ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 495 : โดนภรรยาสอบสวน
ตอนที่ 495 : โดนภรรยาสอบสวน
“ได้สิ ! ” เจียงเสี่ยวไป๋คิดอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็ตอบตกลง
หวังผิงพอใจกับคำตอบนี้ ทั้งสองสูบบุหรี่เสร็จก็เข้าไปในสำนักงาน เจียงเสี่ยวไป๋ทักทายเฝิงเยี่ยนหง จากนั้นจึงกลับไปพร้อมกับเจียงชาน
“ทำไมพี่เสี่ยวไป๋ถึงไปพูดกับคุณด้านนอกล่ะ ? ”
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋กลับไปแล้ว เฝิงเยี่ยนหงก็หยิบกระเป๋าของเธอแล้วเดินออกไปข้างนอก เธอแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจและถามขึ้น
“เอ่อ ไม่มีอะไรสำคัญหรอก” หวังผิงกล่าว
เฝิงเยี่ยนหงขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า “ถ้ามันไม่มีอะไรสำคัญ ทำไมเขาถึงขอพูดกับคุณข้างนอกโดยเฉพาะ ? ”
ทันใดนั้น เธอก็หันกลับมาจ้องมองหวังผิงและถามว่า “บอกฉันสิ เขากำลังพูดถึงเรื่องการนวดเท้านั่นอีกแล้วเหรอ ? ”
หวังผิงตกตะลึง สัมผัสที่หกของผู้หญิงแม่นยำเกินไปแล้ว !
เธอสามารถเดาได้ !
อย่างไรก็ตาม การรู้หรือไม่รู้ไม่สำคัญ เขามีแผนอยู่ในใจ เขาพูดอย่างเมินเฉย “อะไรทำนองนั้น ! ”
เฝิงเยี่ยนหงพูดด้วยความโกรธ “ถ้าไม่ใช่ ก็คือไม่ใช่ ‘อะไรทำนองนั้น’ หมายความว่าอย่างไร” เธอมองไปที่หวังผิงและเปลี่ยนน้ำเสียงไป “บอกฉันสิ เขาชวนคุณคุยเรื่องไปลองนวดสปาเท้าใช่ไหม ? ”
หวังผิงสะดุ้ง เขาเริ่มรู้สึกได้ถึงรังสีแปลก ๆ จากสายตาของเฝิงเยี่ยนหง
แต่เขาตัดสินใจว่าถ้าเจียงเสี่ยวไป๋ไปนวดเท้า เขาก็จะไปเหมือนกัน
เจียงเสี่ยวไป๋ทำได้ แล้วทำไมเขาถึงทำไม่ได้ล่ะ ?
แต่แล้วพอถึงคราวต้องอธิบายให้เธอฟัง เขากลับพูดว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร ถ้าคุณอยากนวดเท้า ก็รอจนกว่าเราจะถึงบ้าน แล้วผมจะล้างเท้าให้คุณ”
หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูด เฝิงเยี่ยนหงก็ยิ้มด้วยความพอใจ “ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว”
ในขณะที่พูด ทั้งสามคนก็ออกจากออฟฟิศ และในตอนที่ล็อคประตูออฟฟิศแล้ว เฝิงเยี่ยนหงก็พูดอีกครั้ง “จริงสิ เมื่อกี้ฉันเอาแต่ย้ำไม่ให้คุณไปนวดเท้า แต่ลืมถามไปเลยว่าพี่เสี่ยวไป๋เรียกคุณออกไปคุยเรื่องอะไร ? ”
“มันไม่มีอะไรจริง ๆ เสี่ยวไป๋แค่คิดมากเกินไป เขาคิดว่าไม่เหมาะที่จะพูดต่อหน้าคุณ” หวังผิงยิ้ม “ท้ายที่สุดแล้ว เขาและผมเป็นลูกพี่ลูกน้องที่ใกล้ชิดกัน ดังนั้นเขาอาจรู้สึกว่าการคุยกับผมเป็นการส่วนตัวจะสะดวกกว่า”
เฝิงเยี่ยนหงล็อคประตู ใส่กุญแจไว้ในกระเป๋าของเธอและพูดอย่างไม่พอใจว่า “หยุดแก้ตัวได้แล้ว บอกฉันเร็ว ๆ สิ เขาคุยกับคุณเรื่องอะไร ? ”
ไม่ถามให้ชัดเจน เธอก็ไม่สบายใจ
หวังผิงกล่าวว่า “ก็เรื่องที่บ้านในเหมียววานนั่นแหละ เจียงเสี่ยวไป๋กำลังเปิดคลับเฮาส์ดื่มชาสปาเท้า เขาต้องการซื้อบ้านหลังนี้ แต่ไม่สะดวกที่จะพูดกับคุณ”
เมื่อเฝิงเยี่ยนหงได้ยินสิ่งนี้ เธอพูดว่า “ฉันก็คิดว่าเรื่องอะไร ก็แค่เรื่องบ้านเท่านั้น หากเขาต้องการเพียงแค่พูดออกมา มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ขายให้เขา ? ”
“ใช่ ใช่ ! ” หวังผิงพูดอย่างรวดเร็ว “ผมก็พูดแบบนั้นเหมือนกัน ผมบอกเขาว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ แค่คุยกับคุณโดยตรง คุณก็จะเห็นด้วยอย่างแน่นอน”
เฝิงเยี่ยนหงเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “เอาล่ะ กลับบ้านเร็ว ๆ ฉันหิวแล้ว ! ”
หวังผิงเปิดประตูรถอย่างรวดเร็วและช่วยประคองเฝิงเยี่ยนหงเข้าไปในรถ
เขาขับรถบรรทุก 130 ซึ่งที่นั่งคนขับค่อนข้างสูง เฝิงเยี่ยนหงท้องแก่จึงขึ้นรถได้ไม่ง่าย เธอต้องการความช่วยเหลือจากหวังผิงทุกครั้งที่ขึ้นลงรถบรรทุก
“มันจะสะดวกกว่ามากถ้าเรามีรถจี๊ปเหมือนพี่เสี่ยวไป๋” เฝิงเยี่ยนหงกล่าวหลังจากนั่งอยู่ในรถ
หวังผิงกล่าวว่า “เสี่ยวไป๋บอกว่าปีหน้าจะช่วยผมหาทางเปลี่ยนรถ”
เฝิงเยี่ยนหงดีใจมาก เธอถามเขาอย่างตื่นต้น “จริงเหรอ ? ”
หวังผิงพยักหน้า “แน่นอน เสี่ยวไป๋ไม่ใช่คนไม่รักษาคำพูดเสียหน่อย”
“นั่นก็จริง ! ” เฝิงเยี่ยนหงพยักหน้า
หวังผิงกล่าวว่า “ตอนนี้ก็เดือนพฤศจิกายนแล้ว เผลอแป๊บเดียวจะปีใหม่แล้ว พวกเราจะได้รถใหม่ปีหน้า”
“พ่อครับ เยี่ยมไปเลย ครอบครัวของเราจะซื้อรถจี๊ปแล้ว ! ” หวังกังพูดอย่างมีความสุข
ในรถบรรทุกขนาดเล็ก ครอบครัวสามคนกำลังตั้งตารอที่จะได้รถคันใหม่
……
เมื่อพูดถึงเจียงเสี่ยวไป๋ที่พาเจียงชานกลับมาที่เจียงวาน สิ่งแรกที่หนูน้อยทำหลังลงจากรถคือตะโกนเสียงดังว่า “เจียงซือ ! เจียงซือ ! ”
“โฮ่ง โฮ่ง ! ”
“โฮ่ง โฮ่ง ! ”
เมื่อได้ยินเสียงของเจียงชาน เจียงซือก็รีบวิ่งออกมาโถมตัวใส่เจียงชาน แรงกระแทกของมันเกือบทำให้เธอล้มลงกับพื้น
“โอ้ เจียงซือ ไม่ได้เจอกันแค่สองสามวัน แกตัวโตขึ้นมากเลยนะ ! ”
เจียงชานตั้งหลัก ก่อนจะกอดเจียงซือและอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น
เจียงเสี่ยวไป๋เองก็คิดแบบนั้น นี่ผ่านไปเพียงไม่กี่วันเท่านั้น แต่เจียงซือตัวโตขึ้นไม่น้อย
“กลับมาแล้วหรือ ! ”
ในขณะนี้ หลินเจียอินที่ท้องแก่ค่อย ๆ เดินออกมา เธอมองเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยแววตาที่แสนอบอุ่น
เจียงเสี่ยวไป๋พูดเบา ๆ ว่า “ผมกลับมาแล้ว ผมอยู่ถู่เฉิงต่ออีกสองวัน ถึงได้เพิ่งกลับมาวันนี้”
หลินเจียอินยิ้ม “นายอำเภอหลัวอยากให้คุณลงทุนในถู่เฉิงใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “ตอนแรกผมแค่ตั้งใจจะไปเยี่ยมเขาแทนพ่อของคุณ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากพูดคุยกันสั้น ๆ ผมกลับได้โครงการใหม่มาสองโครงการ”
“สองโครงการ ? ” หลินเจียอินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมได้ที่ดินสองแปลงที่นั่น ผืนหนึ่งสำหรับสร้างโรงงานผลิตเตาไฟ และอีกผืนสำหรับโรงงานคั่วเกาลัด”
ขณะที่ทั้งสองเข้าไปในบ้าน เจียงเสี่ยวไป๋อธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับทั้งสองโครงการในถู่เฉิงให้ฟัง
เจียงไห่หยางกำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ในห้องนั่งเล่น หลังจากฟังคำพูดของเจียงเสี่ยวไป๋แล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและพูดว่า “เจียอินจะคลอดลูกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ลูกยังจะลงทุนสร้างโรงงานที่อยู่ห่างไกลออกไปอย่างถู่เฉิงอีก ลูกมีพลังงานมากขนาดนั้นเลยเหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างขมขื่น เขายอมรับว่าตอนนี้งานของเขาเยอะจริง แต่สิ่งเหล่านี้ส่วนใหญ่ดูเหมือนจะเกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสม และเขาก็รับมันไว้โดยธรรมชาติ
“พ่อครับ ผมได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างแล้ว แค่ทำเพิ่มอีกสักอย่างสองอย่างเอง” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าว
หวังซิ่วจวี๋พูดจากด้านข้าง “ตาเฒ่า ไม่ต้องกังวลหรอก ลูกรองของเรามีแผนของเขาเสมอ”
หลังจากดุเจียงไห่หยางแล้ว เธอก็พูดกับเจียงเสี่ยวไป๋ว่า “จริงสิ เมื่อกี้ลูกเพิ่งพูดถึงโรงงานผลิตเตาไฟ ประเดี๋ยวก็จะเข้าฤดูหนาวแล้ว บ้านใหม่ของลูกยังไม่มีหลุมผิงไฟและปิ้งย่างเลย ลูกลองดูสิว่าพื้นที่ไหนของบ้านสามารถขุดเป็นหลุมไว้ผิงไฟได้บ้าง เดี๋ยวแม่จะให้พ่อของลูกไปขุด”
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินดังนั้น เขาก็รีบพูดว่า “แม่ เราจะขุดหลุมทำที่ผิงไฟในบ้านหลังนี้ไม่ได้”
ถึงอย่างไรบ้านนี้ก็สร้างมาจากโบราณทางวัฒนธรรมที่มีอายุเป็นร้อยปี กระเบื้องที่นำมาสร้างบ้านมีอายุหลายศตวรรษ ถ้าพวกเขาขุดออกมาทำที่ผิงไฟ เขาอาจจะอาเจียนเป็นเลือดเอาได้นะ ?
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หวังซิ่วจวี๋ก็ชะงักไป หญิงชรากล่าวว่า “ในฤดูหนาว ทุกครัวเรือนจะต้องขุดหลุมไฟไว้ให้ความร้อนและไว้สำหรับปิ้งย่าง โดยเฉพาะตอนทำเมนูเนื้อรมควัน หากเราไม่ขุดหลุมไฟในบ้านหลังนี้ แล้วเราจะเอาหลุมไฟที่ไหนผิงกับรมควันหมูล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “แม่ครับ ตอนสร้างบ้านผมได้ให้คนสร้างห้องซาวน่าไว้แล้ว ส่วนเรื่องปิ้งย่าง ผมไม่ได้พูดถึงแล้วเหรอ ? ผมจะตั้งโรงงานผลิตเตาไฟและโต๊ะผิงไฟในถู่เฉิง อีกไม่นานเราจะทำโต๊ะที่สามารถใช้ผิงไฟและปิ้งย่างได้ มันสะดวกกว่าการขุดหลุมไฟมาก และจะช่วยประหยัดฟืนอีกด้วย”
“โต๊ะผิงไฟ ? ” เจียงไห่หยางมองดูลูกชายของเขาด้วยความประหลาดใจและโพล่งออกมาว่า “โต๊ะสามารถทำเป็นที่ผิงไฟได้ เป็นไปได้จริง ๆ เหรอ ! ”
หวังซิ่วจวี๋และหลินเจียอินต่างก็ไม่เชื่อเช่นกัน
ในตอนแรก เจียงเสี่ยวไป๋ต้องการอธิบาย แต่แล้วเขาก็คิดว่าอาจต้องใช้เวลาสักพักกว่าพวกเขาจะเข้าใจ เขาจึงพูดว่า “แม่ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องปิ้งย่างหรอก ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง ! ”
“ตกลง ! ” แม้ว่าเจียงไห่หยางจะรู้สึกแปลก แต่เขาก็ยังเชื่อในความสามารถของลูกชาย “ไว้เมื่ออากาศดี พ่อและแม่ของลูกจะขึ้นภูเขาไปตัดฟืนมาเพิ่ม เราจะได้มีเพียงพอไว้ใช้ในฤดูหนาว”