ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 498 : มีวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่เป็นเรื่องปกติของเถ้าแก่
- Home
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 498 : มีวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่เป็นเรื่องปกติของเถ้าแก่
ตอนที่ 498 : มีวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่เป็นเรื่องปกติของเถ้าแก่
เจียงเสี่ยวไป๋เดาปฏิกิริยาของพนักงานหญิงเหล่านี้ไว้อยู่แล้ว
มันไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องของแนวคิด
และกรอบความคิดเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ง่ายที่สุด โดยแทบไม่ต้องได้รับการศึกษาเลย มีเพียงอำนาจของเงินเท่านั้นที่จะเปลี่ยนมันได้
การเปิดกว้างของคนรุ่นใหม่เกิดจากการพัฒนาทางเศรษฐกิจไม่ใช่หรือ ?
เขาพูดอย่างใจเย็นว่า “ผมไม่สนใจว่าพวกคุณคิดอย่างไร แต่ผมขอบอกพวกคุณว่าการนวดเท้าเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย และหมอนวดก็เป็นอาชีพที่ถูกต้องตามกฎหมาย หมอนวดหาเงิน ใช้ทักษะการนวดและใช้แรงฝีมือ ทั้งยังเป็นการออกกำลังกาย ไม่มีอะไรน่าละอายเกี่ยวกับเรื่องนี้”
เขาหัวเราะและมองไปยังหลี่อิงจวิ้นแล้วพูดว่า “ในจุดนี้ พวกคุณสามารถถามหมอหลี่ได้ว่ามีสิ่งใดที่ไม่เหมาะสมเกี่ยวกับการนวดหรือไม่ ? ”
หลี่อิงจวิ้นกำลังรอดูว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะแก้ปัญหาแนวความคิดของหญิงสาวเหล่านี้อย่างไร ทันใดนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ก็โยนบทสนทนามาหาเขา เขาตกตะลึงเล็กน้อยและต้องพูดว่า “คุณเจียงพูดถูก การนวดเป็นอาชีพทางการแพทย์แผนจีน ซึ่งการนวดเป็นการดูแลสุขภาพมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว”
หลังจากได้ยินคำพูดของหลี่อิงจวิ้น หญิงสาวทุกคนก็เงียบเสียงลง
เจียงเสี่ยวไป๋เหลือบมองพวกเธอแล้วพูดว่า “พวกคุณทุกคนผ่านการฝึกทหารมาครึ่งเดือนแล้ว ครูฝึกบอกพวกคุณหรือเปล่าว่าเมื่อพวกคุณอยู่ในกองทัพแล้ว ไม่มีแบ่งแยกชายหรือหญิง มีเพียงทหารเท่านั้น ! ”
“ในทำนองเดียวกัน หลังจากที่คุณกลายเป็นหมอนวด ไม่ว่าลูกค้าของพวกคุณจะเป็นชายหรือหญิง พวกเขาก็แค่ลูกค้าเท่านั้น และไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องเพศ”
หลังจากหยุดพูดไปชั่วครู่ เขาได้พูดต่อว่า “แน่นอน ถ้าพวกคุณยังยืนกรานจะไม่ทำ ผมเองก็จะไม่บังคับพวกคุณ ในโลกนี้มีผู้คนยินดีและต้องการรายได้ 300 หยวนต่อเดือนอีกไม่น้อย แต่หากนั่นคือสิ่งที่พวกคุณต้องการ โอกาศนี้ก็ยังอยู่”
หลังจากพูดสิ่งนี้ เขาก็พูดเสียงดังว่า “คนที่เต็มใจที่จะเรียนรู้ทักษะต่อไปก็อยู่ที่เดิม ส่วนคนที่ไม่ต้องการทำงานก็ก้าวออกมายืนเคียงข้างผม ผมจะจ่ายเงินเดือนในช่วงที่ฝึกทหารให้ จากนั้นพวกคุณก็กลับไปได้”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็เงียบและรอให้พนักงานหญิงตัดสินใจเลือกเอง
ผู้หญิง 20 คนมองหน้ากันอย่างไม่แน่ใจ
เห็นได้ชัดว่าเกือบทุกคนกำลังดิ้นรนและลังเล
เงินเดือนเดือนละ 300 หยวน ต่อให้เป็นพนักงานของรัฐวิสาหกิจ แต่ก็ยังต้องใช้เวลาทำงานเป็นปี กว่าจะสะสมเงินจำนวนนี้ได้
ยิ่งไปกว่านั้น หากรัฐวิสาหกิจเข้าถึงได้ง่าย ทุกคนคงทำไปนานแล้ว
“เราควรทำอย่างไร ? ”
“จะเลือกอย่างไร ? ”
“ควรยึดมั่นในแนวคิดดั้งเดิมดีไหม ? ”
“หรืออยู่เรียนนวดแล้วมาเป็นหมอนวด ? ”
ตอนนี้เกือบทุกคนอยู่ในภาวะสงครามภายในใจ ไม่มีใครเต็มใจที่จะเดินจากไป
เจียงเสี่ยวไป๋มองดูทุกคนอย่างสงบ หลังจากผ่านไปประมาณ 1 นาที เขาก็พูดว่า “การจ้างงานเป็นการยินยอมทั้งสองฝ่าย และไม่มีใครบังคับใคร ผมจะพูดอีกครั้ง ผู้ที่เต็มใจเรียนรู้เทคนิคการนวดให้ยืนอยู่ที่เดิม ส่วนผู้ที่ไม่เต็มใจก้าวไปข้างหน้า ผมจะให้เวลาพวกคุณพิจารณาอีกสักนาที”
ขณะที่เขาพูด เขาก็ยกข้อมือขึ้นแล้วมองดูนาฬิกาด้วยสีหน้าจริงจัง บ่งบอกถึงความเร่งด่วน
ตอนนี้เขาใช้กลยุทธ์ที่ละเอียดอ่อนสองประการ
หนึ่งคือเขาพูดว่า ‘เต็มใจที่จะเรียนรู้เทคนิคการนวด’ แทนที่จะใช้คำว่า ‘ทำงานนวด’ ซึ่งพวกเธอจะต่อต้านคำว่า ‘เรียนรู้เทคนิค’ น้อยกว่าคำว่า ‘ทำงานนวด’
อีกกลยุทธ์หนึ่งคือการบอกว่าผู้ที่เต็มใจเรียนรู้เทคนิคการนวดควร ‘อยู่’ กับที่ และผู้ที่ไม่เต็มใจให้ก้าวไปข้างหน้า
ความสงบนิ่งและการเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง
โดยทั่วไปแล้ว เมื่อผู้คนยังไม่ตัดสินใจ พวกเขามักจะชอบอยู่เงียบ ๆ หรือรักษาสภาพที่เป็นอยู่
ดังนั้นหญิงสาวทั้ง 20 คนจึงไม่ขยับเลย
ถ้าคุณไม่ขยับ ฉันก็จะไม่ขยับ ในสายตาคนอื่น นี่หมายความว่าคุณเต็มใจที่จะอยู่ต่อ
เพราะคนจีนมักจะมีแนวคิดที่จะปฏิบัติตามกันโดยเนื้อแท้ ทำให้คนที่ยังลังเลและไม่เต็มใจไม่กล้าที่จะแสดงออก แม้แต่ผู้ที่ในตอนแรกมีแนวโน้มจะก้าวออกมาในตอนแรกก็ยังนิ่งเงียบอยู่ที่เดิมเช่นกัน
และถ้าเขาพูดตรงกันข้ามว่าผู้ที่ไม่เต็มใจทำงานควรอยู่กับที่ คนส่วนใหญ่จะยังคงไม่แน่ใจจนกว่าพวกเขาจะตั้งใจที่จะดำเนินการ ทำให้เกิดภาพลวงตาว่ามีผู้คนจำนวนมากขึ้นที่ไม่เต็มใจทำงาน
“39 ! ”
“38 ! ”
“37 ! ”
“……”
เจียงเสี่ยวไป๋นับถอยหลังด้วยท่าทางนิ่งเงียบ
หยวนย่วนและหญิงสาวคนอื่นต่างก็วิตกกังวลและไม่สบายใจอย่างอธิบายไม่ถูก
จะไปหรืออยู่ ทุกคนก็ยังลังเล
พวกเธอไม่สามารถเปลี่ยนความเชื่อที่ฝังแน่นได้ชั่วขณะหนึ่ง แต่พวกเธอก็ไม่เต็มใจที่จะละทิ้งงานที่มีรายได้ 300 หยวนต่อเดือน
ซึ่งพวกเธอก็เข้าใจดีว่าเมื่อพวกเธอออกจากพื้นที่ตรงนี้แล้ว พวกเธอจะไม่มีโอกาสเช่นนี้อีกต่อไป
แม้ทำงานที่อื่น พวกเธอก็ไม่สามารถได้รับเงินเดือนที่สูงเช่นนี้ได้
“10 ! ”
“9 ! ”
“8 ! ”
“……”
เจียงเสี่ยวไป๋ยังคงนับถอยหลังด้วยท่าทางสงบ และน้ำเสียงไม่แยแสของเขาดังก้องกังวานราวกับระฆังในหัวใจของแต่ละคน พวกเธอกัดฟัน บางคนดูเหมือนจะต่อสู้กับความคิดภายในใจอย่างหนัก บางคนเหมือนจะตัดสินใจอย่างยอมรับแล้ว
“3 ! ”
“2 ! ”
“1 ! ”
“0 ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ลดข้อมือลง สายตาของเขาละออกไปจากนาฬิกา ขณะที่เขามองไปที่หญิงสาว 20 คนที่อยู่ตรงหน้าเขา
ทุกคนยังคงยืนอยู่ที่เดิม
ในเวลานี้ ดูเหมือนจะมีความรู้สึกโล่งใจบนใบหน้าของพวกเธอ
“ดี ! ”
“ในเมื่อพวกคุณเลือกที่จะอยู่ต่อและเรียนรู้ พวกคุณก็จะได้กลายเป็นพนักงานของคลับเฮาร์เราอย่างเป็นทางการ”
“ในอีกหลายปีต่อจากนี้ พวกคุณจะรู้สึกขอบคุณสิ่งที่พวกคุณเลือกในวันนี้คือสิ่งที่ถูกต้อง”
“ตอนนี้พวกคุณเป็นเพียงพนักงานด้านทักษะ แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าในอนาคตจะมีคลับเฮาส์ดื่มชาสปาเท้าของเรากระจายไปทั่วในเมืองใหญ่ ๆ ทั้งประเทศ ในเวลานั้นพวกคุณจะได้เป็นผู้จัดการและกำหนดชีวิตของพวกคุณเอง”
เจียงเสี่ยวไป๋มองไปที่พนักงานหญิงสาวเหล่านี้และบรรยายถึงอนาคตที่สดใสของพวกเธอด้วยคำพูดที่มีพลัง
ดังคำกล่าวที่ว่า: เถ้าแก่ที่ไม่สัญญาว่าจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่นั้นไม่ใช่เถ้าแก่ที่แท้จริง
สำหรับเถ้าแก่ การสร้างวิสัยทัศน์ให้กับพนักงานถือเป็นกิจวัตรประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับพนักงานใหม่ คุณต้องให้วิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่แก่พวกเขา เพื่อจุดประกายความกระตือรือร้นของพวกเขา
หลังจากที่ได้ยินเช่นนี้ พนักงานหญิงต่างก็ตื่นเต้นและซาบซึ้งใจ
หยวนย่วนยกมือขึ้นอีกครั้ง “ผู้ช่วยเจียงคะ สิ่งที่คุณพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “พวกคุณเข้าร่วมการฝึกทหารมาครึ่งเดือนแล้ว ผมเชื่อว่าพวกคุณก็รู้เกี่ยวกับธุรกิจบางอย่างที่ผมก่อตั้งขึ้น เช่น ธุรกิจกุ้งอบน้ำมัน พนักงานเสิร์ฟชุดแรกที่ร้านเรือธงถนนชิงโจว ตอนนี้มีใครในพวกเขาบ้างที่ไม่ใช่ผู้จัดการร้านสาขา ? ”
เมื่อได้ยินดังนั้น พนักงานหญิงก็พยักหน้าเห็นด้วย
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “ในอนาคต ร้านสปาของเราจะสร้างรายได้มากกว่าร้านกุ้งอบน้ำมันเสียอีก ตราบใดที่พวกคุณเรียนรู้ได้ดี พวกคุณก็สามารถเป็นผู้จัดการร้านได้ แม้กระทั่งเป็นเถ้าแก่ก็ยังได้ ! ”
แปะ แปะ แปะ !
พนักงานหญิงปรบมืออย่างกระตือรือร้น และเสียงปรบมือก็ยาวนาน
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มด้วยความพึงพอใจ และหันไปหาหลี่อิงจวิ้นแล้วพูดว่า “การฝึกครั้งถัดไปจะเป็นหน้าที่ของคุณแล้ว ! ”