดูเหมือนพร้อมที่จะไป เธอก้าวไปหนึ่งก้าวแล้วหยุดกะทันหัน ทำหน้าไม่พอใจ แล้วพูดว่า “คุณป้า ถ้าหนูไปด้วย แล้วถ้าป้าของหนูกลับมา แล้วหาหนูไม่เจอล่ะ ? ”
เธอเคยพบกับเด็กหลายคนมาก่อน ซึ่งส่วนใหญ่จะตามไปอย่างรวดเร็ว หากเธอให้ขนมหรือพูดโน้มน้าวเพียงไม่กี่คำ
แต่สาวน้อยคนนี้…
ทำไมเธอถึงเรื่องเยอะขนาดนี้กันนะ ?
เธอพูดว่า “สาวน้อย ไม่เป็นไร ป้าของเธอคงต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะกลับมา ไปทานอาหารอร่อย ๆ ก่อน แล้วเราจะกลับมาหลังจากทานอาหารเสร็จ แบบนี้เธอก็จะไม่ต้องรอ อยู่คนเดียวก็เบื่อ ไม่ดีเหรอ ? ”
เจียงชานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง พยักหน้าราวกับเห็นด้วย แต่ก็รีบพูดว่า “จะเป็นอย่างไรถ้าป้าของหนูกลับมาเร็ว ๆ นี้ เธอจะเป็นกังวลเพราะหาหนูไม่เจอ”
ผู้หญิงคนนั้นเกือบจะระเบิดอารมณ์ด้วยความหงุดหงิด เธอรีบพูดว่า “มันจะไม่เกิดขึ้น มันจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน ! เธอจะไม่กลับมาเร็ว ๆ นี้หรอก ! ”
“แล้วถ้าคุณป้ากลับมาเร็วล่ะ ? ” เจียงชานมีสีหน้าเป็นกังวล แต่แล้วเธอก็ยิ้มอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าเธอมีความคิดที่ยอดเยี่ยมขึ้นมา เธออุทานว่า “คุณป้า งั้นเราไปบอกป้าของหนูกันเถอะ เธอจะได้ไม่ต้องกังวล ! ”
หญิงวัยกลางคนโกรธเคือง และพูดอย่างไม่เต็มใจว่า “สาวน้อย ไม่จำเป็นต้องไปบอกป้าของหนูหรอก เราจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ ถ้าป้าของหนูรู้ เธออาจจะไม่ให้หนูไป แล้วหนูจะไม่ได้กินของอร่อยอย่างเนื้อสุนัขนะ ? ”
“คุณป้า สิ่งที่คุณพูดก็มีเหตุผล ! ” เจียงชานพยักหน้าเหมือนไก่จิกข้าว
เมื่อผู้หญิงคนนั้นได้ยินสิ่งที่เจียงชานพูด รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของเธออีกครั้ง
“ไปกันเถอะสาวน้อย ป้าจะพาเธอไปที่นั่น ! ” เธอพูดแล้วจับมือของเจียงชาน
เจียงชานรีบหลบและพูดว่า “คุณป้า จับหนูทำไม หนูเดินเองได้ ! ”
ผู้หญิงคนนั้นพูดว่า “หนูเพิ่งมาถึงถู่เฉิงและไม่คุ้นเคยกับสถานที่ ป้าเกรงว่าหนูจะหลงทาง ให้ป้านำทางหนูไป”
เจียงชานโบกมือแล้วพูดว่า “ป่าป๊าของหนูบอกว่าหนูควรจะเป็นอิสระ และไม่ให้คนอื่นจับมือไปไหนมาไหน”
มุมปากของหญิงวัยกลางคนกระตุกอย่างรุนแรง และคิดในใจว่าช่างมีพ่อที่ดีจริง ๆ จากนั้นเธอก็พูดว่า “โอเค โอเค ป้าจะไม่จับมือหนู แค่มากับป้า ! ”
“เอาล่ะคุณป้า คุณเดินไปก่อน แล้วหนูจะเดินตามไปข้างหลัง ! ” เจียงชานกล่าว
ผู้หญิงคนนั้นพูดว่า “เดินไปด้วยกันสิ จะเดินข้างหลังทำไม มาเลย ไปกันเถอะ ! ”
เจียงชานพูดว่า “คุณป้า คุณป้าบอกให้หนูตามไป หนูจะตามคุณป้าได้อย่างไร ถ้าคุณป้าไม่เดินนำหน้า ? ”
ผู้หญิงคนนั้นโกรธมากจนแทบจะอาเจียนเป็นเลือด ทำไมเด็กคนนี้ถึงยุ่งขนาดนี้ ?
ใช้ทุกคำเป็นเหมือนการโต้วาที !
เธอเหลือบมองไปทางร้านตัดเสื้ออย่างกระวนกระวายใจ โดยกลัวว่าผู้ปกครองของเด็กคนนี้จะปรากฏตัวขึ้นในทันที เธอจึงแสร้งทำเป็นโกรธและพูดว่า “ทำไมหนูไม่รีบล่ะ หนูจะพลาดเนื้อสุนัขตุ๋นนะ ! ”
เมื่อพูดอย่างนั้น เธอก็ยื่นมือออกมาเพื่อดึงเจียงชาน
เจียงชานรีบก้าวถอยหลังและพูดอย่างไม่พอใจ “หนูบอกแล้วไงว่าอย่าจับมือ ทำไมคุณป้ายังจะจับมือหนูอยู่อีกล่ะ ? ”
ผู้หญิงคนนั้นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและยื่นมือไปทางเจียงชานอีกครั้ง
เธอตระหนักได้ว่าหากเธอไม่พาสาวน้อยออกไปเร็ว ๆ นี้ อาจจะเกิดปัญหาตามมาในภายหลัง
เจียงชานตระหนักว่าเธอไม่สามารถยืดเยื้อสถานการณ์ได้อีกต่อไป จึงรีบพุ่งไปทางร้านตัดเสื้อพร้อมตะโกนว่า “คุณป้า คุณป้า มีคนไม่ดีพยายามจะจับตัวหนูไป ! ”
เจียงชานสังเกตเห็นแล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น
พ่อของเธอเคยบอกว่า หากเธออยู่คนเดียว และจู่ ๆ คนแปลกหน้าก็ยื่นขนมให้ ห้ามรับขนมเด็ดขาด เพราะลูกอมเหล่านั้นมักมียาเสพติด ซึ่งเป็นกลวิธีทั่วไปที่ผู้ค้ามนุษย์ใช้
ดังนั้นเมื่อผู้หญิงคนนั้นชวนเธอกินขนม เธอจึงไม่ได้กิน
หากการให้ขนมเป็นเพียงการคาดเดา แต่เมื่อผู้หญิงคนนั้นบอกว่าอยากพาเธอไปเที่ยวเล่นและซื้ออาหารอร่อย ๆ เธอจึงแน่ใจว่าเธอได้พบกับผู้ค้ามนุษย์แล้ว
ในขณะนั้น เธอกลัวและกังวลว่าผู้หญิงคนนั้นอาจจะพยายามจับตัวเธอ เธอจึงแสร้งทำเป็นสนใจ พูดคุยเกี่ยวกับการกินเนื้อสุนัข และพยายามซื้อเวลาเพื่อรอให้ป้าเซี่ยงหงจวี๋ออกมา
อย่างไรก็ตาม เซี่ยงหงจวี๋นั่งอยู่ในร้านตัดเสื้อ กำลังปรึกษาหารือถึงวิธีซ่อมเสื้อตัวใหม่ที่ถูกหนูกัด เธอจึงยังไม่ได้ออกมาสักพัก
เจียงชานกลัว แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่พ่อของเธอมักจะสอนให้เธอไม่ตื่นตระหนก เมื่อเผชิญหน้ากับคนไม่ดีและหาทางหลบหนี เธอจึงแกล้งพูดคุยกับผู้หญิงคนนั้นต่อไป
ผู้ค้ามนุษย์ก็โชคร้ายเช่นกัน เพราะเธอไม่เคยคาดหวังว่าเด็กเล็กเช่นนี้จะมีทักษะการสังเกตที่เฉียบแหลมและจะเข้าใจเจตนาที่แท้จริงของเธอได้ เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ หลอกล่อเธอ จนทำให้เธอทำงานได้ล่าช้าไปมาก
จนกระทั่งเธอไม่สามารถรอได้อีกต่อไป เธอจึงเสี่ยงและใช้กำลังพาเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ออกไป
ในเวลานี้ เธอได้ยินเสียงร้องของเจียงชานและตระหนักว่าเธอถูกหลอก
เหมือนล่าห่านทั้งวัน แต่กลับโดนห่านจิกตา !
หญิงวัยกลางคนทั้งกังวลและโมโห ไม่ยอมเสียเวลาและรีบวิ่งไล่ตามเจียงชาน
“คุณป้า ! คุณป้า ! มีคนร้ายจะจับหนูไป ! ”
เจียงชานวิ่งไปที่ร้านตัดเสื้อด้วยความเร็ว และตะโกนเสียงดังขณะที่เธอวิ่ง
ร้านตัดเสื้ออยู่ไม่ไกลจากที่เธออยู่เพียงประมาณยี่สิบเมตร ไม่เช่นนั้น เซี่ยงหงจวี๋จะไม่ปล่อยให้เจียงชานรออยู่ที่นี่
น่าเสียดายที่ในขณะนั้น ป้าเซี่ยงหงจวี๋และพี่สาวของเธอเข้าไปในห้องด้านหลังของร้านตัดเสื้อ และไม่ได้ยินเสียงร้องของเจียงชาน
ผู้หญิงคนนั้นไล่ตามไปสองสามก้าว ในตอนแรกเธอกังวลว่าเสียงตะโกนของเด็กผู้หญิงอาจเตือนผู้ใหญ่และเตรียมที่จะยอมแพ้ แต่เมื่อเธอเห็นว่าหนูน้อยตะโกนหลายครั้ง และไม่มีใครออกมา ความมั่นใจของเธอก็เพิ่มขึ้น
“นังเด็กบ้า กล้าเล่นตลกกับฉันหรอ ! ”
หัวใจของผู้หญิงคนนั้นแข็งกระด้าง และเธอก็เร่งฝีเท้าเร็วขึ้น
แม้ว่าเจียงชานจะวิ่งกับเจียงเสี่ยวไป๋ในตอนเช้าทุกวัน และมีความอดทนกว่าเด็กคนอื่น ๆ ในวัยเดียวกัน แต่เธอก็ยังคงเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่อายุต่ำกว่า 6 ปี เธอไม่สามารถวิ่งเร็วเท่าผู้หญิงคนนั้นได้ !
เจียงชานตะโกนออกมาหลายครั้ง แต่ไม่เห็นป้าเซี่ยงหงจวี๋ออกมา ความวิตกกังวลของเธอเพิ่มมากขึ้น และเธอกำลังจะไปถึงประตูร้านตัดเสื้อ ทันใดนั้นผู้หญิงคนนั้นก็คว้าตัวเธอและยกเธอขึ้นจากพื้น
“คุณป้า…คุณป้า…”
ที่ทางเข้าร้านตัดเสื้อ เจียงชานตะโกนออกมาเสียงดัง
อย่างไรก็ตาม เซี่ยงหงจวี๋ยังคงไม่ออกมา
เจียงชานตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนกขณะที่ผู้หญิงคนนั้นจับเธอไว้ เธอสะบัดแขน เตะขา และตะโกนว่า “ปล่อยหนูนะ ปล่อยหนู ! ”
“นังบ้า หยุดตะโกนได้แล้ว ! ”
ผู้หญิงคนนั้นปล่อยมือข้างหนึ่งแล้วปิดปากและจมูกของเจียงชาน
“ปล่อยหนูนะ ! ”
“ปล่อยหนูนะ ! ”
“……”
แม้จะปิดปากและจมูกของเธอแล้ว เจียงชานก็ยังคงกรีดร้องต่อไป แต่เธอทำได้แค่เสียง “อื้ม อื้อ…” และเสียงตะโกนของเธอก็ไม่สามารถหลุดออกมาได้เลย
ผู้หญิงคนนั้นถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอมองไปรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในซอย จากนั้นด้วยมือข้างหนึ่งจับเจียงชาน และอีกมือหนึ่งปิดปากและจมูกของเธอ ก่อนจะพาหนูน้อยรีบหลบหนีไป